พอเวลาผ่านไป...12.27 น. ก็ได้ที่นั่งแล้วเพราะมีคนลงระหว่างทางครับ เฮ้อ....การได้ที่นั่งในรถไฟสายนี้มันดีเยี่ยมไปเลย ทุกทีนี่เจอแต่รถไฟว่างๆซะส่วนใหญ่ มาฮอกไกโดนี่รถไฟเที่ยวไม่มาก ยิ่งผ่านสถานีสำคัญๆ เช่น ชินฮาโกดาเตะโฮกุโตะ คนจะเยอะมากๆครับ ดังนั้นควรจองที่นั่งไว้ทุกครั้ง แต่สำหรับผมเที่ยวนี้คือเที่ยวพิเศษครับ จองยังไงก็ไม่ทัน
ออกจากชานชาลามาที่โถงใหญ่ของตัวสถานีฮาโกดาเตะ เหมือนกลับมาบ้านอีกครั้ง เพราะคุ้นเคยแล้วนั่นเอง
เดินจากสถานีฮาโกดาเตะแบบชิลล์ๆไม่มีหิมะตก ไม่นานก็มาถึงที่ล็อบบี้โรงแรมโตโยโกะอินน์ เข้าเช็คอินโดยพลันพร้อมกับยื่นบัตรสมาชิกคลับ ได้ส่วนลด แต่ต้องรอจนถึงเวลา 15.00 น.ถึงจะสามารถเข้าห้องได้ครับ ตอนนี้เหลืออีก 10 นาทีเท่านั้น รอๆ
พอเข้าห้องเก็บสัมภาระเสร็จก็รีบออกมาข้างนอกอีกครั้งเลย เพราะกลัวเสียเวลา เดินมารอรถรางที่สถานี Hakodate-Ekimae Station จุดหมายคือ สถานี SUEHIROCHO(HOKKAIDO) แต่ดันลืมถุงมือและไม่ใส่เสื้อขนเป็ดมา เพราะคิดว่ามันไม่หนาวเท่าไหร่แล้ว ซึ่งเป็นการคิดผิดเอามากๆ
รถรางจากฝั่งตรงกันข้ามมา สีสันสวยงามเอาใจเด็กๆจริงๆ
แล้วรถรางฝั่งที่จะไปก็มาครับ ดูง่ายๆว่าจะไปฝั่งไหนคือ ต้องสายที่เขียนว่า For Hakodate Dock-Mae Station(D23) สาย 5 สีน้ำเงินนะครับ เป็นสถานีสุดสายทางทิศตะวันตก และฝั่งนี้ก็จะมีอีกสายคือ สาย 2 สีแดง ไปสุดที่สถานี YACHIGASHIRA ไปไม่ได้นะครับ เพราะมันจะเลี้ยวไปอีกทางก่อน
ลงที่สถานี SUEHIROCHO แล้วเดินหันหลังให้ทะเล จะเป็นการเดินขึ้นเนินไปครับ ตรงข้างหน้าที่มีสิ่งปลูกสร้างบนยอดเขานั้น นั่นคือสถานีด้านบนของกระเช้าฮาโกดาเตะนั่นเอง ถนนเนินเส้นนี้อยู่ตรงกับสถานีด้านบนพอดีครับ
ขอบอกว่าเป็นเนินที่ชันพอควรเลย แถมมีหิมะเป็นอุปสรรคอีก อะไรจะขนาดนั้น เดินต้องมีสตินะครับ เลือกเดินตรงขอบปูนนี้ที่มันแห้งๆไม่มีหิมะปกคบุม เดินช้าๆ ไม่งั้นหงายเก๋งอันตรายมากๆครับ
พอเดินผ่านหิมะมาได้แล้วก็จะเจอกับสี่แยกอีกจุดหนึ่ง มองซ้ายมองขวา ข้ามไปอีกฝั่งนึงครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีรถหรอกครับ
เนินนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก ให้เดินตรงทางที่ไม่มีหิมะนะครับ มีชาวญี่ปุ่น 2 คนชายหญิงเดินลงมาพอดี แต่พี่แกป๋ามากครับ เล่นเดินบนหิมะเลย ผมว่าเขาใช้รองเท้าหิมะแน่ๆเลย ไม่งั้นไม่ยึดเกาะดีขนาดนี้หรอก ไอ้เรามันแค่แผ่นรองรองเท้า เดินพื้นปกติดีกว่า
พอเจอสี่แยกอีกครั้งก็ให้เลี้ยวขวาครับ คราวนี้หิมะเยอะมากๆ กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ ด้านหน้านี่สวน Motomachi Park แล้วครับ
แหงนไปดูกระเช้าซะหน่อย ใกล้มากๆ
ฝั่งของผมเหมือนกับว่าทางเข้ามันเข้าไม่ได้แล้ว แต่เห็นอีกฝั่งมีผู้หญิงเข้ามาเดินได้อยู่
เดินไปดูที่ทำการรัฐบาลฮอกไกโดเก่าสาขาฮาโกดาเตะ(Former Hakodate Branch Office of Hokkaido Government) ดีกว่า อยู่ใกล้ๆกัน อาคารทาสีใหม่สวยงามเลยครับ
และใกล้ๆกัน เดินขึ้นเนินหิมะไปนิด Old Public Hall of Hakodate Ward
ขอหันไปชมวิวอ่าวฮาโกดาเตะหน่อยครับ สูดอากาศสดชื่นๆ สบายปอดดีจริงๆ
รูปนี้ด้านหน้าตรง Old Public Hall of Hakodate Ward 旧函館区公会堂 ตัวอาคารรับสถาปัตยกรรมมาจากยุโรป
จริงๆผมจะต้องเดินผ่านสี่แยกถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope) แต่ขอผ่านไปโบสถ์ก่อนละกัน เดี๋ยวกลับมาถ่ายอีกครั้ง ตรงนี้เป็นด้านหน้าทางเข้าโบสถ์คริสต์นิกายออรโธดอกซ์(Hakodate Orthodox Church) นะครับ
จริงๆแล้ว มันคือด้านข้างโบสถ์ Hakodate Orthodox Church นะครับ สงบ สวยงาม
และก็เดินออกมาทางด้านหน้าโบสถ์ครับ เก็บภาพมุมนี้ไว้ แล้ววนลงไปสี่แยกถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope)
นี่ไง..ทางลาดลงของถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope) ที่ใครๆเขาว่าเป็นสโลปที่สวยที่สุดในบรรดาสโลปบริเวณนี้
อีกมุมหนึ่งเมื่อเดินลงไปเรื่อยๆครับ
แล้วก็ถึงยังสี่แยกด้านล่าง ขอเก็บภาพย้อนไปยังด้านบนของถนนฮะจิมันซากะ(Hachiman-saka Slope) อันโด่งดังเพราะวิวสโลปสวยงามมากๆ
และก็ได้เวลาเดินไปหาเบอร์เกอร์อันโด่งดังของฮาโกดาเตะแล้ว ที่เห็นอาคารทรงโรมันน่าจะเป็น THE SHARE HOTELS HakoBA 函館 นะครับ เปิดไฟแล้วสวยงามยิ่งใหญ่จริงๆ
เดินไปจนสุดสามแยกแล้วเลี้ยวขวา เดินอีกนิดก็เจอแล้วววว ร้านเบอร์เกอร์ Lucky Pierrot สาขาดั้งเดิมครับ เพราะจริงๆนี่มีทั่วฮาโกดาเตะเลยหล่ะ (จริงๆเข้าร้านผิดไปทีนึง ร้านหัวมุมร้านแรก คิดว่าใช่ซะอีก 555) และต้องรีบเข้าแล้วครับ เพราะหนาวมือมากๆ จะชาอยู่แล้ววววว
เข้าไปในร้านก็สอบถามพนักงานก่อนเลยครับว่ามีเนื้อมั้ย เขาตอบกลับมาว่าไม่มีเนื้อ มีแต่ไก่ หมู เลยถามต่อว่า เมนูไหนที่แนะนำ เขาเอาเมนูใบนี้มาเลย No.1 ก็คือ เบอร์เกอร์ไก่ แล้วใส่โน่นนี่เช่นไข่ดาว ผัก ฯลฯ เลยเอาแบบแพงสุด 440 เยนไปเลยครับ อิอิ
บรรยากาศการตกแต่งร้านแนวเรโทรมากๆ ย้อนยุคไปโน่น 60's เลย รอไม่นาน สักพัก ก็มีพนักงานมาเสริฟแล้วครับ ตอนแรกคิดว่าต้องไปรับเองซะอีก
ได้มาแล้ว เบอร์เกอร์ไก่+ชีส+ไข่ดาว โดยรวมก็อร่อยดีครับ ได้บรรยากาศดีมากๆ แถมได้หลบหนาวด้วยสิ ทานเสร็จก็ต้องทนหนาวรีบเดินไปหาร้านอื่นนั่งอีก เพราะข้างนอกหนาวจริงๆ ดันลืมถุงมือกับไม่เอาเสื้อขนเป็ดมาอีก นี่ขนาดใส่ 3 ตัวยังเอาไม่อยู่นะครับ หนาวมากจริงๆ
แล้วก็เดินไปยังอาคารอิฐแดงคาเนโมริ(Kanemori Red Brick Warehouse) ซึ่งแต่ก่อนคือคลังเก็บสินค้า แต่ตอนนี้เอามาทำห้างขายของครับ
ฝั่งติดอ่าวจะเจอร้านเบอร์เกอร์ Lucky Pierrot อีกแล้ว มีเยอะจริงๆ
เข้าไปภายในก็จะเจอแบบนี้ครับ เบอรเกอร์ชิ้นใหญ่มหึมาเลย 555 กินไปได้หลายเดือน
หนาวๆๆ รีบหาอากาศอุ่น แวะดีกว่า เข้าไปในอาคารนี้เลยครับ
ข้างในก็จะเป็นร้านขายของนะครับ ร้านนี้ขายสร้อยขายโมบาย ขายเครื่องแก้ว คล้ายๆในไทยเรามากๆ
มองๆหาแวะร้านไหนดีนะ นี่เลย คนแวะซื้อพอควรครับ น่าจะร้านดัง เลยสั่ง 2 อย่างครับ ชีสเค้กกับแยกโรลชาเขียว ร้าน Petite Merveille at Bay プティメルヴィーユ金森赤レンガ倉庫BAYはこだて店
มาฮาโกดาเตะต้องชิมชีสเค้กนะครับ สั่งมา 2 อัน ฉลากน่ารักดี
ลองแล้วก็อร่อยครับ แต่ชอบชีสเค้กในร้านแฟมิลี่มาร์ทที่เคยมากินเมื่อวันแรกที่มาถึงฮาโกดาเตะมากกว่าครับ อร่อยและถูกด้วย
ทานเสร็จก็ต้องรีบเดินมาหารถรางกลับโรงแรมครับ ไม่ไหวมากๆ หนาวจริงๆ ผ่านเกาะกลางถนนที่มีไฟประดับอย่างสวยงาม
แล้วก็เดินมารอรถรางที่สถานี Jujigai นี่ยังไม่ถึง 6 โมงเย็นดีเลยครับ ทั้งมืดทั้งหนาว
รถรางมาแล้วครับ กำลังเลี้ยวมาเลย สวยงามมากๆ ขากลับนี่ จะสายไหนๆก็ขึ้นไปลงสถานีฮาโกดาเตะได้หมดครับ
ไม่ได้นั่งครับ คนเยอะ แต่ที่แปลกคือ มีอะไรไม่รู้เขาห้อยไว้
แล้วก็มาถึงยังสถานี Hakodate-Ekimae สถานีของรถรางที่ใกล้โรงแรมที่สุดแล้วครับ ลงแล้วเดินต่อ จะเห็นสถานีรถไฟฮาโกดาเตะอยู่ตรงนี้
ได้เวลาเข้าห้องพักและตามธรรมเนียม เก็บภาพเตียงทุกมุมนะครับ ครั้งนี้ได้ห้องที่ต่างออกไปจากที่เคยๆพักครับ
มุมจากหัวเตียงไปปลายเตียง
มองออกไปที่ประตูห้องทางเข้า จะสังเกตว่าห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือครับ ทุกทีที่พักมาจะเจอห้องพักที่มีห้องน้ำอยู่ทางขวามือตลอด
ปลายเตียงไปยังหัวเตียง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น