วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

15 วัน อินเจแปน ตอน 3.2 เดินสำรวจตลาดเช้าฮาโกดาเตะ(Hakodate Morning Market) ท่ามกลางหิมะตกอย่างหนักหน่วง


ตอนนี้จะพาตะลุยหิมะอันหนักหน่วงอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งหิมะตกและลมพัดมา เรียกได้ว่าหนักพอควรสำหรับผม แน่นอนว่าชุดต้องจัดเต็ม ไม่เสียเที่ยวเลยที่ได้แจ็คเก็ตขนเป็ดตัวนี้มาในราคา 1990 บาทเท่านั้น และก็เสื้อ Heattech Ultra Warm ที่ทำหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็น เสริมด้วยแผ่นรองเท้ากันลื่นบนหิมะ อุปกรณ์ทั้งหมดก็เพื่อสถานการณ์แบบนี้โดยเฉพาะเลยครับ เนื่องจากว่าเริ่มหิวแล้วหลังจากทานอาหารเบนโตะบนรถไฟชินคันเซ็นมา ก็นานพอควร ก็เลยต้องออกตระเวนหาร้านอาหารที่ตลาดเช้าฮาโกดาเตะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าตลาดเช้านี้จะยังเปิดช่วงบ่ายมั้ย งั้นไม่เป็นไร เรามาเริ่มสำรวจร้านอาหารไปด้วยกันเลยครับ


13.35 น. เดินออกจากโรงแรมมาผจญหิมะตกอีกครั้ง โดยเดินกลับไปทางตลาดเช้าฮาโกดาเตะที่เดินผ่านมาตอนมาเช็คอิน บอกเลยว่า วิวที่มีหิมะตกมากระทบใบหน้านั้น เป็นวิวที่ตื่นเต้นเอามากๆ จนต้องดึงฮู้ดของเสื้อขนเป็ดมาคลุมศีรษะไว้ และก็เลยเข้าใจได้เลยว่าขนฝอยๆที่เป็นขนมิ้งค์รอบๆฮู้ดนั้นมีไว้เพื่ออะไร ก็เพื่อกันละอองหิมะที่ตกมากระทบตาเรานั่นเอง ซึ่งมันก็ป้องกันได้จริงๆ คิดว่าทำมาเพื่อความสวยงามอย่างเดียวซะอีก... ตรงแยกนี้จะต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อเดินเข้าไปสำรวจร้านรวงต่างๆด้านใน


เลี้ยวมาแล้วก็จะเห็นร้านอยู่สองฝั่งซอยเลยครับ ยังเปิดให้บริการกันอยู่แม้จะเจอหิมะตกหนักก็ตาม


ดูเมนูอาหารก็จะคล้ายๆกันในทุกๆร้าน มีข้าวหน้าปลาดิบเป็นอาหารหลัก ซูชิ และซุปมิโสะ ในรูปเป็นมุมที่มองย้อนกลับไปยังต้นซอยที่เดินเข้ามา


เกือบๆสุดซอยก็จะมีคล้ายถนนอะไรสักอย่าง แต่เงียบเชียบเพราะหิมะตกหนัก และบางร้านก็ปิดครับ หรือจะเปิดช่วงเย็นก็ไม่ทราบได้


งั้นเดินวนมาทางซอยนี้ละกัน ละอองหิมะจุดขาวๆบนอากาศไม่ต้องถามนะครับว่าหนาวขนาดไหน


มีอาหารทะเลเยอะมากสุดเท่าที่ท่านต้องการจะกินกันเลยครับ แค่อยากจะกินอะไรเท่านั้น มุมนี้ก็มองย้อนกลับไปเช่นกัน


ร้านอาหารทะเลเยอะมากจริงๆ เลือกกันไม่ถูกเลยหล่ะครับ ผมเองก็งงๆน่าดู


ส่วนร้านนี้จะเป็นร้านอาหารแช่แข็ง ไม่ใช่ร้านอาหารสด


เดินออกมาด้านถนนที่ติดกับที่จอดรถของสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ


ณ จุดนี้ขอเช็คสภาพตัวเองก่อนครับ จัดเต็มน่าดู แว่นตานี่เป็นฝ้าเลยจากไอของลมหายใจ


เดินมาหยุดที่หน้าร้าน ปูเป็นๆสดๆเยอะมากกก ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น


และอีกถาด หอยกาบหรือหอยอะไรก็ไม่ทราบได้ เยอะเหมือนกัน เห็นเขาเอาไปย่างทานกับน้ำจิ้มคงอร่อยน่าดูเชียว


และก็มาหยุดที่จุดนี้ครับ เพิ่งรู้ว่าตรงทางซ้ายมือที่มีผู้หญิงยืนกัน 2 คนก็เข้าไปจะเจอกับร้านเยอะแยะเหมือนกัน ไม่โดนหิมะด้วย


พอเดินตรงไปอีกก็จะเห็นกับป้ายตลาดเช้าฮาโกดาเตะสแควร์ ซึ่งตอนนี้ยังงงๆ ไม่ได้เดินเข้าไปอีก จริงๆเดินเข้าไปก็จะหลบหิมะตกได้ด้วย มีร้านขายของเยอะแยะด้วย คืออยู่ในอาคารปรับอากาศสบายๆครับ


สุดท้ายก็มาหยุดเอาที่ร้านนี้ เห็นมีภาษาไทยและเห็นคนก็เดินเข้าไปด้วย เอาหล่ะ ร้านนี้ก็แล้วกันนะ


ง่ายๆ เลือกเมนูบนซ้ายนั่นคือ ข้าวหน้าไข่หอยเม่น(อัณฑะหอยเม่น) กับปลาหมึกสไลด์หรืออะไรผมก็ยังไม่รู้เลย 555 มีมาเสริิฟพร้อมซุปมิโสะครับ ส่วนชาร้อนเติมฟรี(ถ้าเป็นในไทยนะเหรอ เสียเงินค่าชาร้อนจ้าาาา)


ซูมให้เห็นกันชัดๆ สนมราคา 1600 เยน รวมแว็ท 8% ก็ 1720 เยน ระวังเรื่อยราคาที่ยังไม่รวมแว็ทด้วยนะครับ โดยรวมโอเค แต่ไข่หอยเม่นมันออกจะเละๆยังไงไม่รู้แฮะ


แล้วก็ต้องออกมาเผชิญกับหิมะตกกันข้างนอกอีกครั้ง จะว่าไปผมก็เริ่มจะชินกับสภาวะแบบนี้แล้วแฮะ สนุกดีเหมือนกัน ตรงข้างหน้าไกลๆ คืออาคารสถานีรถไฟฮาโกดาเตะครับ บอกแล้วว่าโรงแรมนี้ทำเลดีมากๆเลย และอีกหลายๆสาขาในเมืองอื่นๆที่จะไปด้วยนะครับ โปรดติดตามชมกัน


เลี้ยวขวามาตรงนี้เพื่อจะมาข้ามแยกทางซ้ายมือครับ เพื่อไปยังสถานีรถไฟฮาโกดาเตะอีกครั้ง หิมะก็ยังคงตกไม่หยุด พื้นชักหนาจากหิมะซะแล้ว แต่ก็ยังพอเดินได้ครับ


ระหว่างที่ยืนรอสัญญาณไฟข้ามสี่แยกที่จะไปสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ ทางฝั่งขวาก็มืดมัวไปด้วยหิมะกระหน่ำเต็มที่ กลัวอย่างเดียวคือรถไถลมาชนเราโดยที่เบรคไม่ได้เพราะพื้นลื่นนั่นเอง


พอถึงสถานีฮาโกดาเตะแล้ว ก็ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเข้าไปหลบหิมะข้างในได้ มีม้านั่งให้นั่งอย่างเพียงพอเลย สักพักกลั้นใจก็รีบออกไปด้านหน้าสถานีเพื่อไปเก็บภาพสัญลักษณ์ของสถานีฮาโกดาเตะอันนี้ไว้ เป็นประติมากรรมสีแดงคล้ายๆพ่อและลูกทำสะพานโค้งเลยครับ ใครมาที่สถานีนี้ก็ต้องมาถ่ายเจ้านี่ทุกคน


เดินไปไกลๆแล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวอาคารสถานี เพื่อภาพอีกมุม ซึ่งเป็นมุมมหาชนเช่นกันครับ มันต้องติดตัวอักษร JR ที่อาคารสถานีมาด้วยถึงจะเรียกว่ามาถึง 555 แล้วลองดูสิครับหิมะตกหนักมากๆ เห็นเป็นสายหิมะคล้ายๆกับสายฝนเลยแฮะ ยืนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบวิ่งกลับเข้าอาคารสถานีครับ จะแข็งตายเอา 555


อีกจุดหนึ่งด้านหน้าสถานีที่มีรถวิ่งเข้าออก ต้องมีกรวยสีแดงมาตั้งเพื่อบอกจุดว่าพื้นต่างระดับระหว่างพื้นถนนและฟุตปาททางเดินครับ ตกหนักจริงๆ


เวลานี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้จิบกาแฟสดร้อนๆไปได้อีกแล้วครับ ในสถานีมีร้านเซเว่น ร้านมินิมาร์ทอันโด่งดังที่จะหาอะไรก็เจอ อยู่ด้วยครับ จัดไป กาแฟสดร้อนขนาดปกติ 100 เยน แค่นี้ก็ฟินเว่อร์แล้วครับ ไม่รู้ไปติดใจอะไรกับกาแฟสดร้อนของเซเว่นก็ไม่รู้แฮะ มันช่วยได้จริงๆ แถมราคาคุยกันได้ด้วย สตาร์บัคส์ไม่ได้แอ้มผมร๊อกกกก


นั่งดื่มกาฟสดไปก็เหลือบมองดูป้ายโฆษณาชีสเค้กของที่นี่ Mel Cheese ตั้งอยู่ที่อาคารแดงใกล้ๆอ่าวฮาโกดาเตะ ไว้ไปหาทานมั่ง แต่คงไม่ใช่วันนี้แล้ว


ดูนาฬิกา อ้าว... บ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว ได้เวลาเช็คอินเข้าห้องพักแล้วครับ ก็ต้องเดินลุยหิมะกลับทางเดิมกันครับ มาหยุดรอสัญญาณไฟที่แยกนี้เช่นเคย ข้ามถนนที่มีหิมะค่อยๆเดินนะครับไม่ต้องวิ่งเพราะจะลื่นหัวคะมำ อายเค้า อิอิ


ข้ามแยกมาแล้วก็เดินต่อไปตามทางเดินครับ โห...หิมะสูงขึ้นกว่าเดิมนะเนี่ย แต่แผ่นรองกันหิมะทำหน้าที่ได้อย่างดีเลยครับ แน่นเกาะพื้นดีมากๆ ไม่ลื่นสักนิด รถที่จอดไว้นี่ปกคลุมไปด้วยหิมะแต่สุดท้ายเขาก็สตาร์ทเครื่องยนต์กันได้นะครับ ทึ่งจริงๆ


ที่เห็นกองๆขาวๆคือกองหิมะนะครับ มีคนกวาดเพื่อไปกองรวมกันไว้


ทางด้านซ้ายมือคือร้านขนส่งแมวดำคาบลูกอันโด่งดัง หรือ TA-Q-BIN นั่นเอง เรารู้จักชื่อนี้ก็ตอนที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกโดยใช้บริการถึง 2 ครั้งด้วยกัน


มาที่เคาน์เตอร์รับกุญแจห้องพร้อมกับบัตรสมาชิกคลับ Toyoko-Inn ซึ่งอย่างที่บอกไว้ตอนก่อนว่า ได้เร็วกว่าเดิมจากที่ให้มารับในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง ครั้งนี้ได้ห้อง 212 ครับ


เปิดประตูมาก็เป็นแบบนี้ บรรยากาศเก่าๆกลับเข้ามา นึกย้อนไปครั้งแรกที่พักเครือโรงแรมนี้ที่ Kurume ฟุกุโอกะนั่นเอง


ผ้าปูที่นอน การตกแต่ง สภาพห้องเป็นแบบนี้ทุกที่ทุกสาขานะครับ ย้อนกลับไปดูได้ในตอน 1.5 ของทริปญี่ปุ่น เมื่อยามใบไม้เปลี่ยนสี


เตียงนุ่มๆดีจัง อ้อ...จะบอกว่า เมื่อลดราคาแล้วจากสมาชิก ราคาเหลือเพียง 1231 บาท/คืนเท่านั้น ไม่แพงเลยนะครับที่ได้ที่นอนแบบเป็นสัดส่วนไม่ไปนอนรวมกับใครเหมือนโรงแรมแคปซูล


มุมตรงมองไปทางหน้าต่าง ป้ายที่วางบนเตียงทุกๆครั้งที่เข้ามาในห้องคือ เป็นการแจ้งว่า ห้องนี้กว้างพอที่จะวางกระเป๋าใบใหญ่ได้ โดยสามารถวางไว้ที่ใต้เตียงครับ


 
อีกมุมที่มองจากหน้าต่างหลังห้องไปด้านหน้าประตูทางเข้า


รหัส WiFi และ SSID ดูได้จากหน้าจอมอนิเตอร์ครับ สัญญาณแรงดีไม่มีตก บอกเลยว่าทริปนี้ชอบโรงแรม Toyoko-Inn ที่เข้าพักทุกสาขาเลย


ภายในห้องน้ำ สะอาดสะอ้าน


มีแปรงสีฟัน+ยาสีฟันที่พอใช้กับวันที่เข้าพัก และส่วนที่อาบน้ำจะมีที่กดของเหลวอยู่ 3 ช่องคือ แชมพู, สบู่เหลว และคอนดิชั่นหลังจากใช้ยาสระผมแล้ว ผมมองว่าสะดวกและไม่กินเนื้อที่ดีมากๆ ไม่ต้องเอามาเป็นขวดวางไว้ แบบเติมอย่างนี้ดีแล้ว


ทุกโรงแรมในเครือ Toyoko-Inn จะมีอาหารเช้าฟรี ที่พิเศษกว่าโรงแรมอิ่นๆคือ มีอาหารเย็นตอน 1 ทุ่มที่เป็นข้าวแกงกระหรี่ในวันอังคาร พุธ และพฤหัส สุดยอดเลยครับ


ผมอยู่ในห้องเก็บข้าวของและทำอะไรส่วนตัวสักพัก เมื่อมองออกไปด้านนอก แสงจะหมดแล้ว เลยออกไปหาอะไรทานดีกว่า


ออกมาเดินที่ถนน 5 โมงเย็นนิดๆ ก็มืดซะแล้ว หิมะยังคงมีตกอยู่ แต่พอไปได้ จุดหมายคือสถานีฮาโกดาเตะอีกแล้ว


ที่หน้าสถานีเปิดไฟซะสวยเลย แต่ถ่ายออกมาสั่นๆซะงั้น ทริปนี้ฝีมือถ่ายตอนกลางคืนตกไปเยอะเลย


ตรงนี้เป็นซุ้มทางเดินเท้าหน้าสถานี ไกลออกไปที่ถนนข้างหน้าโน้น


ซูมให้ดูใกล้ๆครับ ตกแต่งไฟสวยงามดี


แล้วก็เข้ามานั่งเล่นตรงภายในอาคารสถานีอีก ตรงนี้เป็นที่ออกตั๋วรถไฟ JR ทั้งมาจองตอนนี้และมารับตั๋วที่จองไว้ ผมเองลืมไปเลยว่าได้ทำการจองอีกครั้งหลังจากที่ต้องยกเลิกเพราะไม่สามารถรับตั๋วจองที่นั่งที่จองในนาม Hokkaido Rail Pass 3 days ได้ ที่สถานีอูเอโนะเมื่อวานนี้ ซึ่งต้องมาเปลี่ยนเป็นพาสตัวจริงและมารับตั๋วจองที่นั่งในวันรุ่งขึ้นนี้ โดยลืมไปว่าต้องมาแลกพาสในวันนี้ สุดท้ายจะเจออะไรอีกก็ต้องตามกันต่อไป


หลังจากวนเวียนหาอาหารมื้อเย็นอยู่นาน ในร้านเซเว่นก็ยังไม่ถูกใจ เลยตัดสินใจเดินออกมาหาร้านอื่นๆในอีกจุดหนึ่งตรงที่ต้องเดินผ่านซุ้มไฟที่ถ่ายมาเมื่อก่อนนั่นเอง จนแล้วจนรอดก็ยังหาร้านถูกใจไใม่เจอ หิมะก็ตกหนักจริงๆ แว่นเป็นฝ้าหมด เหลือบไปเห็นรถรางสาย 2 กำลังแล่นฝ่าดงหิมะอยู่ เลยเก็บภาพมาซะ และก็นึกขึ้นได้ว่า ที่โรงแรมมีอาหารเย็นฟรีนี่หน่า ตอน 1 ทุ่ม ดูนาฬิกา ยังไม่เลยแฮะ เลยตัดสินใจเดินกลับไปที่โรงแรมอีกครั้งพร้อมซื้อชาร้อนจากมินิมาร์ทไปดื่มด้วยครับ


และในที่สุดก็ได้ทานมื้อเย็นที่โรงแรม เป็นข้าวแกงหระหรี่นั่นเอง อร่อยดีครับ ประหยัดไปได้อีกมื้อนึง


วันนี้ไม่ได้ไปตามแพลนที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็กลับขึ้นห้องพัก เตรียมตัวนอนเพื่อพักผ่อนต่อไป แต่ขอฝากปุ่มกดต่างๆของชักโครกของญี่ปุ่นไว้หน่อยครับ อะไรเป็นอะไรดูกันเองละกัน อิอิ


สุดท้าย ขอไปงงกับการปรับเปลี่ยนอุณหภูมิหรือทำความร้อนแบบ Heater ของเจ้ารีโมทเครื่องปรับอากาศของญี่ปุ่นกันก่อนนะครับ โดยถามที่ปรึกษาจากคนไทยนี่แหล่ะผ่าน Messenger อยู่นานจนปรับได้ตามต้องการ งั้นขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเดินทางต่อไปซัปโปโรอีกครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น