วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น เมื่อยามใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 4 นั่งรถไฟ 4 ขบวน-JR Kyudai Line, LTD. EXP SONIC 18, SHINKANSEN SAKURA 546 และ JR Sanyo Line จากยูฟูอินไปลงสถานีมิยาจิม่ากูชิ เพื่อข้ามเรือไปเที่ยวเกาะมิยาจิม่า


วันที่ 4 ของทริปญี่ปุ่น อย่างที่บอกไว้ วันนี้เราจะอำลาเกาะคิวชูขึ้นเหนือไปเที่ยวเกาะที่อยู่เหนือกว่านั่นคือ เกาะฮอนชู ซึ่งวันนี้เรามีโปรแกรมไปพักที่เมืองฮิโรชิม่าครับ ก่อนจะถึงตัวเมืองเราเลยแพลนว่าจะแวะเที่ยวที่เกาะมิยาจาม่าก่อนแล้วค่อยกลับไปเช็คอินที่โรงแรมหลังจากนั้นก็ออกมาเดินตระเวนถ่ายรูปที่อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า หรือ Atomic Bomb Domeอนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ และปราสาทฮิโรชิม่า จนถึงยามค่ำคืนเราก็จะออกเดินเที่ยวย่านฮอนโดริ(Hondori) แล้วหาโอโกโนมิยากิทาน เห็นเขาบอกว่าร้านอร่อยๆแถวๆย่านนี้ แล้วมาดูกันครับว่าสถานที่ไหนที่ได้ไป อันไหนไม่ได้ไป แต่มีอยู่อีกอย่างหนึ่งคือ ช่วงที่เราไปนั้นมีไฮไลท์ยามเย็นด้วยครับ คืออะไรต้องติดตามดู แพลน/แผนเที่ยวก็เลยออกมาดังนี้

DAY4 (18 พฤศจิกายน 2557): Yufuin - Miyajima - Itsukushima Torii - Atomic Bomb Dome - Hondori - Okonomiyaki - Hiroshima

อ้อ...วันนี้ขอแยกออกเป็นตอนย่อย 3 ตอนด้วยกันครับ เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาและรูปภาพ โดยตอนย่อยนี้จะพาพวกเรานั่งรถไฟทั้งสิ้น 4 ขบวน จากสถานียูฟูอินจนไปสุดที่สถานีมิยาจิม่ากูชิ สถานีปลายทางก่อนจะนั่งเรือข้ามเกาะต่อไปที่เกาะมิยาจิม่า


วันนี้เราต้องตื่นเช้าตรู่เช่นเดิม คือ 7 โมง 10 นาทีก็ออกจากที่พักกันแล้ว เราเอากุญแจไปคืนที่เคาน์เตอร์แต่ไม่เจอใคร เลยวางไว้ที่เคาน์เตอร์ซะเลย เพราะไม่อยากเรียกกลัวจะเป็นการรบกวน

เช้าๆแบบนี้ถนนยังว่างอยู่เลยครับ อากาศก็บริสุทธิ์แต่หนาวมากๆ ต่ำกว่า 10 องศาแน่นอนครับ ด้วยเวลาอันน้อยนิด จริงๆก็เสียดายนะครับที่ใช้เวลาอยู่กับหมู่บ้านโอท็อปดั้งเดิมแค่เพียง 1 คืน ไว้มีโอกาสเราจะกลับมาอีกครั้ง


ค่อยๆเดินกันไปตามฟุตปาทครับ จุดหมาย สถานีรถไฟยูฟูอิน


ผ่านร้านน้องหมาตัดขน และอาบน้ำหมา น่ารักดี


โทริอิอีกฝั่งหนึ่ง มีร้านกาแฟอยู่ข้างๆด้วยครับ


มีน้ำร้อนออนเซ็นอยู่หน้าร้านด้วย ให้แช่เท้าหรือเปล่าครับ หรือแค่ล้างมือ


มาถึงแล้วครับ หน้าสถานีรถไฟยูฟูอิน ณ เวลานี้ไม่มีรถและคนเลยครับ น่าจะเช้าอยู่


ผมอยากดื่มกาแฟร้อนๆ เลยเดินกลับไปที่สถานีรถบัสของหมู่บ้านครับ ป้ายสีฟ้าๆ ที่มีคนยืนอยู่นั่นเอง เพราะตรงนั้นมีตู้กดน้ำอัตโนมัติครับ


ป้ายสีแดงคือเครื่องดื่มร้อน ป้ายสีฟ้าคือเครื่องดื่มเย็น เอากาแฟกระป๋องแบบร้อน 130 เยนครับ


เดินเข้าไปรอที่ด้านในสถานี กำลังเปิดไฟโคมอยู่เลย ดูคลาสสิคดี สีของสถานีจะออกแบบสีน้ำตาลดำ เหมือนกับสถานีอะโสะเลยนะครับ ถ้าใครยังจำได้ ที่เราไปเที่ยวกันในวันที่ 2 ที่ผ่านมา


ป้ายไฟแสดงสถานี Yufuin ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีอันหลากหลายสี


รถไฟ JR แบบท้องถิ่น 1 โบกี้มาแล้วครับ เป็นสาย JR Kyodai Line สีนี้รู้สึกเพิ่งเคยได้นั่ง


ก่อนขึ้นรถไฟเพื่อความแน่ใจผมจะเอาใบเดินทางให้ดู แล้วถามว่าไป Oita ใช่มั้ย? ทำอย่างนี้ทุกครั้งครับ เพื่อความชัวร์และความสบายใจ เบาะก็แบบบ้านๆดี แต่ความสะอาดไม่ต้องพูดถึง


รถไฟเคลื่อนที่แล้ว


ใช้เวลาเดินทาง 61 นาทีด้วยกันก็มาถึงยังสถานีโออิตะ เดินมาเห็นหัวรถจักรจำลอง เป็น toy train น่ารักมากๆครับ อยากนั่งเจ้าขบวนนี้จริงๆจังเลย


ที่สถานีโออิตะมีขนาดใหญ่ และตกแต่งได้โมเดิร์น หรูหรา สะอาด น้องๆสถานีฮากาตะเลยครับ ดูที่พื้นไม้ปาร์เก้ และป้ายขนาดใหญ่ที่บอกขบวนรถไฟที่แล่นผ่านสถานีนี้สิครับ ใหม่และชัดเจนดีมาก
ขบวนรถไฟที่เราจะขึ้นต่อไปลงสถานีโคคุระแสดงในป้ายด้านบนซ้ายมือสุดครับ นั่นคือ Limited Express Sonic 18 ออกเวลา 9.10 น. โดยไปสุดสายที่สถานีฮากาตะ ผ่านโคคุระ ซึ่งเราก็จะลงที่สถานีนี้พอดี


จากป้ายไฟที่แสดงเมื่อกี้ เราขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชานชาลา 3 ตามตัวเลขชานชาลาที่บอกนี้เลยครับ


รอสักพักไม่นานรถไฟขบวนเราก็มาถึง มองจากภายนอกรถไฟสีขาวสะอาด มีชื่อรุ่นว่า 885 Limited Express Intercity Around the Kyushu


เดินเข้าไปข้างในเลยครับ แรกเห็นสะอาด สวยงาม หรูหรามากๆ มีไฟแสดงว่าเรากำลังอยู่โบกี้ไหนและตรงส่วนไหนของขบวนด้วย อย่างกับเครื่องบินเลยครับ


เข้าไปที่โบกี้ 1 ซึ่งเราได้จองที่นั่งที่โบกี้นี้ไว้ เบาะเป็นหนังสีดำ ดูเงียบขรึมสุขุมดีมาก


ด้านหน้าของโบกี้ของรถไฟขบวนนี้มีชั้นวางสัมภาระด้วย อยู่ด้านซ็ายมือ ผมไม่เห็นขบวนอื่นมีแบบนี้แยกออกมาชัดเจนเลยครับ


ดูกันใกล้ๆครับ วางสัมภาระได้ 2 ชั้น มีสายคล้องกันของหล่นด้วย


ได้นั่งเสร็จก็เอาแซนวิชแฮมไข่ต้มออกมาทานครับ อร่อยดี ทานไปก็ชมวิวไปครับ


ได้เวลาผ่านทะเลเหมือนกับขามาแล้ว


ผ่านสะพานอะไรเอ่ย? ลักษณะแปลกๆ ตรงนี้น่าจะเป็นท่าเรือของเมืองนะครับ


เรามาสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถไฟขบวนนี้กันดีกว่าครับ อันนี้เป็นห้องสำหรับคุยโทรศัพท์ครับ  ใช้มือแตะประตูแล้วประตูก็จะเปิดเข้าไปคุยได้ เก็บเสียงดีมากๆ ผมลองเข้าไปแล้ว สังเกตว่าคนญี่ปุ่นเขามีวินับเคร่งครัดในเรื่องการคุยโทรศัพท์ภายในรถไฟมากๆเลยนะครับ ข้อห้ามมีบอกแล้วคือห้ามคุยโทรศัพท์รบกวนคนอื่น ถ่าจะคุยก็ต้องเดินออกไปนอกโบกี้ อย่างขบวนนี้ก็ทำที่คุยให้อย่างดีเลย ชอบมากๆครับ


ฝั่งตรงกันข้ามเป็นจุดนั่งเขียนหนังสือ หรือชมวิวด้านนอกรถไฟครับ


ทางเดินระหว่างโบกี้ มีตัวอักษรลายมือเขียนแบบญี่ปุ่น แถมยังเปลี่ยนสีไฟได้อีกด้วยแฮะ (ดูรูปด้านล่าง)


เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินแล้ว เจ๋งจริงๆ


เดินไปอีกก็จะเจอกับห้องน้ำคนพิการครับ ไม่รอช้า เข้าไปสำรวจดีกว่า อิอิ


ภายในเป็นแบบนี้ครับ มีเหล็กสแตนเลสให้จับอยู่หลายจุด สำหรับคนพิการโดยเฉพาะ ผมเองเคยเข้าห้องน้ำคนพิการในไทย ก็ตอนที่ตัวเองเดินไม่ค่อยถนัดตอนเป็นโรค AS อ่ะครับ เราจะรู้ได้เลยว่า คนพิการเขาต้องการมากๆ


โบกี้ที่อยู่ถัดไปจะเป็นโบกี้แบบ Green คือเฟิร์สคลาสนั่นเอง ดูการตกแต่งด้านนอกด้วยไม้หรูหราคลาสสิคดีครับ ประตูจะไม่เปิดอัตโนมัติแล้วคราวนี้ เพราะคงไม่อยากให้รบกวนผู้โดยสารข้างใน ถ้าต้องการเข้าไปก็ต้องเอามือสัมผัสประตูนะครับ เจ๋งมากๆ


ไม่นานก็มีพนักงานเข็นของมาขายในโบกี้เราแล้ว ผมซื้อน้ำส้มมินิเมดมา 1 ขวด ราคาสูงกว่าตู้กดนิดหน่อย แต่ไม่สูงมากเหมือนบนเครื่องบิน Low Cost หรอกครับ ซื้อหากันได้


รถไฟกำลังแล่นผ่านจุดนี้ เราเหลือบไปมองเห็นตัวหนังสือ USA ด้านบนเขา มันคล้ายๆกับตัวหนังสือ Hollywood ของอเมริกาอ่ะครับ ตอนแรกเลยคุยกันว่า พวกอเมริกัน(USA) มาทำป้ายถึงนี่เลยหรือไง??


แต่ไม่นานก็พบคำตอบครับ ไม่ใช่ USA ที่แปลว่า United State of America ซะหน่อย มันคือชื่อภาษาญี่ปุ่น น่าจะอ่านว่า "อุซะ" แบบญี่ปุ่นนะครับ เป็นชื่อบริเวณนี้และเป็นชื่อสถานีด้วย ทำเอายิ้มเลยครับ 555


ผ่านรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมด้วยหล่ะ


แล้วก็ข้ามสะพานเหล็ก


จนมาถึงสถานีโคคุระ(Kokura) ใช้เวลา 87 นาทีด้วยกันจากโออิตะมาโคคุระ

ลงจากรถไฟเสร็จก็รีบวิ่งมาถ่ายด้านหน้ารถไฟครับ หัวมนๆกลมๆ ไม่ยาวเรียวเหมือนรถไฟชินคันเซ็น น่ารักดี


ไม่ทันไร รางฝั่งตรงข้ามก็มีขบวนรถไฟท้องถิ่นแล่นมาจอดพอดีเลย อันนี้แบบบ้านๆ


ออกมาจากสถานีโคคุระ ใครเจอเส้นทางรถไฟแบบในรูปก็คงเล่นเอาปวดหัวกันไปตามๆกันเลย อะไรมันจะเยอะขนาดนั้น แต่คนญี่ปุ่นเขาคงชินแล้วหล่ะครับ


จะเล่าว่า ตอนแรกผมคิดว่าออกมาเสร็จแล้วเข้าไปที่ทางเข้าเดิมก็จะเป็นชินคันเซ็น แต่ลืมไปว่า ชินคันเซ็นมันต้องแล่นบนรางที่อยู่สูงกว่านี้ ประกอบกับลองมองดูป้ายขบวนรถไฟแล้ว ขบวนชินคันเซ็นที่เราจองไว้ เวลารถไฟออกมันไม่ขึ้นครับ เลยคิดว่าไม่ใช่ทางเข้าที่เดิมแน่ๆ เลยต้องเรียกอีก 3 คนที่กำลังเข้าไปเดินซื้อของอยู่ให้รีบออกมาครับ เพราะสถานีชินคันเซ็นมันอยู่อีกจุดหนึ่ง ต้องเดินออกไปก่อนแล้วเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปด้านบน กว่าจะรู้ก็เกือบๆพลาดขบวนที่จองไว้ซะแล้ว


เรารีบเดินมาตามป้ายที่บอกว่าชินคันเซ็นครับ ในที่สุดก็มาถึงยังชานชาลาที่ 13 เด็กนักเรียนมายืนรอเยอะทีเดียว สงสัยกำลังไปทัศนะศึกษากันที่ไหนสักที่นะเนี่ย


รถไฟขบวนเรายังไม่มา เลยเดินสำรวจรถไฟชินคันเซ็นฝั่งชานชาลาที่ 14 ที่จอดรอก่อนครับ เป็นรถไฟรุ่น ซีรี่ N700A ขบวนยาวเบื้อยเลย


ตรงจุดที่ยืนรอรถไฟชินคันเซ็นครับ ในรูปเราจะเห็นว่า ณ จุดเดียวกันนี้ ขบวน Hikari กับ Nozomi จะได้โบกี้ที่ไม่ตรงกันครับ โดย Hikari จะเป็นโบกี้ที่ 4 ส่วน Nozomi จะเป็นโบกี้ที่ 16 อันนี้สังเกตกันไว้ด้วย


ชานชาลาฝั่งตรงข้ามก็เป็นขบวนซีรี่ N700A เช่นกัน


ขบวนเรามาถึงแล้ว เข้าไปเลยครับ เราได้ขบวน SAKURA 546 เดินผ่านโบกี้ 2 เรียงที่นั่งแบบ 2-3 คือ non reserved แน่ๆ


ส่วนโบกี้เราคือโบกี้ 4 เรียงที่นั่งแบบ 2-2 สบายๆ ไม่แออัดครับ ใครจองที่นั่งมาก็จะได้นั่งสบายแบบนี้นั่นเอง แถมเงินก็ไม่เสียเพิ่มด้วย เพราะรวมอยู่ในบัตร JR Pass ไปแล้ว คุ้มสุดๆ


หน้าเบาะที่นั่งจะมีรูปตัวอย่างขบวนแสดงอยู่ บ่งบอกทิศทางการเคลื่อนที่ของขบวนรถไฟ ในที่นี้คือ โบกี้นี้คือโบกี้ที่ 4 ไปสถานีชินโอซาก้า คือทางที่ไปโบกี้ที่ 5 ส่วนทิศตรงกันข้ามคือโบกี้ที่ 3 นั่นคือ โบกี้ด้านหน้าเราคือโบกี้ที่ 5 เพราะกำลังแล่นไปทางสถานีชินโอซาก้านั่นเอง และโหลดที่รับน้ำหนักของโต๊ะพับหลังเบาะนี้คือ 10 กก. ห้ามวางของน้ำหนักมากกว่านี้ครับ


ยังไม่หายหิว เอาขนมปังออกมากินซะหน่อยนะ


มองออกไปด้านนอก เห็นทางรถไฟชินคันเซ็นอีกสายหนึ่งนะครับ เส้นไหนหว่า เดาไม่ออก


ขบวนนี้ก็มีพนักงานเข็นของและเครื่องดื่มมาขายอยู่แล้ว เราจะเจอกับพนักงานขายของในทุกขบวนของชินคันเซ็นนะครับ ส่วนขบวนอื่นๆก็แล้วแต่ ถ้าเป็น Limited Express ก็จะมีด้วยครับ


ก่อนถึงฮิโรชิม่าจะเห็นโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ 2 ข้างทางเลย กำลังปล่อยควันฉุย


ตรงจุดนี้เป็นท่าเรือไปด้วยในตัว โรงงานอุตสาหกรรมเลยเยอะ เพราะสะดวกในการขนส่งสินค้าทั้งส่งขายและซื้อเข้ามาครับ เรียกได้ว่าประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งมากเลยทีเดียว


ถึงแล้วหล่ะครับ สถานีฮิโรชิม่า ใช้เวลาเดินทางจากสถานีโคคุระมายังสถานีฮิโรชิม่า 51 นาทีด้วยกัน ผู้โดยสารใส่สูทเยอะทีเดียว


เราเดินตามป้ายที่บอกว่าไปรถไฟท้องถิ่นสาย Sanyo Line for Miyajimaguchi สายสีแดง ลงบันไดเลื่อนนี้ครับ


รอสักพัก รถไฟที่จะไปสถานีมิยาจิม่ากูชิก็มาจอดแล้ว คนขึ้นอย่างเยอะเลยครับ สงสัยไปเที่ยวเกาะมิยาจิม่าเหมือนๆกัน


ภายในรถไฟครับ


ได้ที่นั่งแล้วก็ต้องเก็บรูป ซึ่งรูปนี้เหมือนๆกับรูปที่ถ่ายเมื่อขึ้นขบวนจากยูฟูอินเลยครับ ฝั่งก็เดียวกัน


กำลังข้ามแม่น้ำ เห็นใบไม้แดงริมแม่น้ำระหว่างทางด้วย


แอ่นแอ๊น...ในที่สุดด้วยเวลา 26 นาที(เวลา 12.26 น.) ก็มาถึงสถานีมิยาจิม่ากูชิ(Miyajimaguchi) แล้วจ้า และถ้ารวมเวลาทั้งหมดจากสถานียูฟูอินก็จะเท่ากับ 269 นาที หรือ 4ชั่วโมง 29 นาที ต่อไปนี้เราก็จะต้องเดินไปที่ท่าเรือของ JR แล้วรอเรือข้ามฟากเพื่อข้ามไปยังเกาะมิยาจิม่าครับ แล้วมาติดตามกันต่อในตอนย่อยต่อไป เที่ยวเกาะมิยาจิม่า เกาะมรดกโลก


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น