ปล. วันนี้ยังสามารถใช้พาส East-South Hokkaido Rail Pass เป็นวันที่ 6 วันสุดท้ายแล้ว
แล้วก็มาลงสถานี Kanda แล้วเดินขึ้นมาด้านบนเพื่อมารอรถไฟสาย JR Chuo Line Rapid Service for TAKAO ทางด้านขวามือ ชานชาลาที่ 6
7.25 น. ก็มาลงที่สถานีชินจูกุ และก็เดินไปหาชานชาลาอันต่อไป เจอแล้วนี่ไง...รถไฟขบวน Limited Express Azusa 3 ที่จะต้องนั่ง แต่เหมือนจะเป็นตู้รถไฟแบบ Green Class เลยต้องเดินไปหาตู้แบบธรรมดาที่จองที่นั่งมา
เจอแล้วครับ เดินเข้าไปหาที่นั่งเลย
รถไฟค่อยๆเคลื่อนตัวแล้ว มองเห็นตึกสูงๆเรียวๆแปลกๆหลังนี้ทางขวามือ
เอ๊ะ....อะไรแว้บๆ ภูเขาไฟฟูจิรึเปล่า?
8.30 น. ก็มาถึงสถานี Otsuki แล้วครับ สถานีนี้จะงงๆมากๆ เพราะต้องต่อรถไฟสาย Fujikyu ไปอีกทอด โดยมีเวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น
ขึ้นสะพานข้ามรางรถไฟมา ป้ายบอกไปคาวากูจิโกะชานชาลา 4 ด้านซ้ายมือ งงมากๆ บอกเลย แต่ในที่สุดก็ได้ขึ้นรถไฟถูกขบวนจนได้
ตัดฉับมาที่นี่ 9.15 น. ก็มาถึงสถานี Shimoyoshida Station จนได้ ทางขวามือคือขบวนที่ผมนั่งมา
ต้องรอรถไฟไปก่อนนิดนึงครับ ถึงจะเดินข้ามทางรถไฟไปทางซ้ายมือออกจากสถานีไปได้ ชายหญิง 2 คนที่เห็นด้านหน้าคือคนไทยที่มาลงสถานีนี้พร้อมกัน
หันหลังกลับไปเพื่อถ่ายด้านหน้าสถานีครับ
เห็นน้อง 2 คนคุยกันว่าจะไปทางไหนดี ก็เลยพูดสวนไปว่า จะไปเจดีย์ใช่มั้ยครับ คงเดินไปตามทางเส้นนี้ครับ แล้วลอดทางด่วนไป พอดีผมกดน้ำดื่มก่อน เลยเดินไปหลังน้องทั้งสอง จะเห็นว่ากำลังเดินไปตามทางด้านซ้ายมือ
คราวนี้จะเป็นการนำทางอย่างละเอียดนะครับ ไม่ชอบข้ามไปได้เลย เดินมาตามทางฟุตพาทก็จะเจอกับทางตัดกับรางรถไฟ ก็ดูซ้ายดูขวาก่อนข้ามด้วย ซึ่งจริงๆในญี่ปุ่นถ้ามีรถไฟมาที่กั้นก็จะตกลงมากั้นเองครับ แต่เพื่อความปลอดภัยก็ต้องมองด้วยตาตัวเองด้วยครับ
ข้ามรางรถไฟมาแล้วก็จะมีป้ายอีกครั้งว่าทางไปเจดีย์จะต้องเลี้ยวไปทางซ้ายมือ บอกเลยมาที่นี่ไม่หลงแน่ๆ
ตามทางเดินก็จะมีรูปเจดีย์ Chureito อยู่ตลอดครับ
นี่ก็อีก ห่างกันไม่กี่ก้าวเอง มาแล้วหลงก็แย่แล้วนะ
อีกรูป เป็นด้านหน้าเจดีย์ หน้าซากุระบานพอดีเลย สวยงามมากครับ
บรรยากาศเย็นๆ สบายๆมากๆครับ มีน้องคนไทย 2 คนเดินนำหน้าอยู่
และอีกจุด
ตรงนี้ใกล้ๆทางที่จะบรรจบกับถนนแล้ว
และเช่นเคย พอถึงแยกใดๆ ก็จะมีป้ายบอกตลอด ไปทางซ้ายมือครับ
เดินมาสักนิดก็จะเจอกับสามแยกเล็กๆ มีป้ายบอกไปทางขวามือ ตามผู้ชายที่เดินไปเลยครับ
อ่า...เดินมาถึงทางเข้าแล้ว
โคมไฟซ้ายขวาตรงทางเข้าอีกจุด
มาๆ เดินตามกันไป
เดินขึ้นบันได้ไม่กี่ขั้นก็เจอเสาโทริอิสีส้ม
และจุดเริ่มขึ้นบันไดยาวๆอย่างเป็นทางการก็อยู่ทางขวามือนี่เอง ทางซ้ายมือคือศาลเจ้าเล็กๆ
ค่อยๆเดินนะครับ ไม่ต้องไปแข่งกับใคร เหนื่อยก็หยุดพักครับ เช้าๆแบบนี้คนยังไม่เยอะ
มาถึงจุดที่เห็นถนนวนขึ้นไปทางซ้ายมือ ส่วนพวกเราก็เดินขึ้นบันไดต่อไปด้านขวามือ
อีกจุดที่มีศาลเจ้าเล็กๆ
หนทางยังอีกยาวไกลครับ ค่อยๆเดินไป
เดินไปก็ระวังกันด้วยนะครับ มีป้ายบอกระวังงูด้วย
เริ่มเจอคนเยอะแยะ
มาถึงจุดที่มีทางแยกไปทางขวามือ แต่ผมไม่ไป ขึ้นบันได้เหมือนเดิม
9.47 น. หันกลับหลังไปดูผลงานตัวเอง
โว้วววว.....สวยงามจัง ฟูจิซัง ถือเป็นรางวัลแด่คนช่างฝัน ที่บากบั่นมาจนจุดๆนี้ได้
ใกล้จะถึงจุดบนสุดของบันไดทางขึ้นมาแล้ว นิดเดียวจริงๆ
และแล้วก็มาถึง เจดีย์ชูเรอิโตะ(Chureito Pagoda) ตรงนี้เป็นด้านหน้านะครับ ไม่ค่อยจะมีใครถ่ายด้านหน้าเจดีย์นี้สักเท่าไหร่
แน่นอนว่า จุดหมายของผมคือ เดินขึ้นไปถ่ายวิวด้านบนที่เห็นทั้งฟูจิและเจดีย์นี้ด้วย ซึ่งต้องเดินไปตามทางขวามือ และวนขึ้นไปชั้นบนและย้อนมาที่หลังเจดีย์อีกทีหนึ่ง
ขึ้นไปแล้วก็จะเห็นแพลทฟอร์มที่ทำด้วยไม้เป็นทางเดินให้นักท่องเที่ยวถ่ายวิวสวยๆกัน เดินเข้าไปกันครับ
นี่ไง จัดแจงหาวิวสวยๆ ฟูจิซังต้องอยู่ตรงกลาง เจดีย์อยู่ทางขวามือ จัดองค์ประกอบกันไป
แล้วก็เดินออกมาเตรียมจะกลับแล้ว ขอเก็บเจดีย์มุมนี้อีกครั้ง ผมว่าสวยดีนะ
ซูมไปหาสถานี Shimoyoshida Station ที่ได้นั่งรถไฟมาลงดีกว่า
เก็บบรรยากาศอยู่ที่เจดีย์ชูเรอิโตะ 30 กว่านาที ก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้วครับ ขากลับเราจะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิอยู่ตรงหน้าเราตลอด เห็นแล้วก็ให้นึกถึงตอนไปเทร็กกิ้งที่พูนฮิลล์ เนปาลนะครับ มีบางช่วงได้เห็นเทือกเขามัชฉาปูชเร บางช่วงไม่เห็น
เจอกับป้ายเตือนข้างทางอีกแล้ว ระวังหมูป่า และรั้วไฟฟ้า และระวังลิงเจี๊ยกๆด้วยนะ
วิวฟูจิซังแบบเต็มๆอีกแล้วววว
อีกวิวหนึ่งน่าาา ใกล้ทางลงขั้นสุดท้ายแล้วครับกับวิวภูเขาไฟฟูจิ
เดินกลับทางเดิมครับ ทางไปสถานี Shimoyoshida Station
เจอฝาท่อระบายน้ำสวยๆอีกแล้วววว อันนี้รถดับเพลิงใช่มั้ย
ต้องข้ามทางรถไฟอีกครั้ง มองซ้ายมองขวาก่อนข้ามนะครับ
เจอรถไฟตู้นี้จอดโชว์อยู่ แต่งเป็นรูปภูเขา ตลกดี เหมาะสำหรับเด็กๆ
555 ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรนะครับ หรือโชว์นิ่งๆอย่างเดียว ใครทราบบอกด้วยยย
แล้วก็กลับมาที่ด้านหน้าสถานี มีร้านกาแฟน่ารักๆอยู่ข้างๆ ดูท่าจะแพง เลยเก็บเพียงภาพมาดีกว่า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น