[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 1.5] [ตอน 2] [ตอน 2.25] [ตอน 2.5] [ตอน 2.75] [ตอน 3] [ตอน 3.3] [ตอน 3.6] [ตอน 4] [ตอน 4.3] [ตอน 4.6] [ตอน 5] [ตอน 5.25] [ตอน 5.5] [ตอน 5.75] [ตอน 6] [ตอน 6.25] [ตอน 6.5] [ตอน 6.75] [ตอน 7] [ตอน 7.5] [ตอน 8] [ตอน 8.5] [ตอน 9]
เนื่องด้วยเราไม่แน่ใจว่าป้ายรถบัสที่เราจะรอจะเป็นป้ายที่รถบัสผ่านไปศาลเจ้าหรือไม่ เพราะดูๆแล้วรถบัสไม่ค่อยมีแล่นมาเลย เพื่อความแน่ใจเราเลยเดินไปถาม Information center ใกล้ๆทางเข้าวัดโทไดจิ แต่คุยกันไปคุยกันมา ก็ไม่เข้าใจครับ ทางเจ้าหน้าที่หญิงเลยเดินนำเราออกมาจากศูนย์แล้วเดินไปตามถนนเพื่อพาเราไปที่ป้ายรถเพื่อรอรถบัสครับ คนญี่ปุ่นใจดีอีกแล้ว รอจนรถบัสมาจอดแล้วรอเราขึ้นเลยครับ รถบัสสายที่จะไปถึงศาลเจ้าคาสุกะ ไทฉะ มีแค่ 2 สาย คือสาย 70 และ 97 โดยลงสุดสายที่ป้าย Kasuga Taisha Honden
รถแล่นไปไม่ถึง 10 นาทีผ่านสวนสาธารณะนาราขึ้นเนินไปอีก สุดท้ายก็จอดป้าย Kasuga Taisha Honden สุดสายของรถครับ แล้วเราก็ลงเดินต่อ ไม่รู้หรอกครับว่าทางเข้าจริงๆทางไหนเห็นคนเดินไปก็เดินตาม น่าจะเป็นทางข้างหน้ามั้งครับ
เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกับเด็กๆญี่ปุ่นใส่ชุดประจำชาติและสูทสำหรับเด็กชายกำลังแอ๊คท่าถ่ายรูปกันอย่างน่ารักเชียว
มองย้อนกลับไปทางเดินที่เราเดินมาครับ มี 2 สาวญี่ปุ่นกำลังแต่งชุดประจำชาติ กิโมโน เดินตามมาด้วย
ตรงนี้น่าจะเป็นฮอลอะไรสักอย่าง เห็นมีคนเข้าไปข้างในด้วย แต่ที่ชอบก็คือสีเสาสีแดงชมพูเข้ากับใบเมเปิ้ลที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีแดงอยู่ข้างๆ เข้ากันอย่างลงตัวมากๆเลยครับ
บริเวณใกล้เคียงใบไม้ก็กำลังเปลี่ยนสี มีหลากสีทีเดียว
2 สาวญี่ปุ่นที่ใส่ชุดกิโมโนที่เราเห็นก่อนหน้านี้ก็เดินแซงเราไปจนได้ กำลังเดินเข้าไปภายในศาลเจ้าเช่นเดียวกับเราครับ
ตามธรรมเนียมครับ ก่อนเข้าไปในศาลเจ้าก็ล้างมือกันก่อนครับ
ด้านบนจุดที่ให้เขียนคำอวยพรลงบนไม้แผ่น
ทางเดินทอดยาวเพื่อเข้าไปข้างในครับ
ระหว่างทางแอบส่องตะเกียงโลหะบรอนซ์ที่แขวนอยู่ภายในครับ
แล้วเราก็มาถึงทางเข้าภายในของศาลเจ้าคาสุกะ ไทฉะ (Kasuga Taisha Shrine) จะเห็นตะเกียงโลหะบรอนซ์แขวนอยู่เรียงรายเลยครับ
ตรงนี้เป็นส่วนขายของที่ระลึกเช่นพวงกุญแจ โดยมีเจ้าหน้าที่หญิงแต่งตัวแบบนี้ น่ารักดีครับ
เดินเข้าไปอีก ก็จะเจอกับประตูทางเข้าอีกทาง แต่ในส่วนของ Treasure House จะต้องเสียค่าเข้าอีกคนละ 400 เยน แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปครับ
ตรงนี้น่าจะเป็นแผ่นไม้ทำเป็นหน้าของกวางและสัตว์อื่นๆ โดยให้คนที่มาซื้อไปเขียนตาเขียนปากเขียนจมูกกันเอง แล้วนำมาแขวนไว้
เดินออกมาตรงนี้คล้ายๆศาลเจ้าเล็กๆ แล้วมีอะไรที่ทำเป็นเส้นๆผูกกับไม้ 3 อัน ผมเรียกไม่ถูกครับ
ตรงทางขึ้นจะมีกรุ๊ปนักท่องเที่ยวเยอะเลยครับ โดยมีไกด์หญิงแต่งชุดประจำชาติน่ารักๆ เดินนำ
ตะเกียงหินกับใบแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามและเมเปิ้ลที่กำลังเปลี่ยนสีครับ
ไกด์หญิงกำลังอธิบายข้อมูลให้กับนักท่องเที่ยวครับ
ศาลเจ้าคาสุกะ ไทฉะ หรือ คะซุงะ (ญี่ปุ่น: 春日大社 Kasuga-taisha) เป็นศาลเจ้าชินโตในเมืองนารา จังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1311 และได้มีการซ่อมแซมอีกหลายครั้ง ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าประจำตระกูลฟุจิวะระ และยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแห่งหนึ่งด้วย เครดิต: Wikipedia
เราเดินลงทางนี้ละกัน
ทางเดินตรงนี้เป็นตะเกียงหินทอดยาวไปตลอด 2 ข้างทางเลยครับ
ขอถ่ายด้วยค่ะ
เดินมาตรงจุดนี้จะเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก Wakamiya-no-okusu (Cinnamomum camphora) มีขนาด สูง 24 เมตร เส้นรอบวง 11.46 เมตร ต้นนี้เป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดครับ
เดินผ่านอีกจุดหนึ่ง
ตรงนี้เป็นคล้ายๆห้องโถงครับ
แล้วก็เจอจุดที่ชำระมืออีกจุดหนึ่ง มีมังกรคอยพ่นน้ำออกมาด้วย
ตรงนี้จะเจอกับแผ่นไม้รูปหัวใจ นัยว่าให้คนขอพรทางด้านความรักครับ มีภาษาไทยด้วยนะครับ แต่ไม่ถ่ายมา
มีกระดิ่งให้สั่นขอพรด้วยครับตรงนี้
เดินไปอีกก็จะเจออีกจุดหนึ่ง ผมเองไม่แน่ใจว่ามีความหมายอะไรเพราะเห็นศาลเจ้าพร้อมที่สั่นกระดิ่งหลายจุดครับ
ได้เวลาเดินลงเนินแล้วครับ หลงหรือเปล่าก็ไม่รู้แฮะ แต่เดินไปตามธงแดงละกันครับ
ตรงนี้จะมีต้นไม้ที่ใช้กระดาษสีน้ำตาลมาคลุมรอบลำต้น ไม่รู้ว่ามีความหมายว่าทำเพื่ออะไร
บริเวณนี้น่าจะเป็นสวนป่านะครับ ดูครึ้มๆมากๆ มีเส้นทาง Hiking ให้ดูด้วย เราเข้าห้องน้ำบริเวณนี้ก่อนครับ อากาศเริ่มเย็นมากๆ
แล้วเราก็เดินกลับไปตามเส้นทางนี้ครับ ดูแล้วน่าจะเดินไปทางออกได้
สุดท้ายก็เดินลงมาถึงทางเข้าแบบงงๆครับ แต่ยิ่งงงกว่าเดิมเพราะไม่ใช่ทางเข้าทางเดิมที่เราเดินไปตอนแรกครับ 555
สงสัยตอนแรกที่เราเดินไปนั้น มันไม่ใช่ทางเดินเข้าศาลเจ้าแบบเป็นทางการครับ เลยไม่ได้เป็นแบบที่เห็นนี้
เดินมาเจอเจ้ากวางตัวนี้ถึงกับลงไปดื่มน้ำที่รางระบายน้ำข้างทาง สงสัยคงหิวมากๆ
เจ้าตัวนี้มองหน้าผมแบบงงๆ ยังตัวเล็กอยู่เลยนะ
แล้วเราก็มาถึงกับป้ายรถบัสแล้ว รอไม่นานมาก รถก็มาจอดครับ แต่ไม่ใช่สายที่มีอยู่ในสารบบเลย เราเลยเข้าไปถามว่าไปที่สถานีรถไฟ JR นารา หรือไม่? ปรากฎว่าไปครับ งั้นก็ขึ้นได้ คันนี้ขึ้นตรงกลางรถนะครับ ส่วนลงที่ด้านหน้ารถครับพร้อมกับแสดงพาสที่ซื้อมา
รถใช้เวลา 27 นาทีก็มาถึงยังสถานีรถไฟ JR นาราครับ ก็เป็นอันสิ้นสุดการเที่ยวสถานที่สำคัญ 3 แห่งของเมืองนาราจนครบตามแพลนที่ได้วางไว้
เราลงรถตรงนี้เพื่อจะนั่งรถไฟต่อไปย่านโดทงโบริ โอซาก้า เพื่อไปหาของอร่อยทานและถ่ายรูปกับป้ายไฟกูลิโกะครับ แล้วมาติดตามกันต่อในตอนหน้านะครับ
[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 1.5] [ตอน 2] [ตอน 2.25] [ตอน 2.5] [ตอน 2.75] [ตอน 3] [ตอน 3.3] [ตอน 3.6] [ตอน 4] [ตอน 4.3] [ตอน 4.6] [ตอน 5] [ตอน 5.25] [ตอน 5.5] [ตอน 5.75] [ตอน 6] [ตอน 6.25] [ตอน 6.5] [ตอน 6.75] [ตอน 7] [ตอน 7.5] [ตอน 8] [ตอน 8.5] [ตอน 9]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น