วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2561

15 วัน อินเจแปน ตอน 10.2 กลับมายังฮาโกดาเตะอีกครั้ง ไปชมสถานที่สำคัญต่างๆ, เดินชมวิวที่สโลปถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope), ทานเบอร์เกอร์ร้านดัง Lucky Pierrot, ตบท้ายด้วยชีสเค้กขนมอร่อยประจำเมืองฮาโกดาเตะ


มาต่อกันครับ ตอนนี้จะพาขึ้นรถไฟจากสถานีโนโบริเบทสึไปสถานีฮาโกดาเตะ โดยไม่มีตั๋วจองที่นั่งมาเพราะเต็มหมดอย่างที่บอกไปในตอนก่อน มาลุ้นๆกันว่าจะได้นั่งมั้ย? เพราะสัมภาระพะรุงพะรังมากๆ นี่แลกกับการลงมาเที่ยวหุบเขานรกเลยนะเนี่ย ไม่งั้นไม่ยอมหรอก...นั่งยาวจากซัปโปโรไปลงฮาโกดาเตะแล้ว 
หลังจากถึงฮาโกดาเตะก็จะเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมโตโยโกะอินน์โรงแรมเดิมที่มาพักครั้งก่อนที่มาฮาโกดาเตะ แล้วจะเริ่มแผนดังต่อไปนี้คือ
1.จะนั่งรถรางไปลงสถานี SUEHIROCHO(HOKKAIDO) เพื่อเดินไปชมสวน Motomachi, ที่ทำการรัฐบาลฮอกไกโดเก่าสาขาฮาโกดาเตะ(Former Hakodate Branch Office of Hokkaido Government), Old Public Hall of Hakodate Ward, โบสถ์คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์(Hakodate Orthodox Church) 
2.เดินลงสโลปที่ถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope) ว่ากันว่า ทางลาด(Slope)นี้สวยงามที่สุดในบรรดาทางลาดที่มุ่งหน้าสู่อ่าวฮาโกดาเตะที่ทอดยาวขนานกันทั้งหลาย และ
3.เดินไปที่อาคารอิฐแดงคาเนโมริ(Kanemori Red Brick Warehouse) หา Cheesse Omlette ทาน, หรือไม่ก็ไปทานเบอร์เกอร์ร้าน Lucky Pierrot ร้านดั้งเดิม และ
4.ถ้ามีเวลาจะไปขึ้น Mt. Hakodate Ropeway (หรือไม่ก็แท็กซี่  ถ้าเดินตายแน่ๆ) อันนี้เป็นออปชั่น เพราะวันพรุ่งนี้ยังมีครับ


พอได้เวลาที่เจ้าหน้าที่ให้เข้าชานชาลามาแล้ว ก็ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่อันหนักอึ้งขึ้นบันไดแบบนี้จ้าาาา เพื่อข้ามสะพานไปอีกชานชาลาหนึ่งที่จะไปฮาโกดาเตะ เพราะชานชาลาที่อยู่ติดกับตัวสถานีเลยจะไปซัปโปโรเท่านั้น ขอบอกว่า หนักอิ๊บอ๋ายยย ดีนะที่เวลารถไฟมาเผื่อเยอะพอควร ไม่งั้นไปไม่ทันคร้าบบบ


รถไฟมาแล้วคร้าบบบบ ขบวน LTD. EXP SUPER HOKUTO 10 หน้าตาจะบู่ๆแบบนี้ตลอดสำหรับรถไฟในฮอกไกโด ออกเวลา 11.56 น. มาเทียบชานชาลา 11.55 น. งานนี้มีลุ่นว่าจะได้นั่งม้ายยยย แต่คิดว่าแค่ยืนแบบไม่เบียดก็พอแล้ว


ฮ่าๆๆ พอขึ้นรถไฟมา ก็มาตันเอาที่ทางเข้าหล่ะครับ ไปไม่ถึงข้างในตู้รถไฟ เพราะที่นั่งเต็มหมด เฮ้อ....คิดไว้อยู่แล้วนะครับ ขอแค่ยืนได้ละกัน เพราะสัมภาระมันใหญ่ละเทอะทะ ก็ดูละกันครับ ต้องถอดเสื้อขนเป็ดออกด้วยเพราะเข้ามาแล้วมันร้อนครับ ไม่งั้นเป้นลมตาย ยืนก็เบียดๆ ทรงตัวก็ไม่ค่อยได้ นี่ดีขึ้นกว่าตอนขึ้นมาครั้งแรกนะครับ เพราะตอนขึ้นมานี่เข้ามาทางนี้ไม่ได้เลยครับ คนเพียบ ตอนนี้ค่อยทรงตัวได้หน่อยครับ แต่สังเกตเท้าผู้โดยสารคนอื่นด้วยครับ


พอเวลาผ่านไป...12.27 น. ก็ได้ที่นั่งแล้วเพราะมีคนลงระหว่างทางครับ เฮ้อ....การได้ที่นั่งในรถไฟสายนี้มันดีเยี่ยมไปเลย ทุกทีนี่เจอแต่รถไฟว่างๆซะส่วนใหญ่ มาฮอกไกโดนี่รถไฟเที่ยวไม่มาก ยิ่งผ่านสถานีสำคัญๆ เช่น ชินฮาโกดาเตะโฮกุโตะ คนจะเยอะมากๆครับ ดังนั้นควรจองที่นั่งไว้ทุกครั้ง แต่สำหรับผมเที่ยวนี้คือเที่ยวพิเศษครับ จองยังไงก็ไม่ทัน


มีช่วงนึงระหว่างสถานี YAKUMO ไปสถานี MORI(HOKKAIDO) มันจะเห็นภูเขาลูกหนึ่งที่มีหิมะปกคลุมคล้ายๆภูเขาไฟฟูจิมากๆ เสียดายถ่ายมาได้แค่นี้ครับ รอให้วนมาอีกก็ไม่ได้แล้วด้วยสิ ดูจากแผนที่เดาว่าน่าจะเป็นภูเขา Mt. Komagatake ครับ


ลองชมคลิปวิดีโอกันครับ


14.29 น. รถไฟก็มาจอดเทียบชานชาลาฮาโกดาเตะ ด้วยเวลาที่ล่าช้าไป 4 นาที วันนี้อากาศดี แม้จะแฉะนิดหน่อย แต่ไม่มีหิมะตกแล้ว (ภาพจะเบลอเพราะถ่ายจากมือถือ)


ออกจากชานชาลามาที่โถงใหญ่ของตัวสถานีฮาโกดาเตะ เหมือนกลับมาบ้านอีกครั้ง เพราะคุ้นเคยแล้วนั่นเอง


เดินจากสถานีฮาโกดาเตะแบบชิลล์ๆไม่มีหิมะตก ไม่นานก็มาถึงที่ล็อบบี้โรงแรมโตโยโกะอินน์ เข้าเช็คอินโดยพลันพร้อมกับยื่นบัตรสมาชิกคลับ ได้ส่วนลด แต่ต้องรอจนถึงเวลา 15.00 น.ถึงจะสามารถเข้าห้องได้ครับ ตอนนี้เหลืออีก 10 นาทีเท่านั้น รอๆ


พอเข้าห้องเก็บสัมภาระเสร็จก็รีบออกมาข้างนอกอีกครั้งเลย เพราะกลัวเสียเวลา เดินมารอรถรางที่สถานี  Hakodate-Ekimae Station จุดหมายคือ สถานี SUEHIROCHO(HOKKAIDO) แต่ดันลืมถุงมือและไม่ใส่เสื้อขนเป็ดมา เพราะคิดว่ามันไม่หนาวเท่าไหร่แล้ว ซึ่งเป็นการคิดผิดเอามากๆ


รถรางจากฝั่งตรงกันข้ามมา สีสันสวยงามเอาใจเด็กๆจริงๆ


แล้วรถรางฝั่งที่จะไปก็มาครับ ดูง่ายๆว่าจะไปฝั่งไหนคือ ต้องสายที่เขียนว่า For Hakodate Dock-Mae Station(D23) สาย 5 สีน้ำเงินนะครับ เป็นสถานีสุดสายทางทิศตะวันตก และฝั่งนี้ก็จะมีอีกสายคือ สาย 2 สีแดง ไปสุดที่สถานี YACHIGASHIRA ไปไม่ได้นะครับ เพราะมันจะเลี้ยวไปอีกทางก่อน


ตอนขึ้นทางหลังรถก็ดึงตั๋วใบนี้มาด้วยนะครับ จริงๆมันใช้ code สถานีนั่นเอง ตอนแรกๆที่มาญี่ปุ่นผมยังไม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไงซะอีก แค่หย่อนพร้อมเงิน แล้วคนขับจะรู้ได้ไง(วะ) ตอนนี้รู้แล้ว 555


ขึ้นไปก็ได้นั่งครับ นั่งไปดูแผนที่กูเกิ้ลแม็พไป เอ๊ะ...ทำไมพอถึงสถานีนึงคนลงเกือบหมดเลยนะ เหลือเท่าที่เห็นเนี่ยแหล่ะ นั่นคือสถานี Jujigai นั่นเอง มาดูอีกที มันใกล้ทางไปขึ้นกระเช้า อ๋อ คนคงจะไปขึ้นกระเช้าชมวิวอ่าวฮาโกดาเตะนั่นเอง


จริงๆผมควรที่จะลงในสถานีต่อไปครับ แต่มัวแต่ดูอะไรไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เลยไปแล้ว 555 เลยต้องลงที่สถานี Oomachi สถานีก่อนสุดสาย แล้วเดินข้ามมาฝั่งตรงข้ามขึ้นสายเดิมเพื่อลงที่สถานี SUEHIROCHO อีกครั้ง ค่ารถรางขามา 230 เยน ขาไป SUEHIROCHO เพียง 1 สถานี 210 เยนเลย โดนซะ


ลงที่สถานี SUEHIROCHO แล้วเดินหันหลังให้ทะเล จะเป็นการเดินขึ้นเนินไปครับ ตรงข้างหน้าที่มีสิ่งปลูกสร้างบนยอดเขานั้น นั่นคือสถานีด้านบนของกระเช้าฮาโกดาเตะนั่นเอง ถนนเนินเส้นนี้อยู่ตรงกับสถานีด้านบนพอดีครับ


ขอบอกว่าเป็นเนินที่ชันพอควรเลย แถมมีหิมะเป็นอุปสรรคอีก อะไรจะขนาดนั้น เดินต้องมีสตินะครับ เลือกเดินตรงขอบปูนนี้ที่มันแห้งๆไม่มีหิมะปกคบุม เดินช้าๆ ไม่งั้นหงายเก๋งอันตรายมากๆครับ


พอเดินผ่านหิมะมาได้แล้วก็จะเจอกับสี่แยกอีกจุดหนึ่ง มองซ้ายมองขวา ข้ามไปอีกฝั่งนึงครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีรถหรอกครับ


เนินนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก ให้เดินตรงทางที่ไม่มีหิมะนะครับ มีชาวญี่ปุ่น 2 คนชายหญิงเดินลงมาพอดี แต่พี่แกป๋ามากครับ เล่นเดินบนหิมะเลย ผมว่าเขาใช้รองเท้าหิมะแน่ๆเลย ไม่งั้นไม่ยึดเกาะดีขนาดนี้หรอก ไอ้เรามันแค่แผ่นรองรองเท้า เดินพื้นปกติดีกว่า


พอเจอสี่แยกอีกครั้งก็ให้เลี้ยวขวาครับ คราวนี้หิมะเยอะมากๆ กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ ด้านหน้านี่สวน Motomachi Park แล้วครับ


แหงนไปดูกระเช้าซะหน่อย ใกล้มากๆ


ฝั่งของผมเหมือนกับว่าทางเข้ามันเข้าไม่ได้แล้ว แต่เห็นอีกฝั่งมีผู้หญิงเข้ามาเดินได้อยู่


เดินไปดูที่ทำการรัฐบาลฮอกไกโดเก่าสาขาฮาโกดาเตะ(Former Hakodate Branch Office of Hokkaido Government) ดีกว่า อยู่ใกล้ๆกัน อาคารทาสีใหม่สวยงามเลยครับ


และใกล้ๆกัน เดินขึ้นเนินหิมะไปนิด Old Public Hall of Hakodate Ward


ขอหันไปชมวิวอ่าวฮาโกดาเตะหน่อยครับ สูดอากาศสดชื่นๆ สบายปอดดีจริงๆ


รูปนี้ด้านหน้าตรง Old Public Hall of Hakodate Ward 旧函館区公会堂 ตัวอาคารรับสถาปัตยกรรมมาจากยุโรป


แล้วก็เดินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อไปหาโบสถ์คริสต์นิกายออรโธดอกซ์(Hakodate Orthodox Church)


จริงๆผมจะต้องเดินผ่านสี่แยกถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope) แต่ขอผ่านไปโบสถ์ก่อนละกัน เดี๋ยวกลับมาถ่ายอีกครั้ง ตรงนี้เป็นด้านหน้าทางเข้าโบสถ์คริสต์นิกายออรโธดอกซ์(Hakodate Orthodox Church) นะครับ


จริงๆแล้ว มันคือด้านข้างโบสถ์ Hakodate Orthodox Church นะครับ สงบ สวยงาม


และก็เดินออกมาทางด้านหน้าโบสถ์ครับ เก็บภาพมุมนี้ไว้ แล้ววนลงไปสี่แยกถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope)


นี่ไง..ทางลาดลงของถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope) ที่ใครๆเขาว่าเป็นสโลปที่สวยที่สุดในบรรดาสโลปบริเวณนี้


เนื่องจากมันเป็นทางลาดลงที่ให้มุมมองสวยตระการตา มองเห็นอ่าวฮาโกดาเตะเบื้องล่างอย่างชัดเจนสวยงามมากๆ ประกอบกับช่วงเวลานี้ที่แสงกำลังคล้อยไป มีการเปิดไฟที่ต้นไม้ จังหวะมันได้จริงๆครับ ไม่เสียแรงเสียเงินที่ดั้นด้นมาจนถึงที่นี่จนได้ หนังเรื่องแฟนเดย์ก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจอันหนึ่ง


อีกมุมหนึ่งเมื่อเดินลงไปเรื่อยๆครับ


แล้วก็ถึงยังสี่แยกด้านล่าง ขอเก็บภาพย้อนไปยังด้านบนของถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope) อันโด่งดังเพราะวิวสโลปสวยงามมากๆ


และก็ได้เวลาเดินไปหาเบอร์เกอร์อันโด่งดังของฮาโกดาเตะแล้ว ที่เห็นอาคารทรงโรมันน่าจะเป็น THE SHARE HOTELS HakoBA 函館 นะครับ เปิดไฟแล้วสวยงามยิ่งใหญ่จริงๆ


เดินไปจนสุดสามแยกแล้วเลี้ยวขวา เดินอีกนิดก็เจอแล้วววว ร้านเบอร์เกอร์ Lucky Pierrot สาขาดั้งเดิมครับ เพราะจริงๆนี่มีทั่วฮาโกดาเตะเลยหล่ะ (จริงๆเข้าร้านผิดไปทีนึง ร้านหัวมุมร้านแรก คิดว่าใช่ซะอีก 555) และต้องรีบเข้าแล้วครับ เพราะหนาวมือมากๆ จะชาอยู่แล้ววววว


เข้าไปในร้านก็สอบถามพนักงานก่อนเลยครับว่ามีเนื้อมั้ย เขาตอบกลับมาว่าไม่มีเนื้อ มีแต่ไก่ หมู เลยถามต่อว่า เมนูไหนที่แนะนำ เขาเอาเมนูใบนี้มาเลย No.1 ก็คือ เบอร์เกอร์ไก่ แล้วใส่โน่นนี่เช่นไข่ดาว ผัก ฯลฯ เลยเอาแบบแพงสุด 440 เยนไปเลยครับ อิอิ


บรรยากาศการตกแต่งร้านแนวเรโทรมากๆ ย้อนยุคไปโน่น 60's เลย  รอไม่นาน สักพัก ก็มีพนักงานมาเสริฟแล้วครับ ตอนแรกคิดว่าต้องไปรับเองซะอีก


ได้มาแล้ว เบอร์เกอร์ไก่+ชีส+ไข่ดาว โดยรวมก็อร่อยดีครับ ได้บรรยากาศดีมากๆ แถมได้หลบหนาวด้วยสิ ทานเสร็จก็ต้องทนหนาวรีบเดินไปหาร้านอื่นนั่งอีก เพราะข้างนอกหนาวจริงๆ ดันลืมถุงมือกับไม่เอาเสื้อขนเป็ดมาอีก นี่ขนาดใส่ 3 ตัวยังเอาไม่อยู่นะครับ หนาวมากจริงๆ


แล้วก็เดินไปยังอาคารอิฐแดงคาเนโมริ(Kanemori Red Brick Warehouse) ซึ่งแต่ก่อนคือคลังเก็บสินค้า แต่ตอนนี้เอามาทำห้างขายของครับ


ฝั่งติดอ่าวจะเจอร้านเบอร์เกอร์  Lucky Pierrot อีกแล้ว มีเยอะจริงๆ


เข้าไปภายในก็จะเจอแบบนี้ครับ เบอรเกอร์ชิ้นใหญ่มหึมาเลย 555 กินไปได้หลายเดือน


หนาวๆๆ รีบหาอากาศอุ่น แวะดีกว่า เข้าไปในอาคารนี้เลยครับ


ข้างในก็จะเป็นร้านขายของนะครับ ร้านนี้ขายสร้อยขายโมบาย ขายเครื่องแก้ว คล้ายๆในไทยเรามากๆ


มองๆหาแวะร้านไหนดีนะ นี่เลย คนแวะซื้อพอควรครับ น่าจะร้านดัง เลยสั่ง 2 อย่างครับ ชีสเค้กกับแยกโรลชาเขียว ร้าน Petite Merveille at Bay プティメルヴィーユ金森赤レンガ倉庫BAYはこだて店


มาฮาโกดาเตะต้องชิมชีสเค้กนะครับ สั่งมา 2 อัน  ฉลากน่ารักดี


ลองแล้วก็อร่อยครับ แต่ชอบชีสเค้กในร้านแฟมิลี่มาร์ทที่เคยมากินเมื่อวันแรกที่มาถึงฮาโกดาเตะมากกว่าครับ อร่อยและถูกด้วย


ทานเสร็จก็ต้องรีบเดินมาหารถรางกลับโรงแรมครับ ไม่ไหวมากๆ หนาวจริงๆ ผ่านเกาะกลางถนนที่มีไฟประดับอย่างสวยงาม


แล้วก็เดินมารอรถรางที่สถานี Jujigai นี่ยังไม่ถึง 6 โมงเย็นดีเลยครับ ทั้งมืดทั้งหนาว


รถรางมาแล้วครับ กำลังเลี้ยวมาเลย สวยงามมากๆ ขากลับนี่ จะสายไหนๆก็ขึ้นไปลงสถานีฮาโกดาเตะได้หมดครับ


ไม่ได้นั่งครับ คนเยอะ แต่ที่แปลกคือ มีอะไรไม่รู้เขาห้อยไว้


แล้วก็มาถึงยังสถานี Hakodate-Ekimae สถานีของรถรางที่ใกล้โรงแรมที่สุดแล้วครับ ลงแล้วเดินต่อ จะเห็นสถานีรถไฟฮาโกดาเตะอยู่ตรงนี้


ได้เวลาเข้าห้องพักและตามธรรมเนียม เก็บภาพเตียงทุกมุมนะครับ ครั้งนี้ได้ห้องที่ต่างออกไปจากที่เคยๆพักครับ


มุมจากหัวเตียงไปปลายเตียง


มองออกไปที่ประตูห้องทางเข้า จะสังเกตว่าห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือครับ ทุกทีที่พักมาจะเจอห้องพักที่มีห้องน้ำอยู่ทางขวามือตลอด


ปลายเตียงไปยังหัวเตียง


และภายในห้องน้ำครับ เหมือนกับทุกๆที่ทุกๆห้อง


รูปสุดท้ายก่อนลาไปนอนครับ ไว้พรุ่งนี้มาติดตามกันต่อ จะไป Goryōkaku Tower หรือหอคอยโกเรียวคาคุ หรือเรียกกันว่าหอคอย 5 แฉก และต่อไปชมลิงออนเซ็นกันครับ โดยเย็นๆจะได้ชมวิวอ่าวฮาโกดาเตะจากเขาฮาโกดาเตะมั้ย ไว้ลองติดตามกันครับ

[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 7.3] [ตอน 7.4] [ตอน 8.1] [ตอน 8.2] [ตอน 9.1] [ตอน 9.2] [ตอน 10.1] [ตอน 10.2] [ตอน 11.1] [ตอน 11.2] [ตอน 11.3] [ตอน 12.1] [ตอน 12.2] [ตอน 13.1] [ตอน 13.2] [ตอน 14.1] [ตอน 14.2] [ตอน 15.1] [ตอน 15.2]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น