[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 7.3] [ตอน 7.4] [ตอน 8.1] [ตอน 8.2] [ตอน 9.1] [ตอน 9.2] [ตอน 10.1] [ตอน 10.2] [ตอน 11.1] [ตอน 11.2] [ตอน 11.3] [ตอน 12.1] [ตอน 12.2] [ตอน 13.1] [ตอน 13.2] [ตอน 14.1] [ตอน 14.2] [ตอน 15.1] [ตอน 15.2]
ที่ว่ามาคือแพลนที่วางแผนมา แต่ความเป็นจริงนั้นคือ มันล้มเหลวไม่เป็นท่าเลยหล่ะ เพราะเมื่อไปถึงที่สถานีโนโบริเบทสึ(Noboribetsu) ดันไปขึ้นรถบัสผิดสายซะนี่ แถมคนอื่นที่มารอก็ขึ้นผิดพอๆกันด้วยนะ ไปเส้นทางอื่น พอรู้ตัวก็ไกล 20 นาทีไปแล้วบนถนนไฮเวย์ ครั้นจะรอรถบัสฝั่งตรงข้ามเพื่อกลับมาที่สถานีโนโบริเบทสึ(Noboribetsu) ก็ไม่มีรถวิ่งซะด้วย เพราะเป็นวันหยุด 1 มกราคม ทำให้ผมต้องหาหนทางอื่นคือหวังที่จะเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีใกล้ๆกับที่ลงรถมา แต่ก็ไม่ได้อีกเพราะเป็นสถานีเล็กๆ รถด่วนไม่จอดอีก.....โน่น...รอยาวรอบเวลา 11.06 น.เลย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินกลับมาที่สถานีดังเดิม แต่ก็หลงไปเดินในเส้นทางหมู่บ้านจนมะงุมมะงาหรา ใช้เวลามากถึง 3 ชั่วโมงด้วยกัน ฝนก็ตกพรำๆ หิมะก็ละลายอีก เฮ้อ....คิดแล้วเหนื่อยมากๆ ผ่านมาได้ไงไม่รู้ เอาหล่ะ......มาอ่านกันอย่างละเอียดว่ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นครับ
เช้าวันนี้หิมะตกพรำๆอีกแล้ว เช้านี้ไม่ได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเพราะสาย เลยรีบเดินออกไปที่สถานีรถไฟซัปโปโร
รีบเดินไปหาชานชาลา ต้องขึ้นบันไดเลื่อนสูงขนาดนี้เลยครับ
ชานชาลาที่ 6 ขบวน LTD. EXP SUZURAN 2 กำลังจะถึงเวลา เหลืออีก 8 นาที
รถไฟมาแล้วครับ ขอขึ้นไปก่อน เบาะหรูหราสวยงามสะอาดตาตามแบบฉบับรถไฟญี่ปุ่น
มีรถไฟอีกขบวนแล่นแซงออกไป HET 261 Hokkaido Express Train ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน
รถไฟแล่นไป ผ่านคลองที่แทบจะไม่มีน้ำอยู่ เพราะแข็งเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว หนาวจริงๆเลยยยย
ชมคลิปวิวระหว่างทางก่อนถึงสถานีโนโบริเบตสึกันครับ สวยงามตามธรรมชาติ
แล้วรถไฟก็มาจอดที่สถานีโนโบริเบทสึ(Noboribetsu) เวลา 8.45 น. เลยไป 1 นาที อิอิ
ออกมาจากชานชาลาก็เห็นเจ้าหมี 2 ตัวนี้เลย ทูตในหุบเขานรก
คือตามกำหนดเวลารถบัสที่จะแล่นไปหุบเขานรกนั้น ผมดูมาแล้วคือออกเวลา 8.58 น.ด้านหน้าสถานีรถไฟโนโบริเบทสึ แต่เจ้ารถบัสคันนี้มันมาจอดตอนเวลา 9.03 น. ซึ่งเลยเวลามา 5 นาทีแล้ว ผมเคยเขียนไว้ชัดเจนครับว่า ถ้าเวลารถบัสไม่ตรงกับเวลาที่กำหนดไว้นี่ บอกเลยว่าคนละสายแล้วครับ อันนี้มันเลยมา 5 นาทีก็ยังคิดว่าเป็นสายเดิม แถมคนที่มาด้วยอีก 2 กลุ่มที่จะไปหุบเขานรก ก็ขึ้นรถคันนี้ทุกคน! ไอ้เราก็ต้องขึ้นด้วยสิ (แบบเดิมเหมือนตอนขึ้นรถบัสขากลับจากพิพิธภัณฑ์เรือนจำอะบาชิริเลยนะครับ) แถมขึ้นไปแล้วก็ไม่มีใครถามด้วยนะว่าไปหุบเขานรกมั้ย? จึงเป็นที่มาว่า.....เตลิดไปไหนต่อไหนไม่รู้
พอขึ้นรถเสร็จ ไอ้เราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าใช่แน่ๆ เลยไม่ได้ดูแผนที่บนมือถือ แต่พอสักพัก เอ๊ะทำไมรถมันแล่นเลียบชสยฝั่งทะเลนะ เฮ้ย...รีบดูแผนที่กูเกิ้ลอย่างเร็วเลย อ้าวววว มันออกนอกเมืองย้อนไปทางที่นั่งรถไฟมาซะด้วยสิ ไอ้เราก็งงว่า ทำไมคนอื่นๆที่ขึ้นมาด้วยไม่เอะใจวะ? แต่พอสักพัก มีคู่ชายหญิงคนนึงน่าจะเป็นคนจีน เดินไปถามคนขับ ซึ่งก็รับรู้โดยพลันแล้วว่า นั่งรถมาผิด คันนี้ไม่ได้ไปหุบเขานรกใช่มั้ย ผมเดาว่าเขาคงถามประมาณนั้น แล้วก็ลงรถไป ผมเองก็รอลงอีกป้ายครับ ฮ่าๆๆ ผิดแล้วยังจะมีฟอร์ม ไม่อยากลงป้ายเดียวกัน พอลงเสร็จก็คิดในใจว่า เดี๋ยวก็แค่ข้ามถนนแล้วไปรอรถบัสอีกฝั่งกลับไปสถานีโนโบริเบทสึก็จบแล้ว แต่พอมาดูตารางเวลารถที่ป้ายตรงข้ามนี้ อ้าววว....มาอีกทีนี่ 11 โมงเลยนะครับ และลืมไปว่าวันหยุดด้วย คงไม่มีรถอีกตามเคย ทำไงดีวะเนี่ย....ซวยจริงๆ เลยมาตั้ง 20 นาที หลายกิโลเมตรเลยนะนั่น พอดูๆแผนที่บนกูเกิ้ลแมพ พบว่า เออ มีสถานีรถไฟอยู่ใกล้ๆนี่หว่า งั้นเดินไปที่สถานีรถไฟแล้วรอรถไฟขึ้นดีกว่า รถไฟยังไงก็มาอยู่ดี ไม่เหมือนรถบัส เลยข้ามกลับไปฝั่งตรงข้ามที่ลงรถบัสมาอีกที
จุกกากบาท(X) สีแดงคือจุดที่ลงรถบัสมา สถานีรถไฟที่ว่าที่อยู่ใกล้ๆมีชื่อว่า Takeura Station ตามแผนที่ในกูเกิ้ลแม็พ ดังนั้นเลยต้องเดินไปตามเส้นสีเขียวเพื่อจะไปยังสถานีรถไฟ Takeura ให้ได้
ข้ามมาถึงก็เดินไปตามถนนเส้นนี้เพื่อไปยังสถานีรถไฟครับ
เดินตามทางไปเรื่อยๆครับ ไม่นานก็ถึงทางเดินข้ามฝั่งไปยังสถานี Takeura ในใจก็ลุ้นๆว่ามันจะข้ามไปได้หรือเปล่าว้าาา....เกรงว่าจะเข้าไม่ได้นะสิ
เดินขึ้นบันไดไปแล้วก็จะเจอกับประตูด้านหน้า ผมนี่ก็ลุ่นๆว่ามันจะล็อคหรือเปล่า? ถ้าล็อคเปิดไม่ได้ก็จบเห่
อ้าววว....เปิดได้แฮะ....555 ตกอกตกใจทีเดียว ตรงนี้เป็นทางเดินข้ามรางรถไฟที่อยู่ด้านล่างไป เออ เขาทำดีแฮะ ทำทริปนี้ตรงที่ ไปไหนๆไม่เจอใครนี่หล่ะครับ มาอยู่คนเดียว 555 ทั้งพิพิธภัณฑ์เรือนจำอะบาชิริ, สถานีคีตะฮามะ และที่สถานีรถไฟแห่งนี้
ก็ลงมาอีกฝั่งนึงของสถานี เปิดประตูเข้าไป ก็ตามคาดครับ ไม่มีใครเลย สถานีรถไฟเล็กๆในญี่ปุ่นก็จะเป็นแบบนี้ ใช้ Self Service หริอบริการตัวเองครับ ไปดูตารางรถไฟที่จะจอดสถานีนี้กันดีกว่า อืมมม....รถไฟพวกขบวน Hokuto ซึ่งด่วนพิเศษพวกนี้จะไม่จอดเลย วิ่งเลยไปสถานีโนโบริเบทสึทุกขบวน รถไฟที่จะจอดจริงๆคือขบวนหวานเย็น มาอีกที 11.06 น. ตอนนี้ 9.38 น. จะรอก็ได้นะครับ 1 ชั่วโมง 28 นาที แต่เลือกที่จะไม่รอครับ เดินไปเรื่อยๆดีกว่า ซึ่งผมกลับมาคิดดูก็ไม่เสียดายกับสิ่งที่ตัดสินใจไปนะครับ
ด้านหน้าสถานีครับ
แล้วผมก็เดินกลับไปทางที่เชื่อมมาอีกครั้ง พอดีได้ยินเสียงรถไฟขบวน LTD. EXP HOKUTO กำลังแล่นผ่านมา รอชักภาพสักหน่อย ซูมไปดูนี่ เหมือนกับคนขับรถไฟเงยหน้ามามองผมด้วยนะครับ เสียดายจัง เห็นรถไฟแล่นผ่านมาแต่ก็ขึ้นไม่ได้
เอ่อ....เดินเส้นทางภายในหมู่บ้านต่อไป พื้นแฉะมากๆครับ ดูเจ้าอีกามันสิ
เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ได้เดินดูตามหมู่บ้านญี่ปุ่น สัมผัสสิ่งจริงๆไม่ได้เติมแต่งเลย ผ่านป้ายโฆษณาหาแสงของนายกฯอาเบะและลูกพรรค พร้อมกับเบื้องหลังคือแผ่นโซล่าเซลล์ของหมู่บ้านครับ
ดูเส้นทางที่ผมเดินก่อนละกัน ไกลโพ้นนน แต่บรรยากาศดีมากๆ เสียอย่างเดียวคือฝนตกและหิมะละลายทำให้พื้นแฉะเอามากๆ เดินไม่สะดวกเลย
วิวหลักล้าน ฮ่าๆๆ ประกันได้เลยว่าไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนได้เจอแบบนี้ เดินไปท่ามกลางบรรยากาศชิลล์ๆ
ตอนนี้ 10.25 น. นึกในใจถ้านั่งรอรถไฟที่สถานีก็ดีอยู่แล้วนะ อิอิ ดูสภาพสิครับ คือหิมะตกไม่เป็นอะไรหรอก แต่เมื่อใดที่หิมะละลายนั่นแหล่ะ หายนะเลย เพราะมันจะมีน้ำขังเป็นแอ่งๆ เดินหนีไปตรงไหนก็ไม่ได้เพราะต้องเจอแอ่งน้ำตลอด มันเดินลำบากมากๆ แถมถ้าน้ำเข้ารองเท้านะ พูดไม่ออกเลย เพราะมันจะเย็นจนทนไม่ได้ ยังโชคดีที่เท้ารองน้ำไม่เข้าครับ ไม่งั้นงานเข้าแน่ๆ
มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจแล้วครับ เพราะถ้าดินตรงไปเรื่อยๆมันจะขึ้นเนิน และเหมือนกับเข้าไปในป่า ทางเดินเท้าจะไม่มีแล้ว เลยตัดสินใจเลี้ยวซ้ายแยกนี้เพื่อออกไปถนนใหญ่อีกครั้งครับ
แต่สภาพถนนก็อย่างที่เห็น มีน้ำละลายบนผิวถนนจากหิมะที่ละลาย ที่เห็นนี่ดีแล้วนะครับ เดินผ่านจุดที่น้ำท่วมขังมาแล้ว ตอนจะเดินขี้เกียจถ่ายรูปมา เอาเดินให้ผ่านไปก่อน
มาโผล่ถนนใหญ่อีกครั้งแล้วครับ กำลังลุ้นๆว่าจะไปขึ้นรถไฟที่สถานีต่อไปได้มั้ย เป็นสถานี Kojohama Station โดยรถไฟขบวนเดิมที่วิ่งไปจอดรับที่สถานี TAKEURA ที่ผมเดินผ่านมา จะมาถึงสถานีนี้ในเวลา 11.13 น. แต่ตอนนี้ 10.39 น. ลุ้นๆ
แล้วก็เลี้ยวขวาไปตามถนนกลับไปทางโนโบริเบทสึ พยายามเดินเร็วสลับกับวิ่งเพราะมีลมช่วยดันไป
เดินไปได้สักครู่ใหญ่ๆ ผ่านไป 10 นาทีเศษๆ เห็นคลื่นลูกใหญ่มากๆฝั่งตรงกันข้าม
เอ่อ....เอาไงดี ใกล้ถึงเวลา 11.13 น. แล้ว คิดไปคิดมา เลือกข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเพื่อจะมารอรถบัสดีกว่า เพราะตัวสถานีรถไฟ Kojohama Station ก็ยังไม่ถึงเลย กลัวว่าจะไปไม่ทัน เลยเลือกมารอรถบัสอีกครั้ง แต่จะบอกว่า ยืนรอเฉยๆไม่ได้นะครับ ลมแรงมากๆ จะปลิวเอา นี่พูดจริงๆ ไม่เคยเจอลมทะเลที่แรงมากขนาดนี้เลยในชีวิต ผมต้องเอามือจับเสาของป้ายรถบัสไปด้วย มันแข็งแรงดีมากๆ ด้านล่างที่อยู่ติดพื้นมันหล่อกับปูนครับ เขาคงคำนวณมาแล้ว แต่พอดูเวลาจากตารางรถที่ป้ายว่ารถบัสจะมาตอน 11.13 น. ผ่าน มันเลยมาแล้วครับ เลยรอให้เลยสัก 3-5 นาทีแล้วเดินคอตกไปต่อ เพราะไม่มีรถบัสวิ่งมาอีกแล้ว
เดินข้ามฝั่งถนนกลับมาเดินฝั่งนี้ดีกว่า ลมไม่แรงเท่าฝั่งติดทะเล คราวนี้ขึ้นรถไฟก็ไม่ได้แล้วเช่นกันเพราะเลยเวลามาแล้ว ก็เหลือหนทางเดียวคือ เดินไปตามถนนเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสถานีโนโบริเบทสึ ต้องข้ามเนินเขาลูกนี้ไปอีกที ตอนนี้เลนส์โดนน้ำฝนจนเบลอไปหมดแล้วครับ
12.14 น. เดินมาถึง อ่าวเล็กๆที่มีเรือจอดอยู่หลายลำ เรียกว่าอะไรไม่แน่ใจ หรือเป็นท่าที่เรือประมงมาจอดก็ไม่รู้ครับ ชื่อว่า いぶり中央漁業協同組合
รอข้ามทางรถไฟท่ี่แยกนี้ ข้ามเสร็จเลี้ยวซ้ายเดินอีกหน่อยก็จะถึงสถานีโนโบริเบทสึแล้ว
ในที่สุด...ก็กลับมาถึงสถานีโนโบริเบทสึ(Noboribetsu Station) ที่ที่ผมนั่งรถบัสผิดสายไปเมื่อ 3 ชั่วโมง 22 นาทีที่แล้ว กลับมาแบบขาลากกกก ผจญชัยสุดขอบญี่ปุ่น
เข้ามาหลบฝนภายในสถานี ตอนนี้เที่ยง 55 นาที ล้มเลิกที่จะนั่งรถบัสไปหุบเขานรกต่อแล้วครับสำหรับวันนี้ มันจบไปแล้ว เห็นรถบัสมาจอดรอที่ป้าย เขียนว่า NA น่าจะเป็นสายที่ถูกต้องแล้วหล่ะครับที่จะพาไป Jigokudani (Hell Valley) หรือหุบเขานรก
เข้ามาข้างในสถานีก็เตรียมตัวกลับซัปโปโรแล้วหล่ะครับ ไปต่อแถวขอจองที่นั่งรถไฟขากลับซัปโปโร แล้วมาอ่านป้ายตรงนี้ กำหนดการเดินรถบัสสำหรับวันหยุด 3 วันนี้ 31 ธค. 1 มค. และ 2 มค.
ก็มาถึงบางอ้อ....จากตารางเวลานี้ วันนี้คือวันที่ 1 มกราคม 2561 มีรถบัสจากป้ายโนโบริเบทสึนี้ไปป้ายโนโบริเบทสึออนเซ็นรอบเช้าสุด 8.26 น. ซึ่งผมมาลงรถไฟก็เลยไปแล้ว และรอบ 8.58 น.ที่แพลนไว้ก็โดนยกเลิกตามวันหยุด(สัญลักษณ์จุดสีดำ) จะมีอีกทีก็รอบเวลา 10.56 น.เลย เฮ้อ....เรื่องนั่งรถบัสในญี่ปุ่นในวันหยุดนี่ เลี่ยงได้ผมจะเลี่ยงให้ไกลๆเลยครับ พอวันหยุดหน่อยนี่ยกเลิกหลายรอบเวลาเลย ไอ้เราก็อ่านไม่ออกซะด้วย ไม่เหมือนรถไฟ ไม่มียกเลิกนะครับ
ที่ผมไม่ไปต่อเพราะมันบ่ายแล้วครับกลัวจะค่ำไป และมันก็หมดอารมณ์แล้วด้วยสิครับ ขาก็เดี้ยงไปแล้ว เดินกี่กิโลเมตรเนี่ยในเวลา 3 ชั่วโมง 22 นาที ไว้รอดูในวันรุ่งขึ้นดีกว่าว่าจะมีโอกาสมาอีกมั้ย พรุ่งนี้เป็นแพลนเดินทางกลับมาฮาโกดาเตะซะด้วยสิครับ
ต่อไปก็นั่งรอรถไฟเที่ยวกลับซัปโปโรครับ วันนี้ถือว่าเฟลเอามากๆ รถไฟมาแล้ว ขบวน SUPER HOKUTO 9 ออกเวลา 13.28 น.
ดีหน่อยคือได้นั่งครับ โชคดีที่ที่นั่งยังไม่เต็ม มาจองก่อนเวลาออกไม่ถึงชั่วโมงได้
รถไฟใกล้ถึงสถานีซัปโปโรแล้ว สังเกตจากหอทีวีซัปโปโรดังที่เห็นไกลๆ เวลา 14.39 น. ผมนึกขึ้นได้ งั้นเพื่อไม่ให้วันนี้เสียเวลาเปล่าหลังจากถึงสถานีซัปโปโร งั้นขึ้นรถไฟไปต่อที่โอตารุแล้วกัน เพราะตอนที่ไปโอตารุตอนนั้นมันค่ำแล้ว ครั้งนี้มาตอนมีแสงอีกครั้ง
แล้วก็นั่งรถไฟต่อไปจนถึงที่สถานีมินามิโอตารุ(Minami-Otaru) จนได้เมื่อเวลา 15.32 น. มีการแนะนำให้ลงสถานีนี้ก่อนเพื่อจะเดินเท้าไปชมสถานที่ต่างๆในเมืองโอตารุจนทั่วถึง แล้วค่อยขึ้นรถไฟกลับที่สถานีโอตารุครับ
เอาหล่ะ....จบตอนนี้ซึ่งเป็นตอนที่ผิดหวังไม่ได้ตามแผนเอามากๆ แต่ก็ได้บางอย่างที่ไม่เคยเจอในการเดินทางเท่าที่ผ่านๆมา ได้เดินชมวิวในแบบที่ไม่มีใครเขาทำกัน เดินบนหิมะที่ละลายจนพื้นเปียก แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เจอลมแรงมากๆจนต้องเอามือจับเสาป้ายรถบัสไว้ไม่งั้นอาจปลิวได้ ได้เดินจนขาลากด้วยระยะทางเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ในระยะเวลา 3 ชั่วโมง 22 นาทีด้วยกัน!
[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 7.3] [ตอน 7.4] [ตอน 8.1] [ตอน 8.2] [ตอน 9.1] [ตอน 9.2] [ตอน 10.1] [ตอน 10.2] [ตอน 11.1] [ตอน 11.2] [ตอน 11.3] [ตอน 12.1] [ตอน 12.2] [ตอน 13.1] [ตอน 13.2] [ตอน 14.1] [ตอน 14.2] [ตอน 15.1] [ตอน 15.2]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น