[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 7.3] [ตอน 7.4] [ตอน 8.1] [ตอน 8.2] [ตอน 9.1] [ตอน 9.2] [ตอน 10.1] [ตอน 10.2] [ตอน 11.1] [ตอน 11.2] [ตอน 11.3] [ตอน 12.1] [ตอน 12.2] [ตอน 13.1] [ตอน 13.2] [ตอน 14.1] [ตอน 14.2] [ตอน 15.1] [ตอน 15.2]
รถบัสจากคิโรโระสกีรีสอร์ทมาส่งที่สถานี Otaruchikko ประมาณ 5 โมงเย็น ผมนี่ลุ้นมากๆ ว่าจะเข้าไปในสถานีแล้วขึ้นรถไฟทันรอบ 17.06 น.มั้ย แต่จริงๆถึงไม่ทันก็จะมีรอบต่อไปเวลา 17.16 น. แต่ใจอยากให้ทันรอบแรก ลงมาจากรถบัสแล้วก็ต้องรีบเดินแซงคนข้างหน้าที่เดินแบบชิลล์ๆ แถมหิมะสูงเต็มทางเดินอีก รีบเดินผสมวิ่งครับ เพื่อจะให้ทันเวลา 17.06 น.ตามเวลาที่รถไฟจะออก ด้วยความรีบและหนาว กำลังจะหาถุงมือมาใส่ เอ้ย....หาไม่เจอ หายังไงก็ไม่เจอ งั้นไปรอที่ชานชาลาก่อนละกัน ตอนนี้ 17.04 น. เหลืออีกเพียง 2 นาทีเท่านั้น เฮ้อ....เกือบไป
พอขึ้นไปในรถไฟ ก็ยืนนึกว่าไปทำหายที่ไหนนะ นึกไปนึกมา อ้อ...ลืมถอดไว้ที่เบาะหน้า ตรงที่นั่งของรถบัสที่นั่งมาจากคิโรโระฯนั่นเอง เสียดายจัง คงต้องหาซื้อใหม่แน่ๆ
ไปถึงสถานีซัปโปโรเวลา 17.32 น. ลงจากรถไฟก็เดินไปที่ที่ทำการ JR เลย ไปรับตั๋วจองที่นั่งล่วงหน้ามา 3 ใบด้วยกันโดยไปที่เคาน์เตอร์เดิมกับเมื่อวานที่ไปแลก JR Pass ตัวจริงมา ก็ราบรื่นดีครับ เจ้าหน้าที่ขอบัตรเครดิตที่เราทำการอ้างอิงขณะจองบนเว็บไปรูด เขาก็จะรู้ว่าเจ้าของบัตรที่จองมาถูกคน ไม่ใช่ใครที่ไม่ได้จองแล้วมารับไป
เสร็จแล้วก็เดินเล่นหาร้าน Uniqlo ก็ไปเจอที่ศูนย์การค้า Esta ตึกที่ติดกับสถานีซัปโปโรฝั่งใต้ อยู่ชั้นบนๆ จำชั้นไม่ได้แล้วครับ จุดประสงค์หลักคือ ไปหากางเกงลองจอน Heattech Ultra Warm เนื่องจากยังหาไม่ได้เลย มีแต่ Extra Warm ส่วนเสื้อ Heattech Ulta Warm ได้แล้วที่ช็อปสถานีอูเอโนะดังที่ทราบกัน และพ่วงหาซื้อถุงมือไปด้วยเลยเพราะเพิ่งทำหายมาสดๆร้อนๆ สรุปคือได้ครบทั้งกางเกง Ultra Warm 1 ตัว(1990Y)และถุงมือ 1 คู่(990Y) เอาแบบปกติ ไม่ต้อง Heattech แต่ใช้นิ้วทัชสกรีนได้ รวมแวทแล้ว 3,215 เยน ถูกกว่าในไทย!
ได้ของเสร็จก็ไปยืนต่อแถวรอชำระเงิน ดูสิครับ คนรอชำระเงินอย่างกับเขาแจกฟรี 555 บอกเลยครับว่า ร้าน Uniqlo เสมือนกับเป็นร้านเสื้อผ้าคู่ประเทศญี่ปุ่นเลยนะครับ ราคาพอดีๆ ไม่แพง ทำให้คนญี่ปุ่นเองเขาชื่นชอบและภูมิใจในยี่ห้อนี้มากๆ แล้วเราคนไทยก็ปลื้มไปด้วยว่า เราเองก็ใช้ยี่ห้อที่คนญี่ปุ่นเองเขาก็ใช้นะเออ ไม่ใช่แบรนด์ที่ทำมาเพื่อคนต่างประเทศอย่างเดียว ซึ่งเสื้อผ้า Heattech, Fleece Jacket, Down Jacket และอื่นๆที่ผมใส่มา 5 วันนี้มันพิสูจน์คุณภาพไปแล้วว่าของเขาดีจริงๆ ไม่ได้ยอแต่อย่างใด!
เดินจนเมื่อยเลยทีเดียว ต่อจากนั้นก็มองหาร้านอาหารครับ หิวมากๆ ไปได้ชามนี้มา ข้าวหน้าไข่หอยเม่นและไข่ปลาแซลม่อนโรยด้วยสาหร่าย ก็พอกล้อมแกล้มไปได้แต่ไม่อิ่มเลยแฮะ น้อยจัง
เพื่อไม่ให้เสียเวลา ก็เลยจับรถไฟรอบ 19.26 น. จากสถานีซัปโปโรมาลงสถานีโอตารุในเวลา 20.09 น. วันนี้เลยนั่งรถไฟ 3 รอบไปมา
ออกจากชานชาลามาที่โถงของสถานีโอตารุ ตอนที่ไปมี Glass Art Gallery พอดี หรือแกลเลอรี่ศิลปะที่ทำด้วยแก้ว
แล้วก็ออกจากสถานีเพื่อเดินไปยังโรงแรม Smile Hotel ที่ได้จองไว้จาก Booking.com ด้านหน้าสถานีนี่ตรงกับ 3 แยกพอดีเลย ดูจาก Google Map แล้ว ต้องเดินตรงไปข้างหน้าโน้น โรงแรมจะอยู่ทางซ้ายมือเขาว่าไม่ไกลนักจากสถานี
ทางเดินอยู่ทางขวามือครับ ค่อยๆลงบันไดไปเพราะมันจะลื่นจากหิมะที่บางส่วนละลายไป ข้ามถนนไปก็จะเจอกับสถานีรถบัสระหว่างเมืองไปซัปโปโรครับ จะบอกว่า ให้จำสถานีรถบัสนี้ไว้ก่อน เพราะอาจต้องมาใช้บริการ ฮ่าๆๆ....
ค่อยๆเดินไปตามทางเดินทางฝั่งขวา สักพักก็ถึงสี่แยกแล้วข้ามแยกไปทางซ้ายมือ เดินเข้าซอยมานิดนึงตามนี้
โรงแรม Smile Hotel Otaru จะอยู่ทางซ้ายมือนี้ครับ เดินเข้าไปกันเลย(ภาพเบลอไปหน่อยครับ)
พอเข้ามา ด้านหน้าเคาน์เตอร์จะเป็นแบบนี้ พอดีผมเอารูปตอนที่ไปข้างนอกแล้วกลับเข้ามามาใส่ไว้ก่อน เลยไม่เห็นเจ้าหน้าที่ที่รอรับเช็คอินของแขกแต่อย่างใดครับ ที่นี่ราคาคืนละ 5000 เยน
ได้ชั้น 3 มีลิฟท์ให้บริการ ได้ห้อง 305 เปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอแบบนี้เลย
ส่วนเตียงนอน
และโต๊ะทำงานกับทีวี ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้ดูอะไรแต่อย่างใด
ภายในห้องน้ำ ก็เหมือนๆกับทุกๆที่ในญี่ปุ่นนะครับ
มีสบู่เหลว, คอนดิชันเนอร์ และยาสระผม จากซ้ายไปขวา ตามลำดับ ยี่ห้อ Shiseido ซะด้วย แต่ผมว่าในญี่ปุ่นคงเป็นยี่ห้อปกติธรรมดาทั่วๆไปนะครับ แต่เข้ามาไทยนี่อย่างหรู
เก็บข้าวของเสร็จก็ออกไปข้างนอกดีกว่า แม้หิมะจะตกก็ต้องไป ไม่งั้นมาไม่คุ้มแน่ๆถ้าจะมาเพื่อนอนในโรงแรมอย่างเดียว นี่เลย เดินผ่านโรงแรมบูโดกัน 2 ชื่อคุ้นๆมั้ยครับ 555
หิมะยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป มุมนี้มองไปฝั่งขวามือเมื่อเดินไปหาคลองโอตารุนะครับ เห็นร้านอาหารใหญ่พอควรเลยครับ
ใกล้ถึงคลองโอตารุแล้ว ตรงนี้ทำไฟตกแต่งคล้ายๆต้นคริสต์มาสครับ
แล้วก็ข้ามถนนมาที่คลองโอตารุจนได้ ณ ตอนนี้ 21.04 น. คนหายไปหมดครับ โล่งเชียง แถมมีหิมะกองพูนบนทางเดินริมคลองเต็มไปหมด
มองไปอีกฝั่งตรงหัวมุมสี่แยก จะเห็นว่าเขาจะเกลี่ยหิมะจากถนนให้ไปกองสุมกันเป็นกองๆที่ด้านข้างฟุตปาทนะครับ ถนนจะได้โล่งไม่เต็มไปด้วยหิมะ เสียดายประเทศเราไม่มีภาพแบบนี้เลยต้องดั้นด้นแสวงหาไปชมไกลถึงต่างแดน
อีกฝั่งหนึ่งของสะพานข้ามคลองโอตารุ เหมือนมีคนกำลังโพสต์ท่าให้กล้อง 2 ตัว ผมเดาว่าเป็นนักท่องเที่ยวจีนครับ มาที่ฮอกไกโดบอกเลย คนจีนเต็มไปหมด
ข้ามสะพานไปอีกฝั่งหนึ่ง ได้ภาพนี้มาเก็บไว้ แต่เอ๊ะ...มันคนละทิศทางกันหรือเปล่า ไม่ใช่มุมมหาชน อิอิ สงสัยต้องเดินไปตรงโน้นอีกสะพานนึงแล้วถ่ายย้อนกลับมาถึงจะถูก
มาชมวิว 360 องศา ณ คลองโอตารุ ซัปโปโร ท่ามกลางหิมะตกกันครับ
ค่อยๆเดินละเมียดไปด้วยกันครับ เพราะ ณ เวลานี้ ตรงนี้มีผมคนเดียวเท่านั้น ฮ่าๆๆ จะรีบไปใย
แต่พอเดินไปจนจะถึงอีกสะพานนึงก็เริ่มเห็นผู้คนมากขึ้นครับ คงเป็นสะพานนี้แน่ๆที่เป็นมุมมหาชนอย่างที่เดาไว้
เดินมาตรงนี้คนเยอะพอควร จะหามุมโล่งๆแบบสะพานเมื่อสักครู่ไม่มีแล้ว เช่นเดิม ส่วนใหญ่คือนักท่องเที่ยวจีนครับพี่น้อง...
แหวกฝูงชนได้มารูปแรก
และอีกรูปที่ไม่มีรั้วสะพานมาบดบังมุมมหาชน ใช่แล้ว....มุมนี้แหล่ะ มุมมหาชนที่เราๆท่านๆเห็นๆกันเมื่อมาที่คลองโอตารุ!
อีกรูปเมื่อเดินไปที่กลางสะพานครับ
มาชมวิว 360 องศา ในมุมมหาชน ณ คลองโอตารุ ซัปโปโร ท่ามกลางหิมะตกกันครับ
พอได้โต๊ะ ลงนั่งพร้อมกับถอดแว่น โห...แว่นตาที่ใส่นี่ฝ้าขึ้นและมีน้ำเกาะจากอากาศที่อุ่นขึ้น และคิดดูครับ ตอนเดินข้างนอกจะลำบากขนาดไหน หายใจทีแว่นเป็นฝ้าที เดินไม่เห็นทางครับบอกเลย
ที่สั่งไป ข้าวหน้าปลาดิบรวมและกุ้ง 12 อย่าง เสริฟพร้อมซุปมิโสะ และชาร้อน แบบว่า...ฟินมากๆ อาหารอร่อยสุดๆเลย ชาร้อนทำให้อุ่นขึ้นมากพร้อมๆกับซุปมิโสะ ชุดนี้ 1500 เยน หรือรวมแวทแล้ว 1620 เยนเท่านั้น
ซูมให้เห็นกันใกล้ๆ เห็นภาพแล้วยังอยากกินอีกเลย บอกเลยต้องมาทานร้านนี้ครับ
พอจ่ายเงินเสร็จก็ออกมา ด้วยความอยากรู้ว่าทำไมรสชาติมันไม่ใช่รสชาติอาหารร้านธรรมดานะเนี่ย มันรสชาติแบบอร่อยมากๆเลยหล่ะ แถมให้เยอะด้วย ไม่อั้นเลย ออกมาดูชื่อร้าน ป๊าดดด โธ่ววว ร้านซูชิซันมัย(Sushi Zanmai) อันโด่งดังนี่หน่า มิน่ารสชาติสุดยอด คือร้านนี้เคยไปทานตอนไปญี่ปุ่นครั้งแรก โดยไปทานที่ Shimotori Shopping Street มาครับ อร่อยจริงๆ
เดินกลับที่พักแล้ว ระหว่าทางก็เจอกับร้านหลายๆร้าน และก็ร้านนี้ พิซ่าฮัทยังไงครับ แต่เวอร์ชั่นญี่ปุ่น
เดินทะลุมาตรงแยกนี้ เห็นหิมะที่กองข้างถนนอย่างสูงๆแล้วนี่ตกใจเลย แสดงว่าที่ผ่านมานี่หิมะตกหนักมากเลยสะสมกันแบบนี้ ขับรถคงยากน่าดูเลย :(
จะสังเกตเห็นโรงแรมบูโดกัน 2 อยู่อีกฝั่งหนึ่งทางขวามือ ณ ตอนนี้ เพราะขากลับเดินอีกฝั่งครับ
แล้วก็ได้เวลาเดินข้ามถนนไปทางขวามือ เพื่อจะเข้าโรงแรมที่พัก ตรงจุดนี้คือจากสี่แยกที่ตั้งโรงแรม Smile Hotel เราสามารถเห็นด้านหน้าของสถานีรถไฟโอตารุอย่างชัดเจน เพราะโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานีมากนัก ถือว่าเป็นอีกทำเลที่น่าพักเมื่อมาเที่ยวที่โอตารุครับ
เข้ามาภายในล็อบบี้โรงแรม ได้ไออุ่นขึ้นมา แทนที่จะขึ้นห้องไปพักผ่อน ดันมากดกาแฟสดฟรีดื่มอีก 555 ชอบของฟรีโดยเฉพาะกาแฟสด ยิ่งชอบไปใหญ่
พอถึงห้องพักของโรงแรม ได้มีโอกาสลองกางเกงลองจอน Heattech Ultra Warm ที่ซื้อมาจากร้าน Uniqlo Sapporo Esta กันแล้ว โห...ใส่สบายผ้าหนา อุ่นมากๆครับ จะได้อุ่นขาไปอีกหลายวันข้างหน้านี้แน่นอน โดยเฉพาะพรุ่งนี้ที่จะต้องไปสวนสัตว์อะซาฮิยามะ ไปดูเพนกวิ้นพาเหรดจ้าาา แล้วกลับมาติดตามกันต่อในวันพรุ่งนี้นะครับ จะพาไปชมสัตว์ต่างๆในฤดูหนาว
[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 7.3] [ตอน 7.4] [ตอน 8.1] [ตอน 8.2] [ตอน 9.1] [ตอน 9.2] [ตอน 10.1] [ตอน 10.2] [ตอน 11.1] [ตอน 11.2] [ตอน 11.3] [ตอน 12.1] [ตอน 12.2] [ตอน 13.1] [ตอน 13.2] [ตอน 14.1] [ตอน 14.2] [ตอน 15.1] [ตอน 15.2]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น