[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 7.3] [ตอน 7.4] [ตอน 8.1] [ตอน 8.2] [ตอน 9.1] [ตอน 9.2] [ตอน 10.1] [ตอน 10.2] [ตอน 11.1] [ตอน 11.2] [ตอน 11.3] [ตอน 12.1] [ตอน 12.2] [ตอน 13.1] [ตอน 13.2] [ตอน 14.1] [ตอน 14.2] [ตอน 15.1] [ตอน 15.2]
13.35 น. เดินออกจากโรงแรมมาผจญหิมะตกอีกครั้ง โดยเดินกลับไปทางตลาดเช้าฮาโกดาเตะที่เดินผ่านมาตอนมาเช็คอิน บอกเลยว่า วิวที่มีหิมะตกมากระทบใบหน้านั้น เป็นวิวที่ตื่นเต้นเอามากๆ จนต้องดึงฮู้ดของเสื้อขนเป็ดมาคลุมศีรษะไว้ และก็เลยเข้าใจได้เลยว่าขนฝอยๆที่เป็นขนมิ้งค์รอบๆฮู้ดนั้นมีไว้เพื่ออะไร ก็เพื่อกันละอองหิมะที่ตกมากระทบตาเรานั่นเอง ซึ่งมันก็ป้องกันได้จริงๆ คิดว่าทำมาเพื่อความสวยงามอย่างเดียวซะอีก... ตรงแยกนี้จะต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อเดินเข้าไปสำรวจร้านรวงต่างๆด้านใน
เลี้ยวมาแล้วก็จะเห็นร้านอยู่สองฝั่งซอยเลยครับ ยังเปิดให้บริการกันอยู่แม้จะเจอหิมะตกหนักก็ตาม
ดูเมนูอาหารก็จะคล้ายๆกันในทุกๆร้าน มีข้าวหน้าปลาดิบเป็นอาหารหลัก ซูชิ และซุปมิโสะ ในรูปเป็นมุมที่มองย้อนกลับไปยังต้นซอยที่เดินเข้ามา
เกือบๆสุดซอยก็จะมีคล้ายถนนอะไรสักอย่าง แต่เงียบเชียบเพราะหิมะตกหนัก และบางร้านก็ปิดครับ หรือจะเปิดช่วงเย็นก็ไม่ทราบได้
งั้นเดินวนมาทางซอยนี้ละกัน ละอองหิมะจุดขาวๆบนอากาศไม่ต้องถามนะครับว่าหนาวขนาดไหน
มีอาหารทะเลเยอะมากสุดเท่าที่ท่านต้องการจะกินกันเลยครับ แค่อยากจะกินอะไรเท่านั้น มุมนี้ก็มองย้อนกลับไปเช่นกัน
ร้านอาหารทะเลเยอะมากจริงๆ เลือกกันไม่ถูกเลยหล่ะครับ ผมเองก็งงๆน่าดู
ส่วนร้านนี้จะเป็นร้านอาหารแช่แข็ง ไม่ใช่ร้านอาหารสด
เดินออกมาด้านถนนที่ติดกับที่จอดรถของสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ
ณ จุดนี้ขอเช็คสภาพตัวเองก่อนครับ จัดเต็มน่าดู แว่นตานี่เป็นฝ้าเลยจากไอของลมหายใจ
เดินมาหยุดที่หน้าร้าน ปูเป็นๆสดๆเยอะมากกก ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น
และอีกถาด หอยกาบหรือหอยอะไรก็ไม่ทราบได้ เยอะเหมือนกัน เห็นเขาเอาไปย่างทานกับน้ำจิ้มคงอร่อยน่าดูเชียว
และก็มาหยุดที่จุดนี้ครับ เพิ่งรู้ว่าตรงทางซ้ายมือที่มีผู้หญิงยืนกัน 2 คนก็เข้าไปจะเจอกับร้านเยอะแยะเหมือนกัน ไม่โดนหิมะด้วย
พอเดินตรงไปอีกก็จะเห็นกับป้ายตลาดเช้าฮาโกดาเตะสแควร์ ซึ่งตอนนี้ยังงงๆ ไม่ได้เดินเข้าไปอีก จริงๆเดินเข้าไปก็จะหลบหิมะตกได้ด้วย มีร้านขายของเยอะแยะด้วย คืออยู่ในอาคารปรับอากาศสบายๆครับ
สุดท้ายก็มาหยุดเอาที่ร้านนี้ เห็นมีภาษาไทยและเห็นคนก็เดินเข้าไปด้วย เอาหล่ะ ร้านนี้ก็แล้วกันนะ
ง่ายๆ เลือกเมนูบนซ้ายนั่นคือ ข้าวหน้าไข่หอยเม่น(อัณฑะหอยเม่น) กับปลาหมึกสไลด์หรืออะไรผมก็ยังไม่รู้เลย 555 มีมาเสริิฟพร้อมซุปมิโสะครับ ส่วนชาร้อนเติมฟรี(ถ้าเป็นในไทยนะเหรอ เสียเงินค่าชาร้อนจ้าาาา)
แล้วก็ต้องออกมาเผชิญกับหิมะตกกันข้างนอกอีกครั้ง จะว่าไปผมก็เริ่มจะชินกับสภาวะแบบนี้แล้วแฮะ สนุกดีเหมือนกัน ตรงข้างหน้าไกลๆ คืออาคารสถานีรถไฟฮาโกดาเตะครับ บอกแล้วว่าโรงแรมนี้ทำเลดีมากๆเลย และอีกหลายๆสาขาในเมืองอื่นๆที่จะไปด้วยนะครับ โปรดติดตามชมกัน
เลี้ยวขวามาตรงนี้เพื่อจะมาข้ามแยกทางซ้ายมือครับ เพื่อไปยังสถานีรถไฟฮาโกดาเตะอีกครั้ง หิมะก็ยังคงตกไม่หยุด พื้นชักหนาจากหิมะซะแล้ว แต่ก็ยังพอเดินได้ครับ
ระหว่างที่ยืนรอสัญญาณไฟข้ามสี่แยกที่จะไปสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ ทางฝั่งขวาก็มืดมัวไปด้วยหิมะกระหน่ำเต็มที่ กลัวอย่างเดียวคือรถไถลมาชนเราโดยที่เบรคไม่ได้เพราะพื้นลื่นนั่นเอง
พอถึงสถานีฮาโกดาเตะแล้ว ก็ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเข้าไปหลบหิมะข้างในได้ มีม้านั่งให้นั่งอย่างเพียงพอเลย สักพักกลั้นใจก็รีบออกไปด้านหน้าสถานีเพื่อไปเก็บภาพสัญลักษณ์ของสถานีฮาโกดาเตะอันนี้ไว้ เป็นประติมากรรมสีแดงคล้ายๆพ่อและลูกทำสะพานโค้งเลยครับ ใครมาที่สถานีนี้ก็ต้องมาถ่ายเจ้านี่ทุกคน
เดินไปไกลๆแล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวอาคารสถานี เพื่อภาพอีกมุม ซึ่งเป็นมุมมหาชนเช่นกันครับ มันต้องติดตัวอักษร JR ที่อาคารสถานีมาด้วยถึงจะเรียกว่ามาถึง 555 แล้วลองดูสิครับหิมะตกหนักมากๆ เห็นเป็นสายหิมะคล้ายๆกับสายฝนเลยแฮะ ยืนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบวิ่งกลับเข้าอาคารสถานีครับ จะแข็งตายเอา 555
อีกจุดหนึ่งด้านหน้าสถานีที่มีรถวิ่งเข้าออก ต้องมีกรวยสีแดงมาตั้งเพื่อบอกจุดว่าพื้นต่างระดับระหว่างพื้นถนนและฟุตปาททางเดินครับ ตกหนักจริงๆ
เวลานี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้จิบกาแฟสดร้อนๆไปได้อีกแล้วครับ ในสถานีมีร้านเซเว่น ร้านมินิมาร์ทอันโด่งดังที่จะหาอะไรก็เจอ อยู่ด้วยครับ จัดไป กาแฟสดร้อนขนาดปกติ 100 เยน แค่นี้ก็ฟินเว่อร์แล้วครับ ไม่รู้ไปติดใจอะไรกับกาแฟสดร้อนของเซเว่นก็ไม่รู้แฮะ มันช่วยได้จริงๆ แถมราคาคุยกันได้ด้วย สตาร์บัคส์ไม่ได้แอ้มผมร๊อกกกก
นั่งดื่มกาฟสดไปก็เหลือบมองดูป้ายโฆษณาชีสเค้กของที่นี่ Mel Cheese ตั้งอยู่ที่อาคารแดงใกล้ๆอ่าวฮาโกดาเตะ ไว้ไปหาทานมั่ง แต่คงไม่ใช่วันนี้แล้ว
ดูนาฬิกา อ้าว... บ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว ได้เวลาเช็คอินเข้าห้องพักแล้วครับ ก็ต้องเดินลุยหิมะกลับทางเดิมกันครับ มาหยุดรอสัญญาณไฟที่แยกนี้เช่นเคย ข้ามถนนที่มีหิมะค่อยๆเดินนะครับไม่ต้องวิ่งเพราะจะลื่นหัวคะมำ อายเค้า อิอิ
ข้ามแยกมาแล้วก็เดินต่อไปตามทางเดินครับ โห...หิมะสูงขึ้นกว่าเดิมนะเนี่ย แต่แผ่นรองกันหิมะทำหน้าที่ได้อย่างดีเลยครับ แน่นเกาะพื้นดีมากๆ ไม่ลื่นสักนิด รถที่จอดไว้นี่ปกคลุมไปด้วยหิมะแต่สุดท้ายเขาก็สตาร์ทเครื่องยนต์กันได้นะครับ ทึ่งจริงๆ
ที่เห็นกองๆขาวๆคือกองหิมะนะครับ มีคนกวาดเพื่อไปกองรวมกันไว้
ทางด้านซ้ายมือคือร้านขนส่งแมวดำคาบลูกอันโด่งดัง หรือ TA-Q-BIN นั่นเอง เรารู้จักชื่อนี้ก็ตอนที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกโดยใช้บริการถึง 2 ครั้งด้วยกัน
มาที่เคาน์เตอร์รับกุญแจห้องพร้อมกับบัตรสมาชิกคลับ Toyoko-Inn ซึ่งอย่างที่บอกไว้ตอนก่อนว่า ได้เร็วกว่าเดิมจากที่ให้มารับในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง ครั้งนี้ได้ห้อง 212 ครับ
เปิดประตูมาก็เป็นแบบนี้ บรรยากาศเก่าๆกลับเข้ามา นึกย้อนไปครั้งแรกที่พักเครือโรงแรมนี้ที่ Kurume ฟุกุโอกะนั่นเอง
ผ้าปูที่นอน การตกแต่ง สภาพห้องเป็นแบบนี้ทุกที่ทุกสาขานะครับ ย้อนกลับไปดูได้ในตอน 1.5 ของทริปญี่ปุ่น เมื่อยามใบไม้เปลี่ยนสี
เตียงนุ่มๆดีจัง อ้อ...จะบอกว่า เมื่อลดราคาแล้วจากสมาชิก ราคาเหลือเพียง 1231 บาท/คืนเท่านั้น ไม่แพงเลยนะครับที่ได้ที่นอนแบบเป็นสัดส่วนไม่ไปนอนรวมกับใครเหมือนโรงแรมแคปซูล
มุมตรงมองไปทางหน้าต่าง ป้ายที่วางบนเตียงทุกๆครั้งที่เข้ามาในห้องคือ เป็นการแจ้งว่า ห้องนี้กว้างพอที่จะวางกระเป๋าใบใหญ่ได้ โดยสามารถวางไว้ที่ใต้เตียงครับ
อีกมุมที่มองจากหน้าต่างหลังห้องไปด้านหน้าประตูทางเข้า
รหัส WiFi และ SSID ดูได้จากหน้าจอมอนิเตอร์ครับ สัญญาณแรงดีไม่มีตก บอกเลยว่าทริปนี้ชอบโรงแรม Toyoko-Inn ที่เข้าพักทุกสาขาเลย
ภายในห้องน้ำ สะอาดสะอ้าน
มีแปรงสีฟัน+ยาสีฟันที่พอใช้กับวันที่เข้าพัก และส่วนที่อาบน้ำจะมีที่กดของเหลวอยู่ 3 ช่องคือ แชมพู, สบู่เหลว และคอนดิชั่นหลังจากใช้ยาสระผมแล้ว ผมมองว่าสะดวกและไม่กินเนื้อที่ดีมากๆ ไม่ต้องเอามาเป็นขวดวางไว้ แบบเติมอย่างนี้ดีแล้ว
ทุกโรงแรมในเครือ Toyoko-Inn จะมีอาหารเช้าฟรี ที่พิเศษกว่าโรงแรมอิ่นๆคือ มีอาหารเย็นตอน 1 ทุ่มที่เป็นข้าวแกงกระหรี่ในวันอังคาร พุธ และพฤหัส สุดยอดเลยครับ
ผมอยู่ในห้องเก็บข้าวของและทำอะไรส่วนตัวสักพัก เมื่อมองออกไปด้านนอก แสงจะหมดแล้ว เลยออกไปหาอะไรทานดีกว่า
ออกมาเดินที่ถนน 5 โมงเย็นนิดๆ ก็มืดซะแล้ว หิมะยังคงมีตกอยู่ แต่พอไปได้ จุดหมายคือสถานีฮาโกดาเตะอีกแล้ว
ที่หน้าสถานีเปิดไฟซะสวยเลย แต่ถ่ายออกมาสั่นๆซะงั้น ทริปนี้ฝีมือถ่ายตอนกลางคืนตกไปเยอะเลย
ตรงนี้เป็นซุ้มทางเดินเท้าหน้าสถานี ไกลออกไปที่ถนนข้างหน้าโน้น
ซูมให้ดูใกล้ๆครับ ตกแต่งไฟสวยงามดี
แล้วก็เข้ามานั่งเล่นตรงภายในอาคารสถานีอีก ตรงนี้เป็นที่ออกตั๋วรถไฟ JR ทั้งมาจองตอนนี้และมารับตั๋วที่จองไว้ ผมเองลืมไปเลยว่าได้ทำการจองอีกครั้งหลังจากที่ต้องยกเลิกเพราะไม่สามารถรับตั๋วจองที่นั่งที่จองในนาม Hokkaido Rail Pass 3 days ได้ ที่สถานีอูเอโนะเมื่อวานนี้ ซึ่งต้องมาเปลี่ยนเป็นพาสตัวจริงและมารับตั๋วจองที่นั่งในวันรุ่งขึ้นนี้ โดยลืมไปว่าต้องมาแลกพาสในวันนี้ สุดท้ายจะเจออะไรอีกก็ต้องตามกันต่อไป
หลังจากวนเวียนหาอาหารมื้อเย็นอยู่นาน ในร้านเซเว่นก็ยังไม่ถูกใจ เลยตัดสินใจเดินออกมาหาร้านอื่นๆในอีกจุดหนึ่งตรงที่ต้องเดินผ่านซุ้มไฟที่ถ่ายมาเมื่อก่อนนั่นเอง จนแล้วจนรอดก็ยังหาร้านถูกใจไใม่เจอ หิมะก็ตกหนักจริงๆ แว่นเป็นฝ้าหมด เหลือบไปเห็นรถรางสาย 2 กำลังแล่นฝ่าดงหิมะอยู่ เลยเก็บภาพมาซะ และก็นึกขึ้นได้ว่า ที่โรงแรมมีอาหารเย็นฟรีนี่หน่า ตอน 1 ทุ่ม ดูนาฬิกา ยังไม่เลยแฮะ เลยตัดสินใจเดินกลับไปที่โรงแรมอีกครั้งพร้อมซื้อชาร้อนจากมินิมาร์ทไปดื่มด้วยครับ
และในที่สุดก็ได้ทานมื้อเย็นที่โรงแรม เป็นข้าวแกงหระหรี่นั่นเอง อร่อยดีครับ ประหยัดไปได้อีกมื้อนึง
วันนี้ไม่ได้ไปตามแพลนที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็กลับขึ้นห้องพัก เตรียมตัวนอนเพื่อพักผ่อนต่อไป แต่ขอฝากปุ่มกดต่างๆของชักโครกของญี่ปุ่นไว้หน่อยครับ อะไรเป็นอะไรดูกันเองละกัน อิอิ
สุดท้าย ขอไปงงกับการปรับเปลี่ยนอุณหภูมิหรือทำความร้อนแบบ Heater ของเจ้ารีโมทเครื่องปรับอากาศของญี่ปุ่นกันก่อนนะครับ โดยถามที่ปรึกษาจากคนไทยนี่แหล่ะผ่าน Messenger อยู่นานจนปรับได้ตามต้องการ งั้นขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเดินทางต่อไปซัปโปโรอีกครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ
[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 7.3] [ตอน 7.4] [ตอน 8.1] [ตอน 8.2] [ตอน 9.1] [ตอน 9.2] [ตอน 10.1] [ตอน 10.2] [ตอน 11.1] [ตอน 11.2] [ตอน 11.3] [ตอน 12.1] [ตอน 12.2] [ตอน 13.1] [ตอน 13.2] [ตอน 14.1] [ตอน 14.2] [ตอน 15.1] [ตอน 15.2]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น