[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 1.5] [ตอน 2] [ตอน 2.25] [ตอน 2.5] [ตอน 2.75] [ตอน 3] [ตอน 3.3] [ตอน 3.6] [ตอน 4] [ตอน 4.3] [ตอน 4.6] [ตอน 5] [ตอน 5.25] [ตอน 5.5] [ตอน 5.75] [ตอน 6] [ตอน 6.25] [ตอน 6.5] [ตอน 6.75] [ตอน 7] [ตอน 7.5] [ตอน 8] [ตอน 8.5] [ตอน 9]
จากตอนย่อยที่แล้ว เราขึ้นรถบัสสาย 2 แล้วลงที่ป้าย Daibutsuden Kasuga Taisha Mae แล้วเดินย้อนมานิดหนึ่ง เพื่อข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นทางเข้าวัดโทไดจิแล้ว
มาถึงประมาณ 12.00 น. พอดี อากาศไม่ร้อนเย็นเสียด้วยซ้ำครับ ก่อนจะเดินเข้าไปยังวัด ก็ต้องมาถ่ายต้นไม้แดงแถบนี้ก่อน ซึ่งฝั่งขวามือของทางเข้าวัดนี้เป็นสวนสาธารณะนาราที่ใหญ่เอามากๆเลยครับ พร้อมกับเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆด้วย
มาถึงแล้วก็ขอถ่ายหน่อย ลองเลนส์ fix 50 mm. f/1.8 ไปในตัวครับ
บริเวณนี้ กวางเยอะกว่าที่วัดโคฟุกุจิ (Kofukuji) กว่ามากเลย มานั่งอาบแดดรับไออุ่นอยู่เป็นสิบตัวเลย
ใครอยากให้อาหารกวาง ก็สามารถซื้ออาหารแบบแพ็คราคา 150 เยนได้เลยครับ
ด้านข้างทางเดินเข้าไปยังวัดก็จะเป็นร้านขายของมีทั้งร้านอาหาร, ขนม และของที่ระลึก ลอง soft cream สักแท่งมั้ยครับ
ตอนแรกกะจะเดินเข้าไปวัดเลย แต่ก็ต้องมาสะดุดใบไม้แดงบริเวณนี้ เลยต้องเก็บภาพกันก่อนครับ นานๆจะเจอกับใบไม้แดงสดๆแบบนี้เต็มไปหมด
ใบเมเปิ้ลสีแดง สวยมากๆ สีแดงสดเลย
หลายคนก็จะเดินเข้ามาถ่ายรูปกันตลอดครับ
กำลังจะแอ๊กท่าถ่ายกับต้นเมเปิ้ลแดง น้องกวางก็เดินเข้ามาแย่งซีนซะงั้น อิอิ
ต้นนี้กำลังจะเปลี่ยนสี มีทั้งสีแดงและสีเขียวเหลืองอมแดง
ดูท่าถ่ายรูปซะก่อน ไม่ธรรมดา
เราเดินเข้าไปที่สวนสาธารณะนารา เจอคู่บ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยครับ มีหลายคู่เลย
บรรยากาศสงบร่มเย็น สบายๆครับ ชาวญี่ปุ่นชอบมาเดินและนั่งใต้ต้นไม้พักผ่อนกัน
กวางตัวนี้กำลังนั่งทำมิวสิคครับ อิอิ
ตรงนี้สีแดงสดมากๆ
มองย้อนกลับไปครับ ยังคงเป็นใบไม้แดงอยู่
ตรงนี้ไม่ทราบจะเป็นศาลเจ้าเล็กๆหรือเปล่านะครับ อยู่ในสวนสาธารณะนารา
เราเดินย้อนกลับไปที่ทางเข้าวัดโทไดจิเหมือนเดิม เจอน้องกวางเดินมาต้อนรับอีกแล้ว สังเกตว่าจะมีเจ้าหน้าที่มากวาดขี้กวางเพื่อไม่ให้สะสมตามทางเดินนะครับ เพราะเจ้านี่มันชอบถ่ายไปเรื่อย
อีกวิวหนึ่งบนสะพานริมสระน้ำครับ
เจ้ากวางตัวนี้สงสัยไม่มีอะไรทำ เลยกัดโซ่ซะงั้น :(
ป้ายแสดงความเป็นมรดกโลกของวัดโทไดจิ
ด้านหน้าเป็นประตูนานไดมอน (Nandaimon gate) ทำด้วยไม้เก่าแก่มากๆ
ด้านข้างประตูทั้งสองข้างจะมีรูปปั้นไม้แกะสลักยักษ์ตัวใหญ่คอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามา
พอเดินผ่านประตูก็จะเจอกับทางเดินก่อนจะไปถึงประตูชูมง (Chumon- Gate) โดยด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์โทไดจิ
ด้านขวาเป็นสระน้ำมีเสาโทริอิขนาดเล็กริมสระด้วย
เดินต่อไปหน่อยทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นทางเดินขึ้นเนินไปหน่อย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปไหน ไปศาลเจ้าหรือเปล่าน้าา
แล้วก็มาถึงประตูด้านหน้านี้แล้ว แต่ไม่เปิดให้เข้าไปนะครับ เพราะปิดไว้โดยให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือเพื่อซื้อบัตรเข้าชมครับ
นี่ครับ เคาน์เตอร์ขายบัตรเข้าชมภายในวัดโทไดจิ ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยนครับ
วิวแรกที่เห็น วิหารไดบุตสึเด็น (Daibutsuden Hall)
มาถึงด้านหน้าวิหารไม้ไดบุตสึเด็นแล้วครับ ยิ่งใหญ่มากๆ
ประวัติ
วิหารไม้ไดบุตสึเด็นสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2252 โดยมีขนาดเล็กกว่าอาคารหลังเดิมราว 30% เดิมทีในบริเวณวัดจะมีเจดีย์สูง 100 เมตรอยู่คู่หนึ่ง ซึ่งจัดว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกในยุคหลังจากการสร้างพีระมิด แต่ได้พังทลายลงเนื่องจากแผ่นดินไหว
ก่อนเข้าวิหารล้างมือก่อนครับ
ด้านหน้าวิหารทางขวามือจะมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักทรงผ้าสีแดงอยู่ ชื่อว่า Binzuru (Pindora Bhaladvaja) คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากใครมาลูบที่ส่วนใดของพระพุทธรูปนี้แล้วไปลูบส่วนนั้นของตนเอง จะช่วยให้อาการที่เจ็บป่วยบริเวณนั้นดีขึ้น credit : th.japantravel.com
ก่อนเข้าไปภายในวิหารจุดธูปแล้วกวักควันเข้าหาตัวเองก่อนครับ จะโชคดี
เข้าไปภายในก็จะเจอกับพระพุทธรูปสำริดซึ่งเป็นองค์พระประธาน มีความสูง 14.98 เมตร หนัก 500 ตัน ถือเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นพระพุทธรูปองค์ต้นแบบของพระใหญ่แห่งเมืองคามาคุระ
ประวัติ
พระพุทธรูปไดบุสึถูกสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งโดยเหตุผลต่างๆกัน รวมทั้งความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว และมีการสร้างขึ้นใหม่ 2 ครั้งที่มีสาเหตุจากเหตุเพลิงไหม้ โดยพระหัตถ์ทั้งสองข้างที่เห็นในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นในสมัยโมะโมะยะมะ (พ.ศ. 2111-2158) พระเศียรในปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ (พ.ศ. 2158-2410) credit : wikipedia
เดินวนซ้ายตามเข็มนาฬิกา จะสังเกตมีประพุทธรูปองค์สีทองด้วยนะครับ
รูปปั้นยักษ์ไม้แกะสลักหน้าตาขมึงทึงทีเดียว
ตรงนี้เป็นวิหารไม้จำลองครับ จะสังเกตว่ามีเจดีย์ 7 ชั้นแบบสมัยดั้งเดิมด้วย
อีกมุมหนึ่งของแบบจำลอง
พระหัตถ์จำลองหรือไงครับ
เดินวนมาถึงตรงนี้ จะเป็นเสาไม้ที่เจอรูกลวงไว้ ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า ถ้าใครได้ไปลอดรูนี้ก็จะโชคดีครับสิ่งที่ขอไว้ก็จะสมหวัง จริงๆก่อนมาผมก็คิดว่าจะมาลอดแหล่ะ แต่เสียดายคิวยาวพอควร และด้วยอาการหลังไม่ค่อยดี เลยเก็บภาพเด็กๆคนอื่นๆที่ลอดมาดีกว่า
รูปปั้นยักษ์อีกตนหนึ่ง
บรรยากาศโดยรอบของจุดที่มีเด็กๆมาเข้าคิวลอดรูเสาไม้ครับ เด็กๆเพียบเลย สนุกสนานกันน่าดู
ได้เวลาออกจากวิหารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วครับ
ด้านนอกจะมีเสาสีทองนี้คล้ายๆกับฉัตรใยบ้านเราครับ
เจ้ากวางตัวนี้ทำมิวสิควิดีโออีกแล้ว
มาที่วัดโทไดจินี้ ชอบสุดๆคือได้เจอกับใบไม้แดงอย่างที่ตั้งใจไว้
และก็ใบแปะก๊วยที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแบบนี้ด้วย ฟินสุดๆ
เหลืองแดงเขียวสลับกันไป
ใบไม้แดงริมสระน้ำด้านหน้าวัดโทไดจิครับ
เดินมาตรงนี้ เจอกับใบไม้แดงจุดนี้ถึงกับอึ้ง เพราะสวยมากๆ
ใบไม้แดงยามย้อนแสงครับ
เดินออกมาถึงตรงนี้ ย้อนเก็บภาพสระน้ำก่อนที่จะถึงประตูเข้าวัดครับ
บ่าย 2 โมงเกือบครึ่ง ยังไม่ได้ทานอะไรเลย เลยมองๆหาร้านอาหาร รอข้ามถนนตรงนี้ก่อน
ข้ามถนนมาก็จะเจอกับร้านนี้ครับ เห็นว่ามีเมนูน่าทานต้องลองซะหน่อย
แต่ก่อนจะเข้าไปภายในร้าน ต้องมาสั่งเมนูจากตู้อัตโนมัตินี้ก่อนครับ แต่ไม่ต้องกลัว มีคนขายออกมาแนะนำวิธีใช้ครับ
พอหยอดเงินและได้ใบเมนูกระดาษจากเครื่องดังกล่าวก็เอาไปให้คนเสริฟ แล้วนั่งรอครับ สักพักอาหารก็มาเสริฟครับ น่าทานมั้ยเอ่ย?? มีซูชิที่ห่อด้วยใบไม้ 3 ห่อด้วยนะครับ
และขอจบท้ายตอนย่อยนี้ด้วยบรรยากาศการทานอาหารญี่ปุ่นภายในร้านนะครับ แล้วมาติดตามชมกันต่อในตอนต่อไป โดยเราจะไปเที่ยวศาลเจ้า Kasuga Taisha Shrine เป็นที่สุดท้ายของเมืองนาราในวันนี้ครับ
[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 1.5] [ตอน 2] [ตอน 2.25] [ตอน 2.5] [ตอน 2.75] [ตอน 3] [ตอน 3.3] [ตอน 3.6] [ตอน 4] [ตอน 4.3] [ตอน 4.6] [ตอน 5] [ตอน 5.25] [ตอน 5.5] [ตอน 5.75] [ตอน 6] [ตอน 6.25] [ตอน 6.5] [ตอน 6.75] [ตอน 7] [ตอน 7.5] [ตอน 8] [ตอน 8.5] [ตอน 9]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น