วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561

15 วัน อินเจแปน ตอน 15.2 ไปเดินถนนช็อปปิ้ง Kokusai dori และซื้อของฝากที่ห้างอิออน ก่อนจะบินกลับกรุงเทพ ปิดทริปยาวๆ 15 วันในญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์


ในที่สุดก็มาถึงตอนสุดท้ายสักทีนะครับ ต่อจากตอนก่อนที่ไปแวะทานอาหารกับกาแฟที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท หลังจากกลับจากปราสาทชูริ ได้ขึ้นรถบัสกลับมาที่สถานีชูริ พอนั่งรถไฟได้ก็เลือกลงสถานี Kencho Mae Station เพื่อไปถนนนานาชาติ(Kokusai dori) ไปเดินเล่นๆว่ามีของอะไรน่าสนใจหรือไม่ เพราะยังมีเวลาเหลือกว่าจะบินกลับ หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟต่อมาลงสถานี Oroku เพื่อไปซื้อเสื้อฮีทเทคในร้าน Uniqlo และของฝากอื่นๆจากเพื่อนในเฟส ที่ลืมไม่ได้คือ ก่อนจะกลับสนามบินต้องไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ Coin Locker ด้วย 555 ไม่งั้นกลับโดยไม่มีกระเป๋าซวยเลย แล้วสุดท้ายก็กลับสถานีนะฮะ สถานีปลายทางสนามบิน เข้าเช็คอินและเตรียมตัวบินกลับกรุงเทพ ประเทศไทยต่อไป


หลังจากอิ่มกับอาหารที่ร้านแฟลิลี่มาร์ท ก็มีพลังขึ้นมา กำลังจะเดินกลับไปสถานีชูริเพื่อขึ้นรถไฟกลับต่อไป แต่เจอป้ายรถบัสอยู่หน้าร้านเลย ดูเวลารถที่จะมาถึงก็ใกล้เวลาตอนนั้นซะด้วย เลยเลือกที่จะยืนรอก่อน ซึ่งก็จริงๆด้วยไม่ถึง 5 นาทีรถบัสก็มาถึง ถามพนักงานขับรถก่อนเลยว่าไปสถานีชูริมั้ย ได้ความว่าไป ก็เลยเข้ามานั่ง ดีเลยไม่ต้องเสียกำลังขาเดิน แล้วก็มาลงที่สถานีชูริ ขึ้นไปรอรถไฟที่ชานชาลา


ได้ชมวิวระหว่างทางไปด้วย


ถึงแล้วครับ สถานี Kencho-Mae ออกจากสถานีก็เดินมาที่ทางเชื่อมต่อ ไปห้าง Ryubo ที่อยู่ติดสถานี


เดินผ่านมาตรงนี้ เห็นแผ่นสแตนเลสที่เขากัดเป็นสัตว์เลื้อยคลานและแมลงแปลกดีครับ


 ผมเข้าไปดูในห้องนิดหน่อย แล้วก็เดินออกมา เพราะจะไปถนน Kokusai dori ต่อไป


มารอข้ามไปฝั่งตรงข้ามซึ่งก็คือถนน Kokusai dori แล้ว สังเกตจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งชุดสีขาวคอยช่วยเหลือประชาชนอยู่


เริ่มเดินในถนน Kokusai dori แล้วครับ แปลกตาดีเหมือนกันกับการตกแต่งร้าต่างๆ


ร้านนี้ดูมีเอกลักษณ์ดีอ่ะ แถมทั้งถนนมีต้นมะพร้าวปลูกอยู่ มันทำให้รู้สึกว่ามาเดินเมืองตากอากาศตามชายทะเลจริงๆ ก็เป็นเมืองตากอากาศของอเมริกามาก่อนตามที่เราๆทราบกันเยอะ ชอบๆ


อีกมุมหนึ่ง


ป้ายโฆษณาร้านนี้แปลกดีครับ เอาหัวสุนัขมาใส่แทนคน ฮ่าๆๆ


ข้ามฝั่งมาเลนนี้แล้วก็จะเดินกลับแล้ว


ร้านนี้ขายอะไรหว่า?? กระเป๋าหนังกบ? น่าสงสารมันออก


ได้เวลากลับแล้วครับ ขึ้นมารอรถไฟที่สถานี Kencho-Mae เหมือนเดิม รถไฟกำลังมาพอดีเลย


ผ่านแยกอะไรสักอย่าง ที่เห็นคือแม่น้ำ  Kokuba River ขนานไปกับสายโมโนเรลบางช่วง


โค้งนี้สวยงามมากๆครับ กดมาหลายช็อตเลย กำลังข้ามแม่น้ำ Kokuba River


แล้วผมก็ลงที่สถานี Oroku อีกครั้ง มาซื้อกางเกงเลกกิ้งให้น้อง เขาชอบสีน้ำเงิน ไซส์ L พร้อมกับแวะซื้อชาเขียวแบบผงให้เพื่นในเฟสที่ฝากมาครับ แล้วไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่สถานีก่อนจะขึ้นรถไฟกลับสนามบินต่อไป

มาเฉลยนะครับว่า บัตร 1 Day Pass Monorail ราคา 800 เยนนั้นคุ้มมั้ย มาดูกันครับว่าผมขึ้นลงๆกี่เที่ยวและราคาเท่าไหร่บ้าง ถ้าขึ้นโดยไม่ได้ใช้บัตรนี้ แล้วจ่ายเงินสดเอง
1.Naha-Kuko Station - Oroku Station 230 Y
2.Oroku Station - Shuri Station 330 Y
3.Shuri Station - Kencho-Mae Station 300 Y
4.Kencho-Mae Station - Oroku Station 260 Y
5.Oroku Station - Naha-Kuko Station 230 Y
รวมแล้ว 1,350 เยน ก็รู้คำตอบแล้วนะครับว่าคุ้มมั้ย อ้อ....แต่ถ้าไปลงสถานีชูริและกลับมาสนามบินเลยก็ไม่คุ้มนะครับ


มาถึงสนามบินแล้ว นึกขึ้นได้ว่า ออกที่เทอร์มินอล LCC คือ Low Cost Carrier นี่หน่า เลยต้องรีบไปขึ้นรถบัสฟรีสาย 4 ไป LCC ปล.ใช้มือถือถ่าย ภาพเลยแย่มากๆ


ถึงแล้วครับเทอร์มินอล LCC ไม่น่าเชื่อว่าห่วยมากๆ ห่วยกว่า LCCT ของแอร์เอเชียในกัวลาลัมเปอร์ตอนนั้นอีกครับ! เพราะเป็นญ๊่ปุ่นด้วยไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาห่วยแบบนี้ เสียชื่อญี่ปุ่นหมด


มาถึงก็ลองชั่งน้ำหนักกระเป๋าก่อนเลยครับ กลัวเป็นแบบที่ขึ้นมาจากนาริตะที่เกินไป 1.2 kg. คราวนี้ 14.2 kg. ไม่เกินครับ สนใจหาซื้อได้ตามนี้ครับ คลิก


 ยังเช็คอินไม่ได้ครับ เที่ยวบิน MM989 ที่จะต้องขึ้นกลับกทม. เหลืออีก 1 ชม. ตอนนี้ 18.45 น.


ดูดิวตี้ฟีของเขาสิ อย่างเล็กมากกกกก


ได้เวลาเข้ามาข้างในแล้ว บอกเลย กว่าจะเช็คอินได้ และผ่านตม. นานมากๆ โดยรวมเทอร์มินอลนี้แย่ครับ อันนี้เหรียญที่เหลือมาทั้งหมด แลกคืนไม่ได้


เครื่องบินพร้อมแล้วจร้าาาาา ฝนพรำๆ


และก็ได้ขึ้นเครื่องสมใจ ขอหลับไป 4 ชม. เพลียมากๆ


บินประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ มารอรับกระเป๋าตอนเวลาตี 1 พอดี

ก็เป็นอันจบทริป 15 วัน อินเจแปนอย่างสมบูรณ์ เป็นทริปที่ชอบมากๆครับ ได้ไปหลายๆที่ในฮอกไกโด เกือบจะครบทุกเมืองเลยก็ว่าได้ บางคนแค่เที่ยวในซัปโปโรหรือเมืองใกล้เคียงอย่าโอตารุแค่นั้นเอง นี่ได้เที่ยวรอบ แถมมาเก็บตกโตเกียว มาเก็บสถานที่ที่พลาดไป และสุดท้ายได้ชิมเมืองโอกินาว่าแบบครึ่งวัน เรียกได้ว่าทริปนี้ทำได้ครบรสมากๆเลย เจอกันใหม่ทริปหน้า...ซากุระบาน (ในตอนที่กลับมาทริปนี้จริงๆยังไม่มีแพลนไปไหนอีกนะครับ แต่ตอนเขียนบทความนี้ก็จบทริปซากุระไปแล้ว)


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น