วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560

15 วัน อินเจแปน ตอน 6.2 ชมเพนกวิ้นพาเหรด ณ สวนสัตว์อะซาฮิยามะ(Asahiyama Zoo) ฉลองครบรอบ 50 ปีพอดี


มาต่อกันครับ ตอนนี้ทั้งตอนจะเป็นรูปสัตว์นานาชนิดในสวนสัตว์อะซาฮิยามะ โดยปีนี้จะครบรอบ 50 ปีของสวนสัตว์พอดี โดยมีเจ้าเพนกวิ้นเป็นพระเอกของสวนสัตว์นี้ โดยจะมีรอบเดินพาเหรดในแต่ละวันถึง 2 รอบด้วยกันคือรอบแรก 11.00 น. และรอบ 2 14.30 น. ปรากฎว่า ผมได้อยู่จนดูได้ครบทั้ง 2 รอบเลย ฮ่าๆๆ ถือว่าคุ้มจริงๆ สัตว์เยอะดีครับ แปลกๆที่เราๆท่านๆไม่เคยเห็นในแถบเมืองร้อนก็มาเห็นที่นี่ได้ เช่น Red Panda และ หมีขาวขั้วโลก งั้นเรามาเที่ยวสวนสัตว์ย้อนวัยเมื่อครั้งไปเที่ยวเขาดินตอนเด็กๆกันครับ


รถบัสมาจอดเสร็จก็เดินเข้ามาต่อแถวซื้อตั๋วกันก่อนครับ ราคาผู้ใหญ่ 820 เยน โดยเขาจะถามว่าเรามาจากชาติไหน เพราะเขาจะให้ไกด์การเที่ยวชมตามภาษาที่เขาทำไว้ แน่นอนว่าได้ไกด์ภาษาไทยครับ


ผ่านทางเข้ามาแล้ว ตอนนี้เวลา 10.48 น. รอบแรกที่เพนกวิ้นจะเดินพาเหรดคือเวลา 11.00 น. งั้นรีบไปจับจองที่ดูดีกว่า


โอ้ววว....วิวทางเดินลงเขานิดนึงสวยงามมากๆ


ใครหิวก็มีร้านราเม็ง ขนม และไอศครีมให้แวะทานกันก่อนนะครับ ส่วนผมขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน อากาศหนาวๆแบบนี้ ปวดฉี่ครับ อิอิ


แล้วก็มายืนรอดูเพนกวิ้นพาเหรดตรงนี้ จะบอกว่า กว่าจะมายืน ณ จุดนี้ได้ ผมลื่นครับ แบบเข่าทั้ง 2 กระแทกพื้นเลยทีเดียว แผ่นรองกันลื่นข้างเดียวช่วยไม่ได้เลย ในใจ เอ้ย....เข่าจะเป็นอะไรมั้ย ตอนนั้นมันชานะครับ ค่อยๆดันตัวขึ้นทีละข้าง ก็เจ็บๆ แต่เข่ายังใช้งานได้อยู่ กลัวว่าจะปวดหลังจากนี้ละสิ เข่ายิ่งไม่ดีอยู่ด้วยสิเรา
ได้วิวชั้นล่างจร้าาา ชั้นบนเต็ม แต่เพนกวิ้นก็จะเดินมาวนจนได้เห็นจนได้นะครับ ดูนาฬิกา 11.00 น.แล้วครับ แต่ยังไม่มีวี่แววเจ้าเพนกวิ้นสักตัวเลย


ป้ายที่เห็นไกลๆคืออะไรน้าาา ซูมไปอ่านกัน อ๋อ...เขาบอกว่า ห้ามใช้แฟลชถ่าย ห้ามสัมผัสตัวเพนกวิ้น ห้ามเดินข้ามเส้นแดง และห้ามยืนบังคนอื่น


รอนานจนเบื่อ ผู้คนเลยหันมาอีกฝั่ง ชมเจ้าฮิปโปโปกันบ้าง กำลังส่งเสียงและถ่ายอยู่เลย 555


นี่ไง...ตัวใหญ่มว้ากกกกก


11.24 น.ก็ยังไม่มีวี่แววเลย นี่ไงครับ เส้นแดงที่ว่า... ณ ตอนนี้มีแผ่นสตั๊ดกันลื่นแค่ข้างเดียว ลื่นเลย


ได้ยินเสียงฮือฮาจากข้างบน และในที่สุด เจ้าเพนกวิ้นพระเอกของเราก็เดินพาเหรดมาแว้วววครับ 11.30 น. พอดิบพอดี


น่ารักเชียว สมกับที่รอมานาน เพนกวิ้นที่เดินพาเหรดคือเพนกวิ้นสายพันธุ์ที่ชื่อว่า "King Penguin" อาศัยอยู่ตามแอนตากติกา


แถวตอนเรียง 1...ปฏิบัติ!


แล้วก็เดินผ่านไป


เสร็จจากพาเหรดเพนกวิ้นแล้ว ก็แยกย้ายกันไปดูสัตว์ต่างๆ นี่เลย ใกล้สุด ยีราฟครับ มีสเกลวัดความสูงให้ดูด้วยแฮะ


มีอยู่ 2 ตัว เดินมาที่จุดนี้ เพื่ออะไรนะเหรอ?


มากินน้ำแข็งใสนั่นเอง ฮ่าๆๆ


ผมหล่อมั้ยคร้าบบบบบ? อิอิ


แล้วก็เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ฮิปโปโป


ก็คือตัวที่เราเห็นจากข้างนอกนั่นเอง นอนซะ


ดูปากมัน 555


ไปต่อที่พิพิธภัณฑ์แมวน้ำ


แมวน้ำกำลังว่ายเล่นสนุกสนานเลย


ออกมาดูข้างนอกจะดีกว่า  เห็นชัดกว่าด้วย


แล้วก็เดินไปชมหมีขั้วโลกครับ เจ้านี่ถ่ายยากน่าดูเลย


ดูมันส่ายตูดซะก่อนนนน อิอิ


ได้เห็นหน้าเต็มๆแล้ว มีอยู่ตัวเดียวคงเหงาน่าดูเลยนะ


เดินไปที่จุดอื่นต่อครับ ทางเส้นนี้ไหงมีผมคนเดียวหล่ะเนี่ย??  ไม่มีใครเดินมาเลย หรือจะเดินผิดทาง?


งั้นขอเติมพลังก่อนครับ หนาวๆแบบนี้ จะดื่มอะไรเป็นไม่ได้นอกจาก ชาเขียวร้อน 130 เยน อุ่นขึ้นมาทันใจ


มาตรงจุดนี้ครับ ลิงหรือข้างกันนะ ปล.ถ่ายผ่านกระจกมันจะมีแสงสะท้อนนะครับ


อันนี้หัวลิงกับมือโผล่พ้นมาจากหิมะ ข้างๆหัวลิงเป็นตู้กดน้ำครับ โซนนี้ทั้งโซนเป็นพวกลิงชนิดต่างๆ


กรงนี้ลิงอีกชนิดนึงครับ โหนไปมาไวมากๆ ถ่ายไม่ทัน ปล.ถ่ายผ่านกระจกมันจะมีแสงสะท้อนนะครับ



มาต่อที่จุดนี้ครับ ลิงชิมแพนซีตัวนี้น่าสงสารมากๆ มีตัวเดียวไม่พอ แถมมันชอบเอาฟันแงะเปลือกไม้มาแทะเล่นด้วย ตอนนี้ก็กำลังแงะอยู่ กลัวฟันมันจะหักจัง เห็นแล้วสงสารมากๆครับ


ออกมาจากดูลิงก็จะเจอเจ้ากวางตัวนี้อยู่กรงข้างๆ ทำตาหวานใส่เชียว อิอิ


ไปต่อที่นี่ดีกว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลาน


เข้าไปก็จะเจอกับงู และกบ และอื่นๆครับ


เดินมาต่อที่นี่ อ่านญี่ปุ่นไม่ออก แต่ดูรูปแล้วน่าจะเป็นหมาป่าขาวและดำนะครับ


เจ้าสองตัวนี้แน่ๆ ตัวดำหันไปอีกทางอุตส่าห์หันหน้ามองมาทางกล้องนะเนี่ย


พนักงานสวนสัตว์ก็ช่วยกันแซะหิมะที่กองมาตรงทางเดินให้ออกไป ประเทศเมืองหนาวก็จะลำบากตรงนี้นะครับ


มาดูเจ้ากวางอีกจุดหนึ่งครับ ชอบตรงก้นมัน สีขาวน่ารักดี บางตัวนี่เป็นรูปหัวใจเลย 555


ตัวเดิมครับ เขาสวยมากๆเลย ดีที่ไม่โดนใครตัดไป มุมนี้เหมือนมันมีแค่ 3 ขาเอง 555 พิการขาด้วนไป 1 ขา ไม่ใช่ ขาหน้ามันไปบังอีกขาจร้าา


มาดูนกฮูกหิมะกัน ดูซิว่าอยู่ตรงไหน


ทายออกมั้ย ไหนหิมะ ไหนนกฮูก? อิอิ กลมกลืนมากๆเลยให้ตายสิ


นี่ไง...ผมอยู่นี่ๆ ขยับเขยื้อนแล้ววว


ใกล้ๆกัน เจ้า Red Panda หรือแพนด้าแดง


จะบอกว่า ถ่ายยากมากๆ เพราะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเลย มีอยู่ 3 ตัวด้วยกัน 


แล้วก็เดินวนไปจุดแรก


เดินขึ้นเนินที่เป็นทางเดินขึ้นไป ปรากฎว่าเป็นกรงของหมีขั้วโลกที่เคยชมแล้ว แต่ชั้น 2 ยังไม่เคยดูครับ


มุมนี้คือมุมสูงจากชั้น 2 เห็นเจ้าหมีขั้วโลกตัวเดิม กำลังเล่นลูกบอลสีเหลืองอยู่


หันมาอีกฝั่ง ก็เจอหมีอีกตัว ใจอยากให้จับมาอยู่ฝั่งเดียวกันจัง จะได้เล่นกันไม่เหงา หรือมันจะกัดกันก็ไม่รู้นะครับ


มุมมองจากชั้นบน สวยดีครับ เห็นสระที่มาดูแมวน้ำ และหอนาฬิกา


เหลือบมองนาฬิกา บ่ายโมงครึ่งแล้ว ยังไม่มีอะไรลงท้องเลย งั้นสั่งอาหารกันครับ ในรูปคือ พอสั่งเสร็จเขาจะให้ตัวนี้มา คล้ายๆรีโมทแอร์นะครับ ซึ่งมันจะมีเสียงและตัวเลขกระพริบเตือนเมื่ออาหารเสร็จแล้ว ให้มารับได้


ได้มาแล้วครับ โซบะเทมปุระผัก 620 เยน เอาขึ้นมาทานชั้น 2 ชั้นล่างคนเยอะมาก แต่ชั้น 2 เองก็ที่นั่งเต็มหมดต้องยืนรอแป๊บนึงถึงจะได้นั่งครับ


ทานเสร็จลงมาด้านล่าง ตรงนี้เป็นม้านั่ง เห็นป้ายนี้ อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แต่ประมาณว่า ทานอาหารให้ระวังเจ้ากามาบินฉกอาหารไปนะจ๊ะ อิอิ


บ่าย 2 โมง 13 นาทีแล้ว ได้เวลาเดินกลับ เดี๋ยวจะไปถึงสถานีอะซาฮิกาวะไม่ทันเอา เพราะมีขบวนที่ต้องนั่งต่อไปอะบาชิริ เวลา 17.05 น.


แต่ก็ต้องมาหยุดรอก่อนเพราะมีเพนกวิ้นพาเหรดรอบ 2 นั่นเอง งั้นรอดีกว่า ไหนๆก็มาถึงแล้ว กลายเป็นว่า ผมได้ดูเพนกวิ้นพาเหรดทั้ง 2 รอบครับ เจ้าตัวนี้มันงงๆ ยังไงก็ไม่รู้ เพราะเดินมาก่อนใครเขาเพื่อนเลย เพื่อนยังไม่ตามมา ฮ่าๆๆ เหมือนจะยืนแอ็คท่าให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปซะงั้น


ในที่สุดเพื่อนก็เดินตามกันมาแล้ว ให้สังเกตเด็กซ้ายมือสุดในรูป แม่จัดชุดเพนกวิ้นใส่มาด้วยนะ จัดเต็ม...สุดยอดดดด


แล้วก็ได้เวลาเดินกลับกันแล้วครับ หิมะยังคงตกอยู่ตลอดเวลา


เดินมาต่อแถวเข้าคิวรอรถครับ เห็นแถวยาวๆแบบนี้ รถมาก็ได้ขึ้นนะครับ แล้วมาต่อกันในตอนต่อไป จะนั่งรถไฟไปอะบาชิริครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น