วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น เมื่อยามใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 3.6 เดินเที่ยวถนนคนเดิน และ Yufuin Floral Village ณ หมู่บ้านยูฟูอิน หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิด OTOP ของไทยเรา


มาชมกันต่อเลยอย่างไม่ชักช้าครับ โดยตอนย่อยนี้จะพาไปเดินถนนคนเดินที่หมู่บ้านยูฟูอินกันต่อจากตอนย่อยที่แล้ว อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆครับ เราเหลือร้านค้าอยู่อีกครึ่งหนึ่งได้มั้งครับ และก่อนจะสุดถนน เราได้เข้าไปที่ Yufuin Floral Village หรือเมืองจำลองที่แต่งในสไตล์ยุโรป ได้อีกบรรยากาศหนึ่งเมื่อมาที่ยูฟูอินแห่งนี้ครับ


พอทานทาโกะยากิเสร็จก็ออกเดินกันต่อ ด้านตรงข้ามกับร้านทาโกะยากิยักษ์เป็นร้านขายพวกเกลือธรรมชาติจากขุนเขา โดยจะมีเจ้าหินยักษ์ก้อนนี้เป็นสัญลักษณ์อยู่หน้าร้าน แต่รายละเอียดลึกๆก็ไม่ทราบได้ครับเพราะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย


เราออกเดินเรื่อยๆสักพักก็จะเจอกับสะพานข้ามลำธารของหมู่บ้านอีกครั้ง ครั้งนี้เล็กกว่าครั้งแรกที่ข้ามมาหน่อย แต่มุมมองยังคงเป็นทิศเดิมที่มองไปทางด้านขวาแล้วจะเห็นขุนเขาแบบเดิม ดูแล้วก็สดชื่นมาอีกครั้ง


จากสะพานข้ามลำธารก็มาเจอร้าน soft cream ชาเขียวเลย ร้านนี้ใช้ตัวการ์ตูนสนู๊ปปี้ (Snoopy) เป็นสัญลักษณ์ของร้าน โดยถ้าเดินไปอีกก็จะเป็นส่วนของร้านขายอาหารครับ ไม่ได้มีแค่ร้านขายไอศครีมอย่างเดียว


นี่ไง ตกแต่งด้วยตุ๊กตาสนู๊ปปี้อย่างใหญ่ พร้อมนั่งอยู่ในร่มด้วยน้าาา เข้าไปสำรวจข้างในสักนิดดีกว่า


ก่อนทางเข้าร้านก็จะเจอกับการตกแต่งตัวสนู๊ปปี้ที่นั่งเชื้อเชิญแขกให้เข้าไปข้างใน ในจานเป็นไอศครีมหรือลูกชิ้นเนี่ย ดูไม่ออกจริงๆ เหมือนกับว่าจะเปิดไฟเรืองแสงหรือเปล่าน้าเห็นมีปลั๊กไฟอยู่ด้านหลังด้วย


พอเดินออกมาหน่อยทางด้านซ้ายมือก็จะมีซอกทางเดินให้เราเดินวนไปเลือกซื้อของตามร้านต่างๆอีกครับ เรียกได้ว่าเยอะจริงๆ เลือกเดินเข้าไปก็เพราะโคมไฟสีแดงหลายๆโคมที่เปิดไฟล่อยามโพล้เพล้พอดีครับ ได้บรรยากาศโคมญี่ปุ่นพอดีเชียว


อันนี้ถ่ายมาให้ดูว่ารูปปั้นนี้ถูกกาละเทศะหรือเปล่า?? ตอนถ่ายก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเอามาลงก็เลยแปลกใจว่าเหมาะสมหรือไม่นะครับ เหมือนกับเป็นรูปปั้นของเณรหรือพระก็ไม่ทราบได้ หรืออาจจะมีความหมายอื่นอีกผมก็ไม่ทราบจริงๆ ถ้าใครรู้ก็ช่วยแจ้งบอกผมด้วยครับ กลัวตัวเองจะเข้าใจผิดเจตนาของรูปปั้นนี้ไป


ยังติดใจกับโคมไฟทั้งสีแดงและสีขาว ทรงกลมและทรงกระบอก ชอบจริงๆเลย


ตรงนี้มีม้านั่งใต้ต้นเมเปิ้ลแดงให้นั่งพักผ่อนเมื่อยามเมื่อยล้าด้วยนะครับ พอดีจริงๆกับใบเมเปิ้ลที่กำลังเป็นสีแดง แต่น่าเสียดายมีแค่ 2 ต้น ยังไม่จุใจเท่าไหร่ แต่อย่างไรเสียเราก็เก็บภาพใบไม้แดงที่มีแบบน้อยนิดมาตลอดครับ


ซูมใกล้ๆหน่อยซิ วันนี้วันที่ 3 แล้ว ยังไม่เจอใบไม้แดงแบบเต็มๆซะทีเลย เข้าใจว่าพื้นที่เกาะคิวชูยังเปลี่ยนสีหลังกว่าชาวบ้านเขาอยู่ งั้นลุ้นๆวันต่อๆไปกันหน่อยละกัน


เดินมาเจอกับร้าน 2F Coffee ครับ ร้านแปลกและตกแต่งแหวกแนวมากๆ คล้ายๆ เรือนกระจกเลยแฮะ งั้นเข้าไปดูภายในร้านกันหน่อย


ด้านในชั้นล่างก็จะขายของที่ระลึกที่ทำจากไม้ครับ สวยงามดีแต่ราคาแพงใช้ได้เลย เห็นเจ้าหน้าที่บอกอะไรสักอย่างกับเอ๋ ก็เลยไปถาม เขาบอกว่าห้ามถ่ายรูปครับ แต่ผมถ่ายมาแล้ว 555 ตอนแรกว่าจะแวะทานกาแฟร้านนี้ซะหน่อยอยู่ชั้น 2 พอบอกว่าห้ามถ่ายรูปเลยหมดอารมณ์เลยครับ แหม...ร้านไหนๆตลอดทั้งทางก็ถ่ายได้หมดแต่ทำไมร้านนี้ห้ามถ่ายนะ แปลกมากๆ เราเลยค่อยๆเดินจากไป


ในที่สุดก็มาเจอกับทางเข้า Yufuin Floral Village ครับ ไม่เสียเงินเข้าตามมาเล้ยยย


ร้านแรกติดธงชาติอังกฤษแนวแอนธีคๆ มีของสะสมโบราณด้วยครับ


เดินมานิดก็จะเจอกับภาพวาดใส่กรอบวางโชว์และจำหน่ายอยู่ครับ


ห้องแสดงภาพ Gallery Alice's Tearoom (มันมาจากหนังอลิซในดินแดนมหัศจรรย์หรือเปล่าครับ)


โอ้ว...เครื่องเล่นสมัยเก่า ต้องสอดมือเข้าไปแล้วคำทำนายจะออกมา เห็นแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Big ที่ทอม แฮงค์แสดง ใครยังพอจำได้มั่งครับ รู้อายุเลยนะเนี่ย


ขอนั่งพักสักครู่ค่ะ


บริเวณนี้จะสร้างเป็นบ้านๆ เรียกว่าบ้านสัตว์ หรือ Animal land ของผมก็ต้องบ้านหลังแรกเลย บ้านกระต่ายครับ


ส่วนบ้านหลังนี้ บ้านนกฮูกจ้าาา Fukurou


หลังนี้หล่ะ...ของแม่มดหรือเปล่านะ?? เห็นมีไม้กวาดอยู่บนป้าย เอ๊ะ...น่าจะใช่นะ เพราะมีเจ้าแมวดำโดนขังอยู่ในกรงนกด้วย


เดินอ้อมมาด้านหลังจะเจอกับเป็ดเล่นน้ำในบ่อเล็กๆหน้าทางเข้าไปดูนกฮูกตัวจริงด้วย จริงๆมีเป็ด 3-4 ตัวนะครับ แต่ถ่ายมาแค่ 1 ตัวเน้นๆ


เงยหน้าขึ้นจกาบ่อน้ำก็จะเจอกับเจ้านกฮูกที่แอบมองมาด้วยหล่ะ เห็นมันแอบมองคนทุกครั้งก็น่าสงสารครับ ขาดอิสรภาพ โดนขังอยู่ในกรง ซึ่งถ้าต้องการดูและสัมผัสกับมันจริงๆต้องเข้าไปและเสียเงินค่าตั๋วครับ


ตรงนี้เป็นร้านคิตตี้จ้า เอาใจคนชอบเจ้าแมวคิตตี้อย่างสุดๆ เอ๊ะ...ตกลงคิตตี้เฉลยมาแล้วไม่ใช่แมวใช่มั้ยเนี่ย???


ข้างๆกันด้านขวามือจะเป็นร้าน X'Mas Store ขายของฝากธีมคริสมาสต์ครับ


ได้เวลาออกประตูฝั่งถนนอีกด้านแล้ว ถือว่าสุดถนนพอดีเลย อย่าลืมนะครับ มายูฟูอินก็มาแวะเดินเล่นที่ Floral Village นี้ได้


ดูเวลา ณ ตอนนี้ 16.50 น. แต่แดดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ใกล้มืดเต็มทีครับ ข้อที่อยากจะบอกคือ มาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าหนาวใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้ ต้องวางแผนการเที่ยวให้เร็วตั้งแต่เช้าตรู่จะได้เที่ยวได้เต็มที่ เพราะถ้ารอช่วงบ่ายหรือเย็นแสงก็จะหมดไปแล้ว ถือว่าได้เที่ยวในแต่ละวันน้อยลงไป 1-2 ชม.เลยครับ


เรายังคงเดินต่อไปตามถนนที่เลี่ยวมาทางขวามือเรื่อยๆ ไม่ได้กลับไปที่ถนนคนเดินเส้นเดิม เจ้าหมีคุมะม่อนก็ยังเป็นพระเอกอยู่แถบบริวเณนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่จังหวัดคุมาโมโตะแล้วก็ตาม ที่นี่คือจังหวัดโออิตะต่างหาก


ของฝากมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย ใครชอบชิ้นไหนร้านไหนเชิญเลือกได้เลยครับ ไปจ่ายเงินกันเอาเอง 555


โอ้ว...เราเจอร้านร่มบ่อสร้าง เอ้ย...ร่มยูฟูอินอีกร้านเข้าให้แล้ว แม่กับน้องกำลังเดินเข้าไปดูของภายในร้านอยู่ นึกไม่ถึงว่าร่มสวยของญี่ปุ่นก็มาจากหมู่บ้านยูฟูอิน หมู่บ้านโอท็อปแห่งนี้ด้วยเหมือนกันนะครับ


เดินมาตามถนนเล็กๆเรื่อยๆ มีโค้งบ้าง เห็นใบไม้เปลี่ยนสีอยู่รำไร แม้ว่าจะน้อยแต่ก็ชื่นใจทุกครั้งที่เห็นครับ


เดินเข้ามาจากถนนเล็กน้อย ตรงนี้จะเป็น Retro Motor Car Museum หรือพิพิธภัณฑ์แสดงรถยนต์โบราณนั่นเองครับ ถ้าไม่บอกสถานที่คงไม่คิดว่าที่ญี่ปุ่นนะครับ


ตรงนี้เป็นร้านขายเหล้าสาเกครับ เห็นมีคนมาชิมกันพอควรเลย


และเราก็เดินผ่านใบไม้เปลี่ยนสีอีกแล้ว อย่างที่บอกไว้ว่า แม้เพียงต้นสองต้นเราก็ตื่นเต้นดีใจกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนครับ อิอิ


เลยได้เป็นจุดแบล็คกราวน์เพื่อถ่ายรูป


ใกล้มืดเต็มทนแล้วครับ เราเลยไม่ได้ไปที่ทะเลสาบของยูฟูอิน Kinrinko lake ที่สวยงามไม่แพ้ภูเขาที่รายรอบหมู่บ้านนี้ไว้


เพื่อไม่ต้องเดินย้อนเส้นทางเดิม เลยใช้เจ้า Google map นำทางกลับที่พักครับ เราเดินเลียบลำธารหรือคูน้ำตามลูกศรไปครับ ไม่หลงแน่


เรามาโผล่อีกที่ที่ถนนคนเดินครับ เห็นซูเปอร์มาเก็ต A-COOP อันโด่งดังของญี่ปุ่นเขา เลยเดินเข้าไปเลือกซื้อของกันก่อนกลับที่พัก


ซาชิมิใส่แพ็คลดราคา 500 เยนเท่านั้น งั้นซื้อไป 1 กล่องดีกว่า ไว้ทานเล่นๆ


ของสดได้แล้ว ก็ต้องดับคาวด้วยเบียร์เย็นๆของญี่ปุ่น มีให้เลือกหลากหลายจนงงกันไปข้างหนึ่ง สุดท้ายเลือกแบบ Super Dry และ Original ของ Asahi อย่างละ 1 กระป๋องครับ


เดินกลับเอาของไปเก็บที่ห้องแล้วลงมาหาร้านอาหารทานมื้อเย็นกันต่อ ร้านมีให้เลือกไม่เยอะแล้วเพราะปิดไปบ้าง(จะรีบปิดไปถึงไหนกันนะ) ได้ร้านนี้ครับ ดูเมนูอย่างเดียว ก่อนหน้านี้แวะไปถามอีกร้านปรากฎว่าเขาไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ เลยกลัวจะสั่งผิดๆถูกๆ เลยไม่เอา


ปรากฎว่า ร้านนี้แม้มีเมนูภาษาอังกฤษก็จริงแต่คนรับออร์เดอร์เป็นญี่ปุ่นก็ไม่เข้าใจในเมนูตัวเองเหมือนกัน สุดท้ายสั่งไปสั่งมาได้มาแค่ 1 อย่าง เพราะที่เมนูที่เหลือคุยกันไม่รู้เรื่องครับบบ มาญี่ปุ่นต้องทำใจเรื่องการสื่อสารเอามากๆ
จะบอกว่า อากาศขณะนี้หนาวไม่หนาวดูกันเอาเองเถอะโยม เพราะต้องจุดฟืนผิงไฟกันเลยทีเดียว หนาวครับ ได้ไฟก็อุ่นดี


เมนูที่สั่งไป 1 อย่างของผมและจ๊ะเอ๋มาเสริฟแว้ววว พร้อมกับฉลองวันเกิดคนรู้ใจไปด้วยในตัววันนี้เลย อิอิ HBD จ้า


ชื่อเต็มๆเรียกว่าอะไรไม่รู้นะครับ เป็นแบบทอดกะทะ เนื้อหอมๆ ทานกับข้าวสวยญี่ปุ่นอร่อยเหาะ อิอิ


แต่เมื่อทานเสร็จจะแวะไปหาร้านอื่นก็เป็นจังหวะที่ฝนตกมาปรอยๆ ร้านรวงก็น่าจะปิดไปเยอะด้วย เลยเดินกลับที่พักกันครับ กลับมาถึงที่ห้อง ก็มาต่อกับซาชิมิและเบียร์ที่ซื้อมาครับ เป็นหลักประกันว่ามื้อนี้ต้องอิ่มแน่นอน! แต่ซาชิมิที่ซ์้อมาก็ไม่ได้อร่อยเลยนะครับ จืดๆ เนื้อไม่นุ่มเท่าไหร่


วันนี้วันที่ 3 ของทริป อาการโรค AS ผมเริ่มออกมาแล้วหล่ะ เพราะเดินเยอะเหลือเกิน เลยไม่ได้ไปเดินสำรวจออนเซ็นของโรงแรม ให้จ๊ะเอ๋ไปถ่ายรูปมาคนเดียว เป็นดังภาพครับ ใครจะมาพักก็สามารถใช้บริการได้เลย ว่างแน่นอน


อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จก็มาลองชุดยูกาตะกันบ้าง เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ขอเป็นคนญี่ปุ่น 1 คืน คริคริ

แล้วคืนวันที่ 3 ณ หมู่บ้านยูฟูอินก็จบลงด้วยดี วันนี้ก็ประทับใจหมู่บ้านเล็กๆ บรรยากาศชนบทที่แสนจะรื่นรมย์ อากาศเย็นสบายถึงหนาวในตอนกลางคืน เสียดายที่เวลามีเพียงแค่นี้จริงๆ หวังว่าครั้งต่อไปคงมีโอกาสได้มาเยือนอีกนะครับ แล้วพบกับการเดินทางในวันรุ่งขึ้นต่อไป โดยเราจะบอกลาเกาะคิวชูแห่งนี้ขึ้นเหนือไปเมืองฮิโรชิม่ากันครับ

สรุปค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ารถไฟ JR ถ้าจ่ายเงินเอง เพื่อเก็บไว้เปรียบเทียบกับ JR Pass ที่ซื้อมาครับ

ค่ารถไฟ JR ประจำวันที่ 2
1. ขบวน SHINKANSEN TSUBAME 306 จาก KURUME --> HAKATA
ค่าใช้จ่ายรวม = ค่าตั๋วรถไฟ + ค่าที่นั่ง(จอง)  
                = 740 + 1550 = 2,290 เยน
2. ขบวน LTD. EXP SONIC 7 จาก HAKATA --> BEPPU
ค่าใช้จ่ายรวม = ค่าตั๋วรถไฟ + ค่าที่นั่ง(จอง)
                = 3670 + 1690 = 5,360 เยน
3. ขบวน LTD. EXP YUFU 4 จาก BEPPU --> YUFUIN
ค่าใช้จ่ายรวม = ค่าตั๋วรถไฟ + ค่าที่นั่ง(จอง)
                = 1110 + 1130 = 2,240 เยน
รวมค่าใช้จ่ายรถไฟ JR = 9,890 เยน <--- 2 วันแรกค่าตั๋วรถไฟก็เกินครึ่งของราคา JR Pass แล้วครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น