วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560

15 วัน อินเจแปน ตอน 6.3 งงๆเขินๆ ระหว่างทาง จากอะซาฮิกาวะ(Asahikawa)ไปอะบาชิริ(Abashiri) ด้วยรถไฟด่วนพิเศษ LTD. EXP TAISETSU 3


ตอนนี้จะเป็นการเดินทางจากสถานีอะซาฮิกาวะไปสถานีอะบาชิริหลังจากกลับมาจากสวนสัตว์ฮะซาฮิยามะ โดยจะใช้เวลาที่สถานีนี้เพื่อทานอาหารก่อนจะเดินทางด้วยรถไฟต่อไป ไปถึงอะบาชิริก็จะเข้าเช็คอินที่โรงแรมโตโยโกะอินน์เจ้าเดิม สาขาอะบาชิริ อยู่ใกล้สถานีอะบาชิริมากๆ ฝั่งตรงข้ามกันนั่นเอง ถ้าไม่ดึกไปก็จะหาอะไรทานก่อนกลับเข้าที่พักครับ


มาถึงสถานีอะซาฮิกาวะ เวลา 15.36 น. มีเวลาเหลือเฟือก่อนรถไฟที่จองที่นั่งมาจะออก โดยรถไฟรอบที่จองที่นั่งออกเวลา 17.05 น.  อย่างที่บอกไปครับว่า ตอนมาถึงที่สถานีนี้ก็ชอบการตกแต่งด้วยไม้เอามากๆ มันดูคลาสสิคจริงๆ โล่งและสะอาดสะอ้าน


ผมวางกระเป๋าสะพายหลังที่แบกมาทั้งวันไว้ พอวางมันลง ไหล่ทั้งสองข้างโล่งขึ้นมาทันใดเลย แต่ก็ดีหน่อยที่ไม่ต้องลากกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย ไม่งั้นลำบากแน่ๆ ใบนี่ซื้อก่อนจะเดินทางไม่ถึง 2 วัน ฮ่าๆๆ


ไหนลองใช้เครื่องชั่งกระเป๋าที่ทั้งขายเองด้วยและนำมาใช้เองดูซิว่าใบนี่หนักกี่โล โห... 7.45 กก.เอ๊งงงงง แบกมาได้ว้าาาา???  สั่งซื้อได้ที่ Shopee นะครับ


เดินเข้าไปสำรวจร้านที่ชั้นล่างนี้ มีทั้งของที่ระลึกขายและราเม็ง คือแบบน่าทานมากๆ เลยสั่งไป 1 ชาม ชาชูเม็ง ชามใหญ่มว้าาากกก หมูนี่แผ่นใหญ่หลายชิ้นเลย คุ้มสุดๆกับราคา 670 เยน อร่อยฝุดๆ


ตรงนี้เป็นรูปรถไฟพร้อมกับเจ้าหน้าที่รถไฟและสัตว์หลายชนิดชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถไฟให้นักท่องเที่ยวได้ไปถ่ายรูปกันเก็บเป็นที่ระลึกว่าได้มาสถานีอะซาฮิกาวะแล้ว


เดินจนไม่มีอะไรดูแล้วก็ขึ้นไปด้านบนชั้นชานชาลาครับ ชานชาลา 3 ทางด้านซ้ายมือ รถไฟขบวนต่อไปออกเวลา 17.05 น. คือขบวน LTD. EXP TAISETSU 3 ที่ผมจะนั่งไปนั่นเอง


รถไฟขบวนนี้มาจอดรอตั้งแต่ไก่โห่เลย ตอนแรกคิดว่าไม่ใช่ขบวนของเราซะอีก แต่พอไปดูป้ายที่ตู้รถไฟ อ้าววว ใช่ขบวนนี้เอง เลยขึ้นไปนั่งรอครับ


ตู้รถไฟนี้โล่งมากๆ เพราะยังไม่มีคนขึ้นมาเลย มีผมคนเดียวเท่านั้น


กลับหลังหัน ถ่ายอีกมุมหนึ่ง ในที่สุดใกล้เวลารถไฟจะออก ผู้คนต่างก็ขึ้นมาจนเกือบจะเต็ม ก็นั่งไปเรื่อยๆครับ มืดซะส่วนใหญ่ บางจุดที่ผ่านก็รับสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยจะได้


แต่มันมีสถานีหนึ่งที่เป็นไฮท์ไลท์ครับ นั่นคือสถานี Engaru เพราะรถไฟจะต้องกลับทิศทางการเดินทาง ซึ่งผมดูจาก Google Map แล้วก็พอทราบอยู่จากลักษณะของสถานี(ดังภาพ) ตอนช่วงเวลาประมาณ 18.57 น. แต่ที่ทำให้ผมงงนั้นคือ...


 พอรถไฟเข้าสถานี Engaru แล้ว จนรถไฟจอดนิ่ง ทุกคนลุกจากที่นั่งกันหมด (ในใจผมรู้สึกตกใจว่า เฮ้ย...มันจะสุดสายที่สถานีนี้หรือไงนะ ทำไมลุกกันหมดเนี่ย?) สักพัก ทุกคนใช้เท้าเหยียบไปที่เหล็กที่ยื่นออกมาจากเบาะตรงทางเดิน เหยียบเสร็จก็หมุนเบาะไป 180 องศา เฮ้ย.....ตกใจแทบแย่ อ๋อ เพราะรถมันเปลี่ยนทิศทาง 180 องศานั่นเอง ก็เลยเปลี่ยนทิศทางของเบาะที่นั่งด้วย ผมเองก็ลุกตาม เก้ๆกังๆ เหยียบบ้าง แล้วหมุนเบาะ แต่ดันไปชนเบาะกันกับอีกแถวที่ติดกันครับ 555 แล้วไงต่อวะเนี่ย? นึกในใจ สุดท้ายให้แถวนั้นเขาหมุมก่อนให้เสร็จ แล้วก็หมุนเบาะของเรา ดีนะที่มีผู้โดยสารหญิงชาวญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆกันเขาช่วยทำให้ แต่พอหมุนเบาะมาเสร็จ อ้าวว คราวนี้งงอีกว่าต้องนั่งตำแหน่งไหน(ว่ะ) นั่งติดทางเดินเหมือนเดิม(แต่คนละที่นั่ง) หรือนั่งที่นั่งเดิม(แต่เปลี่ยนไปนั่งติดหน้าต่าง) เออเว้ย...งง สุดท้ายดูผู้โดยสารหญิงข้างๆเขานั่งลงที่ที่นั่งติดหน้าต่างเหมือนเดิม เป็นอันว่า ผมก็นั่งตามในที่นั่งติดทางเดิน เฮ้อ....โล่งอกไป หน้าแตกสุดๆ แต่คิดในใจ ไม่ใช่คนญี่ปุ่นนี่หว่า ก็มันไม่เคย 555 เลยจำไว้ขึ้นใจว่า ให้ยึดที่นั่งตามตำแหน่ง(ติดหน้าต่าง/ติดทางเดิน) ไม่ใช่ตามตัวเบาะที่นั่งที่เคยนั่งเดิม!


20.49 น.ก็มาถึงยังสถานีปลายทาง สถานีอะบาชิริ(Abashiri Station) คนเหลือไม่กี่คนเองครับที่ลงสถานีนี้ ถือว่าชนบทมากๆ


ออกไปทางออกของสถานี


ออกมาจากอาคารสถานีก็เจอภาพนี้เลย เห็นโรงแรมโตโยโกะอินน์อย่างเด่นชัดมากๆ อยู่ฝั่งตรงกันข้ามนั่นเอง สะดวกที่สุดแล้วครับถ้าใครจะมาที่อะบาชิริ


เดินลงมาต้องระวังนิดนึงนะครับ เพราะน้ำแข็งจากหิมะกำลังละลายพอดี มันจะลื่นหัวแตกเอาได้ง่ายๆ ทางที่ดีคือ จับราวบันไดครับ ลงมาพื้นล่าง ถ่ายรูปปั้นนี้สักหน่อย ใครถือไม่ทราบได้ครับ แต่น่าจะเป็นคนสำคัญของอะบาชิริ


ข้ามถนนมาแล้ว เตรียมจะข้ามซอยไปอีกฝั่งซึ่งคือโรงแรมโตโยโกะอินน์นั่นเอง แต่ดูสิครับ ถนนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ต้องเดินช้าๆ เดินจิกเท้าเพื่อไม่ให้ลื่นครับ


แล้วก็เช็คอินที่เคาน์เตอร์กันก่อน ชอบมากๆ เมื่อเข้ามาพักที่เครือโรงแรมนี้ครับ


เก็บสัมภาระที่ห้องแล้วก็ลงมาหาอะไรทานครับ เดินไปเดินมา กลับไปที่สถานีอะบาชิริอีกครั้ง ไปกดถั่วแดงต้มมากินครับ 555 ชอบมากๆ กดมา 2 กระป๋องทีเดียว แต่ยี่ห้อนี้ยังไม่โดนเหมือนที่อูเอโนะ


หาร้านอาหารยังไม่ถูกใจสักที สุดท้ายกลับมาที่โรงแรมดีกว่า เปลี่ยนเป็นมากดเบียร์กับกับแกล้มที่โรงแรมแล้วเอาขึ้นไปทานที่ห้องครับ ตรงถังขยะที่โรงแรม ชอบวิธีการจัดการของเขานะครับ จะแบ่งเป็น ถังสำหรับขยะที่เผาได้, แก้วกระดาษเท่านั้น และ กระป๋องหรือขวดน้ำ จากซ้ายไปขวาตามลำดับ


ขึ้นมาถึงห้องพักก็ถ่ายเตียงกันอีก แม้ว่าทุกๆสาขาของโตโยโกะอินน์จะจัดเตียงและอื่นๆเหมือนๆกันแบบเป๊ะๆ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายเก็บไว้ครับ


มุมจากปลายเตียงไปหัวเตียง


และมุมจากด้านในห้องไปหามุมโต๊ะทำงานและทีวี


มาที่ห้องน้ำกันบ้าง เหมือนๆเดิม แต่สะอาด


อีกภาพครับ


จุดกดแชมพู คอนดิชั่นเนอร์ และครีมอาบน้ำ


และก็มาฉลองกับเบียร์อาซาฮี Super Dry เย็นๆ พร้อมกับถั่วกระป๋อง


ก่อนจะจากลากันในคืนนี้ด้วยวิวที่มองจากห้องพักไปยังร้านอาหารข้างล่างอีกฝั่งหนึ่งของถนน ไว้ถ้ามีเวลาจะไปทานในวันพรุ่งนี้ครับ โปรดติดตามกันในวันรุ่งขึ้น โดยจะมีแพลนไปพิพิธภัณฑ์นักโทษอะบาชิริ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น