วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น เมื่อยามใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 1.5 เที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุ Dazaifu และวัด Komyozenji วัดสวนหินนิกายเซน ก่อนกลับที่พักเมืองคุรูเมะ


มองย้อนกลับไปตรงทางเดินเข้ามา คนอย่างเยอะครับ ยิ่งบ่ายแก่ๆ คนยิ่งเยอะ


เดินมาตามทางเรื่อยๆ เจอต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีเป็นสีแดงแล้ววว รู้สึกดีใจตื่นเต้น แม้แค่เพียงต้นเล็กๆ 2-3 ต้นก็เหอะ


เดินเลี้ยวไปทางซ้ายครับ ผ่านเสาโทริอิ จะเข้าไปศาลเจ้าดาไซฟุ


ข้ามสะพานสีแดงไปอีกฝั่งหนึ่ง


น้องๆปลาคาร์พว่ายมาต้อนรับกันใหญ่เลยครับ


เดินลงสะพานก็จะผ่านเสาโทริอิอีกต้นหนึ่ง วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ


ดอกไม้สวยๆที่นำมาแสดงข้างทางครับ


ก่อนเข้าศาลเจ้าเป็นธรรมเนียมต้องล้างมือกันก่อนครับ


มาถึงทางเข้าศาลเจ้า ก็ต้องมาลูบศีรษะรูปปั้นวัวขนาดใหญ่ทำด้วยโลหะ มี 2 ตัวด้วยกัน ตัวนี้ฝั่งขวามือ


ส่วนวัวตัวนี้อยู่ฝั่งซ้ายมือ


ทางเข้าก่อนเข้าไปภายในศาลเจ้าดาไซฟุครับ แดดเริ่มแยงตาแล้ว


เจอกับน้องๆเด็กญี่ปุ่นที่นำมาแต่งชุดกิโมโน กำลังถ่ายรูปกันอยู่ ผมเลยขอแช๊ะด้วยคน


เจอกับปลาคาร์พอีกบ่อนึงแล้วครับ บ่อนี้มีคนมาโยนเหรียญด้วยครับ ปลาก็หลากสีสันสวยงาม


หลังจากเสี่ยงเซียมซี ใบอธิษฐานที่ทางญี่ปุ่นเรียกว่า "โอมิคุจิ" ถ้าได้ใบดีก็ดีไป แต่ถ้าได้ใบที่ไม่ดี คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะนำมาผูกไว้รวมกันที่ตรงนี้ครับ แต่บางตำราเขาก็ว่า สามารถนำมาผูกได้ทั้งใบดีและไม่ดีครับ


ณ ศาลเจ้าดาไซฟุ Dazaifu นี้ ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะนำน้องๆหนูๆมาไหว่เพื่อขอพรให้เรียนหนังสือเก่งๆ สอบอะไรก็ขอให้ผ่าน


ข้างในซูมเข้าไปกำลังกระทำพิธีอะไรสักอย่างครับ


ด้านข้างก็จะมีขายของที่ระลึก


ตรงนี้น่าจะเป็นแผ่นป้ายขอพรครับ ขอให้เรียนเก่งๆนะน้องนะ


ส่วนตรงนี้คืออะไรไม่ทราบครับ คล้ายๆกับพู่กันหรือเปล่า เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของการเรียนหนังสือ


ขอถ่ายกับเสาไม้ก่อนนะคะ


ตรงจุดนี้มีเมเปิ้ลเปลี่ยนสีอยู่ 1 ต้น ก็เลยมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันอยู่เนืองๆ ใต้ต้นไม้มีน้ำเต้าด้วยครับ


เดินย้อนกลับมาตรงทางเข้าศาลเจ้า ได้ยินเสียงสุนัขกำลังเห่าอะไรอยู่ แถมยังวิ่งหาอะไรไปมารอบสระน้ำ อ๋อ...มันกำลังเห่าปลาคาร์พนั่นเอง แถมอยากไปดมตัวปลาใกล้ๆด้วยนะเนี่ย เจ้านี่ดื้อจริงๆ จนเจ้าของต้องดึงที่จูงไว้


ผ่านมาทางนี้ มีโชว์ลิงด้วยครับ จริงๆเขาไม่ให้ถ่ายรูป แต่ผมซูมจากระยะไกล 555


เดินอ้อมมาตรงนี้ มีสาเกให้ชิมฟรีด้วยครับ แดดกำลังแยงตาเลย


ตำนานและการแสดงเหล้าสาเกแบบดั้งเดิม


เดินวนมาตรงทางนี้ อ้าว...มีรูปปั้นวัวให้ลูบศีรษะอีกแล้ว ตกลงตัวไหนกันแน่เนี่ย เลยลูบมันทุกตัวเลย 555


ทางเดินเพื่อเลี้ยวขวาไปวัด  Komyozenji


มาถ่ายกับใบไม้แดงต้นเล็กๆก่อน


มุมนี้ใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเหลืองและแดง


ในที่สุดก็เข้ามาชมวัดนิกายเซนข้างใน การจัดสวนสวยงามครับ


สวนหินกับใบไม้แดง


อีกมุมหนึ่ง ใบไม้เพิ่งจะค่อยๆเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นเหลืองและแดง


ผมเข้าไปในส่วนพิพิธภัณฑ์ข้างในของวัด Komyozenji คนเดียว ค่าเข้า 200 เยน


อากาศเริ่มเย็นอีกแล้ว ข้างในมีอะไรให้เดินชมเยอะแยะเลยครับ


สวนหินข้างใน ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีมากนัก


ชาวญี่ปุ่นหลายคนเข้ามาชมกันเพียบเลย


ภายในโล่งมากๆครับ บนพื้นก็นิ่มๆไม่แข็ง


อีกมุมหนึ่งที่มีคนมาชมสวนหินและใบไม้เปลี่ยนสี


หลายคนเข้ามานั่ง ทำจิตใจสงบแล้วมองออกไปข้างหน้า คงได้คิดอะไรเยอะแยะเลยครับ


กลับแล้วครับ เดินผ่านบ้านหลังนี้ ใบไม้เริ่มแดงแล้ว


ส่วนต้นเมเปิ้ลนี้ก็คือต้นเดิมก่อนเดินเข้ามา แต่ถ่ายแบบซูมเข้าไปเลยดูเหมือนแดงเยอะมาก


เดินกลับถนนคนเดิน แสงเริ่มหายไปแล้ว ญี่ปุ่นช่วงใบไม้ร่วง พระอาทิตย์ตกเร็วมากนะครับ ผมไม่คิดว่าตกเร็วขนาดนี้ ฉะนั้นต้องแพลนเวลาเที่ยวดีๆ บ่าย 4 โมงครึ่งแสงก็หมดแล้วครับ


ลายทางเดินสวยๆครับ ก่อนจะถึงสถานีรถไฟดาไซฟุ


รถไฟมาจอดรออยู่แล้ว รีบๆขึ้นไปจองที่นั่งก่อนครับ


ด้านหน้าห้องคนขับรถไฟ


ที่นั่งแคบมากๆครับ ขาเกือบชิดติดกันกับคนฝั่งตรงข้าม แต่ไม่เป็นไรแค่ 5 นาทีเอง


เห็นว่ายังไม่ออกเลยเดินออกไปถ่ายรูปลวดลายรถไฟอีกครั้ง


ในที่สุดก็มาถึงสถานี Nishitetsufutsukaichi


ยืนรอรถไฟสาย Nishitetsu Tenjin-Omuta ช่วงเวลานี้เย็นแล้วคนเลยมารอรถไฟเยอะมาก ทั้งคนทำงานและนักเรียนที่เลิกเรียน


เข้ามาข้างในรถไฟแล้วครับ ที่นั่งเต็ม ต้องยืนไปอีก 40 กว่านาทีด้วยกัน สบายๆอยู่แล้ว


มาถึงแล้วครับ สถานี Nishitetsufukuoka ที่ฮากาตะ ขอถ่ายยามเย็นของเมืองนี้ก่อนครับ


เดินออกจากสถานีเพื่อลงไปยังชั้นใต้ดิน


กลับมาชั้นใต้ดินอีกครั้ง มีดาวส่องตามพื้นทางเดินด้วยครับ


ลวดลายด้านบนเพดานทางเดินสวยงามจัง


ขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Tenjin สาย Kuko line เพื่อไปลงที่สถานีฮากาตะ


ออกมาจากสถานีฮากาตะ ด้านนอกเปิดไฟตามต้นไม้แล้วครับ สวยงามจริงๆ


ตรงลานนี้ก็ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตด้วยครับ ตอนแรกกะว่าจะไปเดินที่ห้าง Canal City แต่พอไปรอรถบัสที่สถานีรถบัสแล้ว ตามใครก็ไม่รู้สักคนว่าสายไหนไป Canal City คนญี่ปุ่นก็พูดสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ รอไปเกือบ 10 นาทีก็เลยยอมแพ้กลับมาหาอะไรทานที่ใต้สถานีฮากาตะเหมือนตอนกลางวันดีกว่า


มาต่อแถวซื้อขนมปังที่ร้านนี้ หลังจากเล็งไว้ตอนกลางวัน ไม่ว่าเวลาไหนคนก็มายืนรอซื้อแถวยาวตลอดครับ


สุดท้ายเราเดินลงมาชั้นล่าง เลือกทานอาหารร้านนี้ ซึ่งก็ต้องยืนรอต่อแถวเช่นกันครับ


เลือกอาหารในเมนูตามสะดวก


มาเสริฟแล้วครับ ผมทานข้าวกับไข่ราดหมูทอดกับซุปมิโซะ


ทานเสร็จก็ได้เวลากลับที่พัก อ้อ...ไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ก่อนครับ แล้วกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานี Nishitetsufukuoka เพื่อนั่งรถไฟสาย Nishitetsu Tenjin-Omuta เพื่อไปลงที่สถานี NISHITETSUKURUME ตั้ง 40 กว่ากิโลเมตรจากฮากาตะ

ออกจากรถไฟแล้วยื่นพาสให้ทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่งงแล้วพูดภาษาญี่ปุ่นทำนองว่าใช้พาสนี้ไม่ได้ ผมเองก็ว่าอยู่ เพราะมันเลยจากสถานี Nishitetsufutsukaichi ที่ให้ลงเพื่อไป Dazaifu สุดท้ายต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 460 เยนครับ ตอนแรกคิดว่าจะได้นะเนี่ย 555


เดินออกจากสถานี NISHITETSUKURUME แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทาง แล้วเดินไปเรื่อยๆ ใช้ Google map ช่วยหาที่ตั้ง ไม่นานก็เจอครับ ที่พักของเราคืนนี้และคืนพรุ่งนี้ รวม 2 คืนด้วยกัน Toyoko Inn Nishitetsu Kurume-eki Higashi-guchi Kurume Fukuoka


เช็คอินกับเจ้าหน้าที่ผู้ชายด้านหลัง ฟังและพูดภาษาอังกฤษได้ดีครับ(อย่ามั่นใจว่าพนักงานโรงแรมจะฟังและพูดภาษาอังกฤษได้เป็นทุกคน บางคนนี่ไม่รู้ว่ามาเป็นพนักงานโรงแรมได้อย่างไร) ผมเลยสอบถามเรื่องการเดินทางในวันพรุ่งนี้ เพราะจะไปขึ้นรถไฟชินคันเซ็นที่สถานี JR Kurume ไม่ใช่สถานีที่ลงรถไฟมาเมื่อสักครู่ เลยถามเกี่ยวกับแท็กซี่ และให้เรียกแท็กซี่ให้เราเวลา 6 โมงเช้าให้ด้วย


เข้าไปสำรวจในห้องพักกันครับ มีชุดยูกาตะให้สวมใส่ด้วยครับ


ห้องพักไม่ใหญ่มาก กระทัดรัด เตียงนุ่มดี


มีโทรทัศน์แบบจอ LCD วางอยู่บนโต๊ะทำงาน


อีกมุมหนึ่งครับ


มาดูห้องน้ำกันบ้าง แบ่งเป็น 2 โซนคือโซนเปียกและโซนแห้ง มีแชมพู, ครีมนวด และสบู่อยู่ในกล่องสีขาวติดผนัง สามารถกดได้เลย


 ชักโครกตามสไตล์ญี่ปุ่น มีปุ่มกดฉีดก้น เลือกระดับความแรงน้ำได้ เลือกอุณหภูมิน้ำได้ ชอบสุดๆ 555 ห้องน้ำญี่ปุ่นทุกที่จะมีสเต็ปสูงกว่าพื้นห้องปกติครับ


20 องศา อากาศเย็นสบายคืนนี้นอนหลับฝันดีครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางไปเที่ยวภูเขาไฟอาโซะ Mt. Aso และปราสาทคูมาโมโตะกันครับ วันนี้นอนหลับฝันดี แล้วติดตามกันใหม่ในวันต่อไปครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น