วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น เมื่อยามใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 6.25 เที่ยววัดคิโยมิสึ หรือ วัดน้ำใส (Kiyomizu-Dera) เป็นวัดที่สองในเมืองเกียวโต


เรามาต่อกันในวัดที่ 2 ในเกียวโตนะครับ ไม่นับวัดทองเพราะยังเข้าไปไม่ได้ หลังจากไปเที่ยววัดเงิน Ginkakuji กันมาแล้ว ก็มาต่อกันที่วัดคิโยมิสึ/คิโยมิซุ หรือ วัดน้ำใส (Kiyomizu-Dera) วัดนี้ก็เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งในเกียวโตครับ เป็นวัดพุทธ ไม่ใช่วัดนิกายเซ็นแบบวัดเงินที่เราไปเที่ยวมา จุดเด่นของวัดนี้ก็คือ มีระเบียงขนาดใหญ่สูง 13 เมตร มีเสาไม้กว่าร้อยต้นรองรับ และที่มาของคำว่าวัดน้ำใสก็คือ มีน้ำตกโอตะวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงจากเขาสู่บ่อน้ำด้านล่าง ผู้คนที่มาส่วนใหญ่นิยมนำน้ำดังกล่าวมาดื่มตามความเชื่อว่าดื่มแล้วสุขภาพจะดีครับ


 จากที่เดินกลับมาจากวัดเงิน ก็มาถึงป้ายรอรถบัสตรงนี้ เห็นตรงป้ายจะมีสิ่งประดิษฐ์ที่ชาวญี่ปุ่นนักคิดเขาทำ น่าจะคล้ายๆการบอกว่ารถบัสสายไหนถึงตรงป้ายไหนแล้ว น่าจะประมาณนั้นนะครับ แต่ถ้างง ก็กลับไปอ่าน Handy Kyoto City Bus ในตอนก่อนนี้ ก็จะทราบว่าจากป้ายวัดเงินไปป้ายวัดน้ำใส นั่งรถบัสสายอะไร ในที่นี้ คือสาย 100 ครับ


รถแล่นข้ามสะพานอะไรไม่ทราบได้ครับ มีใบไม้แดงกับใบไม้เหลืองด้วยครับ


ประมาณ 20 นาทีรถก็มาจอดที่ป้าย Kiyomizu-michi แล้วต้องเดินต่อไปตามถนนซอยนี้ครับ ไกลทีเดียว แถวแคบด้วย เดินๆก็ระวังกันด้วยครับ เป็นการเดินขึ้นเนิน


เดินสักพักก็จะเจอกับร้านรวงสองข้างทาง ดึงดูดให้เงินในกระเป๋าหลุดออกไปง่ายๆเลยครับ


ผ่านร้านค้ามาสักพัก ก็มาถึงประตูทางเข้าแรก ชื่อว่า Deva Gate


ก่อนจะเข้าไปชมภายในวัดน้ำใส เรามาดูแผนที่ภายในวัดนี้กันก่อนเพื่อจะได้ทราบว่าแต่ละสิ่งก่อสร้างนั้นอยู่ตรงไหนกันบ้างครับ เครดิต : http://www.kiyomizudera.or.jp/lang/01.html


 เดินเข้าประตู Deva Gate กันเลยครับ


ขอสั่นกระดิ่งขอโชคหน่อยค่ะ


เข้ามาถึงจุดที่มีใบไม้แดงสดๆ สวยๆ


ใบไม้แดงแจ่มๆ ครับ


แล้วก็มาถึงจุดที่ต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปชมข้างในแล้วครับ เด็ก 200 เยน ผู้ใหญ่ 300 เยน


 แล้วก็เดินผ่านศาลาโบราณ


รูปปั้นตรงนี้คืออะไรก็ไม่ทราบได้ครับ ภาพจะสั่นๆหน่อยเพราะแสงน้อยครับ


อีกจุดที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม


ลานระเบียงของอาคารหลักคราคร่ำไปด้วยฝูงชนนักท่องเที่ยวที่มาชมวิวสวยๆ


บ้างก็มาจุดธูปเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตและขอพรกัน


มองไปยังอีกฝั่งหนึ่งจากลานอาคารหลักก็จะเห็นเจดีย์ 3 ชั้น


น้ำตกโอตะวะ(Otowa waterfall) ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้


ซูมไปดูใกล้ๆกันครับ  น้ำตกนี้ยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษา คิวคนที่มารอดื่มน้ำยาวพอควรเลยครับ


ก่อนจะเลี้ยวไปทางขวามือเพื่อชมวิวด้านข้างของอาคารหลักไม้แห่งนี้ จะมีทางขึ้นไปศาลเจ้าจิชู ซึ่งเราไม่ได้ขึ้นไปครับ


ถ่ายรูปกับใบไม้แดงด้านข้างของระเบียงวัดน้ำใส


มุมด้านข้างของวัดน้ำใส


เดินไปเรื่อยๆ จนได้มุมมหาชน ที่ใครๆที่มาวัดน้ำใสนี้ก็จะมาเก็บภาพวิวนี้กันครับ ใบไม้แดงยังไม่เยอะมาก แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา ประทับใจมากๆครับ


อีกมุมหนึ่งที่สามารถมองเห็นเสาไม้กว่าร้อยต้นที่รองรับระเบียงไม้ ที่สูงถึง 13 เมตรไว้ ยิ่งใหญ่จริงๆครับ พร้อมมองเห็นทางเดินด้านล่างด้วย


ขอถ่ายด้วยค่าาา


ใบเมเปิ้ลแดงแสบตา


เดี๋ยวเราจะเดินไปชมเจดีย์ 3 ชั้นฝั่งโน้นกัน


แล้วก็มาถึงเจดีย์ 3 ชั้นแล้ว


บริเวณเจดีย์ยังสามารถมองเห็นระเบียงของวัดน้ำใสได้เต็มๆ


ซูมเข้าไปใกล้ๆ ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้สิ


เจดีย์ 3 ชั้นอีกมุมหนึ่งครับ


รูปสลักหินพระริมทางเดิน


ได้เวลากลับกันแล้วครับ เราเดินผ่านจุดที่น้ำตกโอตะวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ นักท่องเที่ยวกำลังจะตักเพื่อมาดื่มกัน ส่วนเราขอบายเพราะแถวยาวมาก


ผ่านเสาไม้ร้อยกว่าต้นที่รองรับระเบียงของวัดน้ำใสแบบใกล้ๆ ยิ่งใหญ่จริงๆครับ


ผ่านทางลงอีกจุดหนึ่ง ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีเลย


ขอถ่ายรูปหมู่ ใบไม้เปลี่ยนสีแดง กำลังสวยเลย


หลังจากเดินกันมานานก็แวะที่นี่ได้ ทานสาเกและอาหารว่างกันก่อน


ตรงจุดนี้มีคู่หนุ่มสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันหรือเปล่า ใส่ชุดยูกาตะและชุดประจำชาติของญี่ปุ่น


สระน้ำกับใบไม้แดง


จุดนี้ก็มีใบไม้แดงอยู่เต็มๆเลย นั่งพักสักครู่แล้วค่อยไปต่อครับ


ได้เวลาเดินกลับกันแล้วครับ ขากลับกลับอีกทาง แต่ขนานกัน ใครสนใจนั่งรถถีบ 2 ล้อก็ติดต่อได้เลย


เดินมาถึงป้ายรถบัสด้านหน้าทางเข้า คราวนี้คนรอรถเยอะมากครับ 1 คันผ่านไปไม่ได้ขึ้นเพราะแน่นมาก เดี๋ยวรออีกคันหน้า โดยเราจะขึ้นรถบัสสาย 100 หรือ 206 เพื่อกลับไปยังสถานีรถไฟเกียวโตกันก่อน เพื่อจะได้ต่อรถไฟสาย Sagano อีกครั้งไปลงสถานีรถไฟ Emmachi และนั่งรถบัสไปวัดทอง Kinkakuji อีกครั้ง

แล้วมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป เราจะกลับไปวัดทอง Kinkakuji กันครับ รอดูว่าผนังสีทองจะแจ่มขนาดไหน รอติดตามชมครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น