วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560

15 วัน อินเจแปน ตอน 8.1 ดั้นด้นไปดูนกกระเรียนญี่ปุ่น(Tancho Crane)ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ณ หมู่บ้านสึรูมิได(Tsurumidai) เมืองคูชิโระ ก่อนจะตกรถเที่ยวขากลับเมือง


วันนี้จะตื่นเช้าหน่อย(อีกแล้ว) เพราะได้ตารางเที่ยวรถบัสจากพนักงานโรงแรมเมื่อคืน โดยเที่ยวเช้าสุดที่จะไปหมู่บ้าน Tsurumidai โดยรถบัสหมายเลข 20 (ได้ข้อมูลมาจาก Tripadvisor.com) ออกเวลา 8.55 น.ที่ท่ารถด้านล่าง ฉะนั้น ต้องไปทานอาหารเช้าจากทางโรงแรมให้เรียบร้อยก่อนเวลา 8.00 น. แล้วก็ไปติดต่อซื้อตั๋วรถบัสที่ชั้น 1 ติดกับล็อบบี้โรงแรมที่เมื่อวานได้เดินสำรวจมาแล้ว วันนี้ทั้งวันผมให้เวลากับการดูนกกระเรียนพันธุ์หายาก(Tancho Crane) ที่จะได้เจอตัวเป็นๆเยอะสุดในเกาะฮอกไกโดก็ที่คูชิโระนี่หล่ะครับ และหมู่บ้าน Tsurumidai ก็เป็นสถานที่อันดับแรกๆที่มีฝูงนกกระเรียนมาหาอาหารและชุมนุมกันเยอะสุด ประกอบกับที่นี่เป็นหมู่บ้าน เลยไม่เสียเงินค่าเข้าครับ หลังจากอิ่มเองกับการชมนกกระเรียนครั้งแรกของผมก็จะกลับมาที่เมืองคูชิโระอีกครั้ง ไปสำรวจสะพานข้ามแม่น้ำคูชิโระ ที่มีชื่อว่า Nusamai ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคูชิโระเลยครับ


7.03 น.ก็ลุกจากเตียงแล้ว แสงจากพระอาทิตย์กำลังสาดส่องมาเลย


มองไปทางสถานีรถไฟคูชิโระบ้าง เมื่อคืนนั่งมาลงแบบมืดๆ วันนี้ช่วงค่ำๆก็จะขึ้นรถไฟที่สถานีนี้มืดๆเช่นเดิมกลับซัปโปโรกันแล้ว


อาหารเช้าที่โรงแรมฟรี เป็นแบบง่ายๆครับ ซุปมิโสะนี่กดเอาจากเครื่องเลย แปลกดี เพิ่งเคยเจอ

หลังจากอิ่มท้องก็เอาสัมภาระออกมาเช็คเอาท์ แต่เจ้าหน้าที่แบบ...พูดอังกฤษไม่ได้ ผมก็งง คือไรว่า บอกโนๆ อ้อ....ไม่จำเป็นต้องเช็คเอาท์นั่นเอง จะออกก็ออกไปได้เลย รหัสเข้าห้องมันมีเวลาครบกำหนดอยู่แล้วนั่นเอง ถ้าครบเวลาก็กลับมาเข้าห้องไม่ได้นั่นเอง ผมเลยแค่ฝากสัมภาระไว้ แล้วช่วยเย็นๆจะกลับมาเอาก็ไม่มีปัญหาครับ


ออกมาด้านนอก ไปติดต่อเรื่องตั๋วรถบัสที่จะไปหมู่บ้าน Tsurumidai กับเจ้าหน้าที่ด้านในออฟฟิศก็ราบรื่น ให้กดตั๋วเองจากเครื่องกดอัตโนมัติ ราคา 1000 เยน แต่ที่ผิดแผนคือ วันนี้รถออกเที่ยวแรกคือเวลา 10.25 น. โน่น ไม่ใช่ 8.55 น. เซ็งเลย....คงเพราะวันหยุดแบบนี้พวกรถบัสนี่มีปัญหาตลอด คงจำได้ว่าผมเจอปัญหากับรถบัสที่อะบาชิริมาแล้ว สุดท้ายก็มาเจอที่คูชิโระอีก แต่บอกเลย ยังมีปัญหาที่ซ่อนอยู่ในตอนนี้ครับ หนักหนาสาหัสจริงๆ 555


เดินไปตรงนี้ครับ เป็นป้ายรถบัสหมายเลข 15 ซึ่งจะมีรถบัสหมายเลข 20 มาจอดให้ขึ้นครับ หวังว่าคงไม่สับสนระหว่างหมายเลขป้าย กับหมายเลขรถบัสนะครับ เพราะตอนแรกผมก็สับสน ฮ่าๆๆ


เรามาดูแผนที่ป้ายรถบัสและรถบัสหมายเลขต่างๆที่จะมาจอดในแต่ละป้ายกันดีกว่า
จะเห็นข้อความ You are here คือที่ตำแหน่งป้ายหมายเลข 15 นี้ โดยที่ป้ายหมายเลขนี้จะมีเส้นทางไปสถานที่ต่างๆ อยู่ด้วยกัน 5 สายด้วยกันตามสีที่แตกต่างกัน สนใจเฉพาะสีฟ้านะครับ ที่เขียนว่า Bound for Kushiro Marsh Observatory and Tsurumidai Plain นั่นแหล่ะ คือเส้นทางที่เราจะไป และก็ไปดูเส้นทางด้านล่าง


เส้นสีฟ้าตรงกลาง ที่มีเลข 15 กำกับ โดยไป Tsurumidai Plain และ Tsurui Vil


แล้วก็มาดูป้ายตารางเวลาที่ป้ายหมายเลข 15 นี้กันบ้าง เลข 2 หลักตัวแรกคือหมายเลขรถบัส ซึ่งเวลา 10.25 น.ที่จะถึงนี้เป็นรถบัสหมายเลข 20 ที่จะมาจอดที่ป้ายหมายเลข 15 นี้ คือตรงกันเป๊ะๆ ไม่ผิดแน่ๆ


และเมื่อเวลา 10.18 น. รถบัสคันนี้ก็แล่นมาจอด และมีป้ายด้านหน้ารถเขียนเลขโตๆว่า 20 ซึ่งไม่ผิดแน่ๆ ได้เวลาขึ้นไปแล้วครับ
รถออก 10.25 น.ตรงเวลาเป๊ะๆตามสเต็ปญี่ปุ่น


ช่วงที่รถบัสยังขับในตัวเมือง


ช่วงที่รถบัสออกนอกตัวเมือง


นั่งๆรถไปเรื่อยๆ เอี๊ยดดดด...คนขับเบรครถกระทันหันทำไม... พอมองไปด้านหน้ารถ อ้อ....มีกวางมันวิ่งตัดหน้ารถนั่นเอง แต่ถ่ายรูปไม่ทัน กวางไม่เป็นไรนะครับ พอเหลือบไปมองด้านซ้ายของรถ อ้าว ฝูงกวางหลายตัวทีเดียว


มีตัวนึงมันมองมาทางผมด้วย 555


ใกล้ถึงแล้วครับ อีก 3 กม. Tsurumidai


แล้วรถก็มาส่งผมและนักท่องเที่ยวจีน 2 คนนี้ที่เดินข้างหน้าผม ตอนผมลงก่อนชาวจีน 2 คน คนขับเขาชี้แจงเที่ยวรถขากลับให้ชาวจีนด้วยครับ ผมเองไม่ได้สนเพราะดูเวลากลับมาแล้ว แต่พอเกิดเรื่องหลังจากนี้ก็เลยนึกย้อนไปว่า สงสัยต้องชี้แจงอะไรพิเศษแน่ๆเลย


ตรงป้อมด้านขวามือนี้คือป้ายรถบัสขากลับนั่นเองครับ เล็งๆไว้ก่อน


เดินมาตรงนี้ ด้านซ้ายมือคือร้านอาหารและของฝาก เดี๋ยวจะมาฝากท้องมื้อกลางวันและมีอะไรจะขอบคุณเจ้าของร้านนี้ด้วยเช่นกันครับ ไว้อ่านกันต่อไปนะครับ
ปล.กาน้ำชากาแฟสีแดงแบบนี้เห็นแล้วให้ชวนคิดถึงร้านกาแฟในปายร้านนึงนะครับ


ฝั่งตรงข้ามก็คือหมู่บ้าน Tsurumidai นั่นเอง มีสัญลักษณ์นกกระเรียน 2 ตัวกำลังยืนคู่กัน ด้านหลังคือนกกระเรียนของจริง


ข้ามถนนมาก็เจอแล้วครับ อยู่ติดถนน ป้ายเขาบอกว่า เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น(The most beautiful villages in Japan) คงจะหมายถึง ชาวบ้านได้ช่วยกันให้อาหารเจ้านกกระเรียนเป็นการอนุรักษ์มันจากการที่ทันจะใกล้สูญพันธุ์นะครับ เราเองก็ต้องขอขอบคุณด้วยเช่นกัน


เป็นลานกว้างนะครับ มีนกกระเรียนมาหาอาหารเยอะแยะเลย


ซูมมาได้แค่นี้ครับ


ผมคอยจังหวะนกกระเรียนเต้นอยู่นะครับ อ้อ...นักท่องเที่ยวชาวจีน 2 คนนั้นมาให้ผมช่วยถ่ายรูปเขาครับ ไอ้เราหวังดีว่า กดตรงไหนถึงจะโฟกัส เพราะผมลองกดกล้อง Canon เขาแล้วมันไม่มีเสียงโฟกัสไง เลยถามเจ๊แก สุดท้ายแกไม่สนใจ บอกทำนองว่า กดๆไปเถอะ ถ่ายได้....เออ...ให้ได้อย่างนี้สิ คนจีนนี่มันคนจีนจริงๆ.... 


มาดูคลิปวิดีโอกันบ้านดีกว่า ชอบเสียงนกกระเรียนมันร้องจัง ไม่รู้ร้องหาคู่หรือเปล่า


อันนี้เรียก นกกระเรียนเต้นได้มั้ย Dancing Crane


จับจังหวะกระเรียน 3 ตัวกำลังร่อนลงพอดี


กางปีกสวยงามจัง


นักท่องเที่ยวจีน 2 คนกลับไปแล้วครับ รอบรถเที่ยงกว่าๆ ผมหารู้ไม่ว่า นั่นคือรอบรถกลับเมืองคูชิโระรอบสุดท้ายของวันนี้! ผมเองยังคิดเข้าข้างตัวเองว่า ยังมีรอบบ่ายแก่ๆอีก เลยพักยก ข้ามมาอีกฝั่งของถนนมาทานอาหารเอาแรงก่อน


ขอดูเมนู....เอาราเม็งชามนี้ละกัน 900 เยน....


ภายในร้านตกแต่งน่ารักดีครับ


ด้านซ้ายมือมีให้ชมวิวการแต่งสวนด้วย แถมมีกล้องส่องทางไกลให้ดูด้วยครับ


มาแล้วครับ น่ากินทีเดียว มีหมูแผ่นใหญ่ๆ 2 แผ่นมาด้วย


ทานเสร็จก็กลับมาฝั่งเดิม แอบเอาเจ้าแมวเหมียวของบ้านที่นี่เขาเลี้ยงไว้มาให้ชม มีหลายตัวเลย


เหมือนจะมีมาเพิ่มขึ้นรึเปล่า?


อีกฝั่งนึง


จับจังหวะกระเรียนกำลังบินขึ้นไปด้านหลังพอดี


ซูมๆหน่อย


เวลากระเรียนกางปีกนี่กว้างมากๆครับ สง่างามจริงๆ


จังหวะกระเรียนถลาลม


ชอบๆ


สมควรแก่เวลา 14.46 น.ก็เดินไปรอรถบัสที่ป้อมนี้ครับ


ยิ่งบ่ายแก่ๆ อากาศยิ่งเย็นลงๆ เข้าไปนั่งรอข้างในดีกว่า ในใจคิดว่ารถรอบ 14.50 น.คงใกล้มาแล้ว แต่.....สุดท้ายก็ไม่มีมา ซวยแล้วหล่ะสิ....เหตุการณ์จะย้อนรอยหรือไม่?


ผมกลับไปร้านอาหารฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ตอนนี้ร้านปิดแล้วครับ เพราะเลยเวลา 15.00 น.ไปแล้ว แต่ผมก็เคาะเรียก เพื่อจะสอบถามเรื่องรอบรถบัสขากลับไปคูชิโระ ซึ่งเจ้าของเขาก็มาเปิดและให้ดูตารางเวลาใบนี้ ซึ่งเขาบอกว่า รถจะมาอีกทีเวลา 15.55 น. ตอนนี้ 15.05 น. แต่ผมเองก็ยังไม่มั่นใจ แต่ทำยังไงได้ ก็เดินกลับไปรอที่ป้ายอีกครั้ง


ดูตารางเวลาอีกครั้งที่ป้ายรถบัส มีอีกที 16.17 น. แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะมาจริงๆมั้ย อากาศนี่ก็เริ่มเย็นลงๆเรื่อยๆ กดกาแฟร้อนมาพอดื่มให้อุ่นได้ครับ


สักพัก 15.13 น. พนักงานร้านอาหารก็เดินจากร้านมาบอกผมที่ป้ายรถบัสเลยนะครับ ทำสัญลักษณ์บอกว่า No No เหมือนจะไม่มีรถบัสมาแล้ววววว แล้วบอกให้ผมเดินเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านข้างใน ผมก็เดินตามไป


ใช่แล้วครับ....ได้คุยกับคุณลุงเจ้าของร้าน พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษกันได้ แกบอกว่า ที่บอกไปนั้น มันวันอื่น มาดูอีกทีวันนี้เขาบอกว่ายกเลิกวิ่งรอบเวลาดังกล่าวเพราะเป็นวันหยุด รอบสุดท้ายคือเที่ยงกว่าๆที่นักท่องเที่ยวชาวจีน 2 คนนั้นกลับไปนั่นเอง...

ได้ฟังดังนั้นคือซวยแล้วครับพี่น้อง...ที่นี่ก็อยู่ไกลแสนไกลจากสถานีคูชิโระ ไม่สามารถเดินกลับหรือนั่งรถไฟสายอื่นกลับแน่นอน แล้วทำยังไง มีวิธีเดียวครับ นั่นคือ...แท็กซี่!....ตามที่เจ้าของแนะนำเช่นกัน รู้ว่าต้องแพงมากๆ แต่ทำไงได้ ถือว่าซวยไปก็แล้วกัน ยังดีกว่าไม่มีรถกลับ เพราะผมต้องกลับไปซัปโปโรค่ำนี้ซะด้วยสิครับ ถ้าไม่ทันรถไฟที่คูชิโระนี่คือซวยซ้ำสองเลยนะเนี่ย ก็เลยบอกเจ้าของร้านว่า ช่วยเรียกแท็กซี่ให้หน่อยครับ แกก็ใจดีมากๆ โทรไปหาศูนย์แท็กซี่อยู่หลายครั้งเพราะโทรไปไม่มีคนรับสาย ในใจผมนี่ก็ลุ้นแล้วลุ้นอีกให้ติด สักครู่ใหญ่ๆก็ติด แกก็คุยเป็นภาษาญี่ปุ่นกับศูนย์ บอกเสร็จสรรพว่าให้มารับที่ร้านนี้แล้วไปส่งสถานีรถไฟคูชิโระ ทางโน้นบอกราคามา 8190 เยน....ก็โอเค....เลี่ยงไม่ได้ครับ ตอบรับไปว่าตกลง แกก็บอกว่าให้นั่งรอก่อน เพราะอีกครึ่งชั่วโมง รถแท็กซี่ถึงจะมารับ นั่งรอพร้อมกับมีน้ำเย็นให้ฟรี 1 แก้วครับ มองออกไปข้างนอก แสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที บางทีมีวิกฤติ แต่ก็ได้เจอคนใจดีหยิบยื่นน้ำใจมาเสมอนะครับ นี่คือเสน่ห์ของการเดินทางจริงๆ


มาแล้วครับ แท็กซี่มารับที่หน้าร้านอาหาร ก็ขอบคุณเจ้าของร้านกันไปครับ ขอบคุณจากใจจริงๆ ไม่ได้เจ้าของร้านที่ให้พนักงานเดินไปบอกผมที่ป้ายรถ และไม่ได้การช่วยเหลือเรียกแท็กซี่ให้ก็ไม่รู้จะทำยังดีดี


คนขับแท็กซี่ก็ก็ใจดีนะครับ แวะจุดชมวิวอุทยาน Kushiro Shitsugen National Park ระหว่างทางให้เฉยเลย โดยไม่ได้ขอ งั้นก็ลงไปถ่ายซะหน่อย


หลังจากนั้นก็ผลอยหลับไป...ตื่นมาก็เหมือนจะเข้าตัวเมืองคูชิโระมาแล้ว รถก็เลี้ยวเข้าไปจอดที่จอดรถของสถานีรถไฟคูชิโระ เวลา 16.39 น.พอดี จ่ายเงินไป 8190 เยนหรืประมาณ 2400 บาทไทย โดยเป็นค่าแท็กซี่ที่แพงที่สุดเท่าที่เคยนั่งแท็กซี่มา! ฮือๆ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปครับ กลับมาทันยังเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่ารถไฟจะออก งั้นเดี๋ยวมาติดตามตอนหน้า จะพาไปชมสะพาน Nusamai แล้วก็นั่งรถไฟกลับซัปโปโร ไปฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ถนนคนเดินทานุกิโคจิ(Tanukikoji Shopping Arcade) ย่านซูซูกิโนะ(Susukino) กันในตอนหน้าครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น