ลงจากรถไฟขบวนพิเศษอะโสะบอย เราก็มาหยุดตื่นเต้นกับตู้ขายไอศครีม Glico ตู้นี้ครับ เพราะเคยทานตอนอยู่ในไทยโดยมีร้านค้าแถวบ้านรับมาอีกที ซึ่งเขาบอกว่ารับมาขายน้อยมากๆ กำลังทดลองตลาดเลยจำกัดปริมาณซื้อ 1 คนต่อ 1 อัน ซึ่งพอได้ลองกินก็อร่อยมากๆครับ ทำให้เมื่อมาเจอในประเทศเจ้าของสินค้าจริงๆ เลยตื่นเต้นกันใหญ่ สุดท้ายกดซื้อกันคนละอันอิ่มอร่อยกันไป อิอิ ราคาที่กดแท่งละ 160 เยนครับ ราคาต่ำสุดน่าจะ 130 เยน
ทานไอศครีมหมดก็ค่อยๆเดินออกมาจากสถานีครับ ตอนแรกเดินออกไปนอกอาคารเพื่อจะไปขึ้นรถรางเลย แต่...เอ๊ะ ยังไม่ได้ซื้อบัตร 1 Day Pass รถรางนี่ เลยเดินกลับเข้าอาคารสถานีอีกครั้ง แล้วต้องขอบคุณอาสาสมัครที่ใส่ชุดสีส้มยืนอยู่ด้านหน้าอาคารสถานีครับ เพราะเขาคอยช่วยเหลือและสอบถามนักท่องเที่ยวต่างชาติว่าต้องการไปไหน, ทำอะไร เห็นถามเรามาเป็นภาษาอังกฤษ เลยได้ทีตอบกลับไปว่า "ผมจะหาซื้อบัตร 1 Day Pass ที่ขึ้นรถรางไม่จำกัด มีขายที่ไหนครับ? " ก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างดี โดยพาเดินไปที่ที่ขายตั๋วตรงเคาน์เตอร์นี้เลยครับ พร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ให้ด้วยเลยว่าจะซื้อบัตร ผมก็บอกไปว่า 4 ใบ ๆ ละ 500 เยน รวมแล้ว 2,000 เยน ตามเครื่องคิดเลขที่โชว์ให้เราดูครับ
ได้บัตรมาแล้วก็เหมือนทุกๆบัตรที่เป็นบัตรผ่านนะครับ คือนำมาขูดเพื่อหาเลขเด็ด...เอ้ย...ไม่ช่ายยย นำมาขูด วัน/เดือน/ปี ที่เราต้องการใช้ ในที่นี้ วันที่ 16 พย. 57 ครับ
ขึ้นมาแล้วโชคดีได้นั่งด้วยแฮะ ปล่อยให้นักเรียนหญิงเจ้าถิ่นยืนคุยกันไปละกันเนอะ นี่หล่ะครับบัตรผ่านแบบ 1 วัน ใช้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สังเกตว่า ด้านขวามือของบัตรจะมีรูปปราสาท(ขวาบน) และอีกสถานที่ไม่แน่ใจ(ขวาล่าง) ซึ่งใช้เป็นส่วนลดในการเข้าปราสาทคุมาโมโตะได้ 100 เยนครับ ซึ่งบัตรนี้คุ้มแน่นอน ถ้าใช้ขึ้นรถราง 3 ครั้งขึ้นไปและเข้าปราสาทคุมาโมโตะด้วย ฟันธง!!!
ตรงนี้ซูมเข้าไปคือเครื่องแลกเงินครับ ใส่ธนบัตรใบละ 1 พันเยนเข้าไปก็จะมีเหรียญย่อยทอนออกมา ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นเขาจะมาใช้แลกกัน ส่วนเราไม่ต้อง เพราะมีบัตรผ่านแล้วครับ อิอิ
นั่งไม่นานครับ 14 นาทีจากสถานีรถไฟคุมาโมโตะก็มาถึงป้ายที่ 10 Kumamoto Castle City Hall ลงป้ายนี้เลย ก่อนลงก็ยื่นพาสให้คนขับหรือพนักงานที่อยู่ตรงกลางขบวนดูก็เป็นอันเสร็จครับ
คันนี้เป็นขบวนฝั่งขากลับครับ พอดีติดไฟแดงข้ามถนนเลยมีเวลาถ่ายรูป
ลงจากรถรางแล้วก็มายืนรอข้ามถนนที่ฝั่งเดียวกัน ข้ามทางม้าลายไปแล้วเดินไปตรงซอกด้านขวามือที่มีคนยืนอยู่นั่นแหล่ะครับ จนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายไปครับ
เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็เดินตามทางไปเรื่อยๆเลยครับ จะขนานไปกับกำแพงปราสาท
ระหว่างทางก็จะเจอกับฝาท่อระบายน้ำที่ตกแต่งสีสันสวยงาม ไม่ใช่แค่ฝาท่อที่เป็นเหล็กพื้นๆแต่เพียงอย่างเดียว
เกือบจะสุดทางเดินแล้วครับ มองไปทางขวาจะเห็นกับยอดของกำแพงปราสาท แต่ยังไม่ใช่ปราสาทนะครับ
ตรงนี้เป็นรูปปั้นของใครไม่ทราบครับ สุดทางเดินเท้าต่อกับถนนพอดี
หลังจากนั้นก็เดินเลี้ยวขวาข้ามสะพานที่ข้ามคูน้ำรอบปราสาทไปครับ จะเห็นว่าทางเดินเท้าที่เราเดินกันมาจะอยู่ทางขวามือเลียบกับคูน้ำรอบปราสาท
เดินขึ้นเนินเล็กน้อยครับ ด้านซ้ายมือต้นแปะก๊วยหรือเปล่าเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยงามเชียวครับ
อ้อ...ทางขวามือจะมีทางเข้าปราสาทอีกจุดหนึ่งครับ ชื่อว่า Hazekata Gate ตอนแรกเราก็จะเข้าทางนี้แหล่ะ แต่เจอเจ้าหน้าที่ผู้หญิงพูดภาษาอังกฤษดีมากบอกกับเราว่า แนะนำให้เดินไปอีกหน่อยก็จะเห็นทางเข้าหลักเลี้ยวขวาได้เลย เพราะทางเข้านี้จะต้องเดินขึ้นเนินไปไม่แนะนำ แต่ถ้าเข้าตรงทางเข้าหลักจะสามารถเจอกับตัวปราสาทเลยและหลังจากนั้นค่อยเดินลงเนินออกมาทางออกตรงจุดนี้ก็ได้ จะได้ไม่เหนื่อยเพราะเป็นการเดินลงเนิน ต้องขอบคุณมากๆครับ เราได้ฟังดังนั้นก็เดินต่อไปอีกสัก 10 นาทีเพื่อเข้าทางเข้าหลักของปราสาทครับ
ระหว่างทางก็ส่องตัวอาคารของกำแพงปราสาทอีกครั้ง
เดินไปอีกหน่อย ด้านซ้ายมือเช่นเดิมก็จะเจอกับใบไม้แดงพรึบเต็มต้น แต่ไม่ใช่ใบเมเปิ้ลครับ ช่วงนี้เห็นอะไรสีเหลืองๆแดงๆเป็นไม่ได้เพราะอยากชมกับตา แต่อย่างว่า แถบเกาะคิวชูยังไม่เปลี่ยนสีหรอกนะ โน่น...ต้องไปแถบเกียวโตขึ้นเหนือไปอีก
ถึงแล้วหล่ะครับ เลี้ยวขวาเข้าไปซ์้อตั๋วเข้าปราสาทกันเลย อากาศเย็นๆเดินขึ้นเนินเล็กน้อยไม่เหนื่อยมากครับ ค่อยๆไป
เอาตั๋วเล็กๆที่อยู่ด้านบนขวาของพาสที่ซื้อมาไปลดราคาค่าตั๋วเข้าปราสาทคุมาโมโตะครับ สุดท้ายจากราคาเต็มคนละ 500 เยน ลด 100 เยน เหลือคนละ 400 เยน คุ้มสุดๆ!!
ตรงนี้โล่งมากๆ คนหายไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง เลยได้จังหวะถ่ายรูปด้านหลังปราสาท
มองปราสาทคุมาโมโตะที่มุมตรงๆ ภายใต้ร่มเงาต้นไม้ที่อยู่รอบๆบ้าง
ตรงจุดนี้มีนักรบสมัยโบราณดั้งเดิมของญี่ปุ่นมายืนรอให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปร่วมกันครับ บางคนอาจกลัวว่าเสียเงิน แต่ไม่เสียเงินนะครับ ขอถ่ายรูปได้เลย คนญี่ปุ่นสมัยใหม่ตัวสูงมากครับ พี่ไทยล้าหลังไปเลย ตอนเด็กต้องส่งเสริมให้ทานนมเยอะๆ จะได้ตัวสูงๆพร้อมๆไปกับการออกกำลังกาย
แล้วก็เดินมายังทางเดินใต้ดินเพื่อไปยังด้านหน้าปราสาทกัน ไม้ที่ใช้ทำเสากับคานท่อนใหญ่มากๆครับ
และเช่นเดิม มีนักรบสมัยโบราณมาให้ยืนถ่ายอีกเช่นเคยครับ และไม่พลาดอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ต้องรอคิวกันหน่อยเพราะคนรอถ่ายรูปคู่เยอะ 555 ขายดี
ได้เวลาเดินเข้าไปดูภายในปราสาทคุมาโมโตะกันแล้วครับ ไม่มีลิฟท์นะครับ เดินขึ้นบันไดอย่างเดียว ค่อยๆเดินครับ แล้วก็มาถึงยังชั้นบนสุดของปราสาทส่วนหอเล็กแล้ว(มองจากด้านหน้าปราสาทจะอยู่ทางขวามือ) ซูมไปดูคนด้านล่าง อย่างเยอะครับ
มุมนี้มองจากหอเล็กไปหาหอใหญ่ครับ
มองไปวิวด้านหลังตรงกำแพงปราสาท
แล้วก็ได้เวลาเดินไปยังหอใหญ่ ดูประวัติคนที่ปกครองเมืองคุมาโมโตะในแต่ละสมัยกัน
ตระกูลอิเดะตะ (1469-1496)
ตระกูลคะโนะโกะงิ (1496-1550)
ตระกูลโจ (1550-1587)
ตระกูลซัสซะ (1587-1588)
ตระกูลคะโต (1588-1632)
ตระกูลโฮะโซะกะวะ (1632-1871)
รัฐบาลญี่ปุ่น (1871-ปัจจุบัน)
อันนี้เป็นส่วนของหลังคาดั้งเดิมของปราสาทคุมาโมโตะ ฝั่งหอใหญ่(Main Tower)
จากตำนาน ชายหนุ่มที่มีพละกำลังที่มีชื่อว่า Yokote-no-Goro ได้แบกหินก้อนนี้โดยใช้ไหล่ของตัวเองระหว่างการสร้างปราสาทคุมาโมโตะ
ที่ผนังปราสาทก็จะมีข้อมูลพร้อมภาพปราสาทของญี่ปุ่นในเมืองต่างๆมาแสดงด้วยครับ สวยๆทั้งนั้น ไม่รู้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะไปชมจนครบนะครับ
ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงยังชั้นบนสุดของหอใหญ่ของปราสาทแล้ว มองลงมานักท่องเที่ยวก็ยังคงเยอะเช่นเดิม แถมได้เห็นวิวตึกสูงๆและภูเขาที่เป็นแบล็กกราวนด์ด้านหลังด้วย แสงยามเย็นแล้วครับ
ซูมอีกครั้ง คนมาถ่ายคู่กับรูปปั้นการ์ตูนกันตลอดเลยฮะ
ตรงทางเข้าปราสาทครับ ส่วนใหญ่คนจะเดินออกกันบ้างแล้ว เพราะเย็นแล้วครับ
ได้เวลาลงจากตัวปราสาทแล้ว ลงมาถึงพื้นล่างก็มีอะไรสนุกๆให้เล่นอีกแล้ว ถ่ายรูปกับชุดนักรบโบราณครับ อิอิ ตลกดีมีขนสีชมพูด้วยแฮะ :D
กับอีกรูปครับ
แล้วเราก็เข้าไปชมในส่วนของ Honmaru Goten Palace ซึ่งเปรียบเสมือนโถงที่ไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอย่างเป็นทางการ แต่น่าเสียดายโดนไฟไหม้ไปในปี 1877 และได้รับการบูรณะใหม่จนเสร็จพร้อมเปิดอีกครั้งในปี 2008 เร็วๆนี้เองครับ
ตรงนี้เป็นส่วนครัวไว้สำหรับทำอาหาร
ชุดอาหารมื้อเย็นแบบจัดเต็มในช่วงสมัยเอโดะ
Kanawa-tsugi, Koshikake-kama-tsugi หรือตัวอย่างวิธีการต่อไม้ที่ใช้ในปราสาทนี้ โดยไม่ต้องใช้ตะปูสักตัวเดียว เมืองไทยเราก็ใช้วิธีคล้ายๆกัน
เดินออกมาตรงโถงนี้ครับ
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2013 จักรพรรดิและจักรพรรดินีของญี่ปุ่นได้เสด็จมาที่ Palace แห่งนี้โดยมาร่วมงาน 33rd National Convention for the Development on Abundantly Productive Sea"
เห็นมีรูปเจ้าชายด้วยนะครับแต่เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดเลยอ่านไม่ออก
extravagant room เป็นห้องที่สวยงามมากๆครับ
สีทองเต็มไปหมดเลย เห็นกับตาแล้วตะลึงมากๆ
อีกรูปหนึ่งครับ
บนเพดานก็มีการเพ้นท์ลวดลายดอกไม้สวยงามมากๆ
ผมใช้เวลากับห้องนี้พอสมควรเลยครับ ดูจนจุใจ
แล้วก็เข้ามาอีกห้องหนึ่ง มีนกกระเรียนด้วย
ตอนจะกลับออกไป เราใช้เส้นทางที่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงเคยบอกกับเราไว้ก่อนเข้ามา เราเลยกลับอีกเส้นทางหนึ่ง
ไปตามทางเดินนี้เลยครับ
อาจจะเงียบๆหน่อยเพราะไม่ค่อยมีคนเดินเข้ามาเท่าไหร่
ใบไม้แดงกับใบที่ร่วงด้านล่างพอเห็นแล้วชื่นใจ
มุมปราสาทด้านข้างจังหวะนี้สวยงามมากๆครับ เพราะแสงแดดส่องมาพอดี ใกล้จะคล้อยไปแล้ว
อีกมุมหนึ่งครับ
ก่อนจะเดินออกไปทางประตู Hazekata
ฝูงนกเองก็กำลังบินกลับรังกันแล้ว ความมืดจะเข้ามาเยือน
คูน้ำรอบๆปราสาทมีเป็ดกำลังว่ายเล่นน้ำกันอยู่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น