วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ประเมินการลงทุนครึ่งปีแรก2567 (1H FY2024) ของตัวเองเทียบกับ SET Index

#ประเมินการลงทุนครึ่งปีแรก2567 (1H FY2024) ของตัวเองเทียบกับ SET Index

#เกริ่นนำ
เราคงได้ยินกันหนาหูว่าดัชนีหุ้นไทยต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงใด นับจากปีที่แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นกลับมาได้สักที ทำนิวโลว์แล้วนิวโลว์เล่า หักปากกาเซียน(นักวิเคราะห์)ไปกี่คนแล้วก็ไม่รู้ รอดอยู่คนสองคน หนึ่งในนั้นคือลุงโฉลก 555 ที่แกทำนายว่า เสด(อ่านลากเสียงยาวๆใช้ ส.เสือ ไม่ใช่ ซ.โซ่) จะลงไปต่ำกว่า 1400 แถมบอกไปโน่น 1100 -1200 จุดกันเลยทีเดียว

เอาหล่ะ กลับมาเรื่องของเรา(ของผมเอง) ปีที่แล้ว(2023) กระอักเลือดมากๆ คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกัน หุ้นไทยลงมา 15% ใครได้กำไรปีที่แล้วนี่คือสุดยอดซึ่งก็มีไม่เยอะนัก ไอ้เราก็คนส่วนใหญ่ซะด้วยสิ พอร์ตผมขาดทุนไป 19% มากกว่า SET ซะอีก แต่คิดในแง่ดีหลายคนขาดทุนเยอะกว่าผมมากๆ จากการถือคติ #ไม่ขายไม่ขาดทุน เช่น EA, ตระกูล J, COM7, BANPU, etc. ขนาดผมเล่นหุ้นพื้นฐานดีๆ กำไรหลักหมื่นล้านต่อปีแล้วนะ ยังไปไม่เป็นเลย นับประสาอะไรกับหุ้นซิ่งหรือหุ้นวัฏจักรแบบที่เอ่ยมา
นั่นแหล่ะครับทำให้พอร์ตผมขาดทุน 7 หลัก ผมรู้สึกตัวว่ามันไม่ใช่แล้ว กะเอาคืน มันก็เอาเราคืนแทน จนเลิกเล่นหุ้นไทยช่วงหลัง XD SCB ที่ J.P. Morgan ออกข่าวให้เป้า SCB 98 บาท(อยากเขียนต่อแต่ไปคิดเอาเองละกันว่าเขาเล่นอะไรกันสำหรับโบรคตปท.พวกนี้) SCB ก็ดิ่งแบบ #ไม่ใช่มะม่วงก็ร่วงได้ จนต่ำ 100 บาท เฉย ไปหยุดที่ 95.50 บาท ซึ่งผมเห็นว่าผิดปกติตั้งแต่ก่อนจะ XD แล้ว แต่ยังเชื่อมั่น จนสุดท้ายต้องคัทตอนมันลงมา 108.50 บาท ซึ่งก็โชคดีอีกที่พอคัทแล้วมันลงไปต่ำ 100 และ ต่ำสุด 95.50 บาทตามที่เล่าไป

ผมโยกเงินที่เหลือเข้ากองทุนเวียดนามอีกครั้ง เพราะเห็นว่าน่าจะขึ้นได้อีกเยอะ โดยเข้าแบบเซฟๆคือทะยอยเข้าแต่ก็หลักแสนบาทนะ ช่วงแรกๆเลย เห็นกำไร 2.2 หมื่นบาท(UNREALIZED) ต่อมาปรากฎว่า มันไล่เม่าที่ใจอ่อนอย่างผมได้อีกครั้ง หลังเข้าไปจนทุนเกือบหมด มันลงซะ 2-3 % ใน 2-3 วันต่อจากนั้น การมีวินัยทำงานอีกครั้ง คัทสิครับ พอคัทได้ไม่ถึงอาทิตย์มันก็เด้งใส่หน้าให้ดู ก็ถือว่าดวงไม่ดีละกัน เพราะมันก็ออกได้ 2 หน้า ถ้าลงต่อเราก็เซฟเงินต้นได้ ถ้าเด้งขึ้นเราก็ขาดทุนโดยไม่ได้เอาคืน

ช่วงนั้นกังวลใจมากๆ ทุนหายไปอีกแล้วขนาดเซฟและระวังมากๆแล้วนะ ช่วงนั้นมันปลายต.ค. ต่อไปพ.ย. 2023 ผมเดาทางผิดว่า ระหว่างตลาดหุ้นเมกาที่สูงมากแล้ว กับตลาดหุ้นเวียดนามที่ลงมาพอควร เข้าตลาดเวียดนามน่าจะเซฟสุด แต่ผลเป็นอย่างที่เห็น ตรงกันข้าม หุ้นเมกาจากที่ปรับฐานลงมาตั้งแต่ก.ย.จนถึงต.ค. พอ FED คงดอกเบี้ยครั้งแรกนั้น มันก็รีบาวนด์ยาวๆให้ชาวโลกเห็นเลย ผมพลาดจังหวะสำคัญอีกแล้ว ได้แต่ดูว่าหุ้นเมกาจะเด้งได้ไกลแค่ไหนก็สายไปจริงๆ เข้าไม่ทัน แหยงๆจากกองทุนเวียดนาม เลยทำให้พลาดทั้ง 2 ตลาด มิหน้ำซ้ำยังกลับมาเล่นหุ้นไทยเฉย 555 นี่คือเกริ่นคร่าวๆปี 2023 แค่นี้ละกัน

วันที่ 28 ธันวาคม 2023 คือวันเทรดวันสุดท้ายของตลาดหุ้นไทย และเป็นวัน Reference ในกราฟนี้ด้วย คือเริ่มนับ 0% นั่นเอง เอาหล่ะ ต่อไปจะเป็น SWOT Analysis สำหรับการลงทุนในครึ่งปีแรก 2024 แล้วนะครับ

ปี 2024 ต้องไม่ผิดพลาดซ้ำเดิมอีก เอาประสบการณ์จากปี 2023 มาแก้ไข จากที่แต่ก่อนลงทุนในหุ้นไทย 100% คราวนี้แยกเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆบ้างแล้ว จริงๆก็ทำมาตอนปลาย ก.ย. 2023 ที่เข้ากองทุนแต่จังหวะยังไม่ดี และเริ่มเทรดหุ้นเมกาจาก DRx บน Streaming และ app นึงที่เทรด realtime ช่วงธ.ค. 2023 เช่นกัน โดย DR เริ่มเทรดช่วงปลายมี.ค. เน้น DR เวียดนามเหมือนเดิม ส่วนทองคำที่เพิ่งมาลองเทรดปลายเม.ย. ปีนี้ ดังนั้น ถือว่าครบสินทรัพย์ที่ลองกระจายการลงทุนแล้ว ไม่กระจุกเพียงหุ้นไทยอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน

#SWOT_Analysis
S : #Strength #จุดแข็ง
แน่นอนว่าต้องยกให้กับวัคซีนกับการเล่นหุ้นปีที่แล้วเลย ไม่ได้วัคซีนตัวนี้(ประสบการณ์ขาดทุนหนักปีที่แล้ว) ปีนี้ที่หุ้นไทยยังตกคงไม่รอดอีกตามเคย วัคซีนได้ผลมั้ย? ราคาแพงตั้ง 7 หลัก แต่มันโคตsได้ผลเลย คุ้มค่ากับการจ่ายไปจริงๆ(แต่น่าจะลดให้กว่านี้หน่อยนะ) ด้วยดัชนีหุ้นไทย YTD -8.xx % แต่พอร์ตลงทุนผมโต 2.9% อั้ยยะ...เหลือเชื่อ! ยกตัวอย่างก็เช่น ผมจับจุดแนวรับแนวต้านหุ้นขวัญใจผมคือ SCB ได้อย่างค่อนข้างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ! พอหุ้นไปอยู่ราคา 105.5 บาทแล้วผมไม่เข้าซื้อเด็ดขาด และใช้คติ #เย็นให้พอรอให้ได้ ใช้ได้อย่างดีเลย พอตกลงมาย่าน 104.5 ราคาที่ตั้งไว้ 30 วันก็ทำงาน แมทช์ไปตามการวางแบบสามเหลี่ยมหรือบอลลูนหัวคว่ำ คือวางจำนวนหุ้นเยอะไว้ในราคาที่ต่ำลงไปเรื่อยๆนั่นเอง อีกข้อผมว่าสำคัญมากคือ การใช้ฟีเจอร์ ตั้งราคาซื้อขายแบบ DATE ระบุวันได้นานสุด 30 วัน คุณจะได้คิวแรกๆทั้งซื้อและขายได้อย่างไม่น่าเชื่อ(ซึ่งแต่ก่อนยังไม่รู้ว่ามีฟีเจอร์นี้เลยไปตั้งปลุกเวลา 17.05 น.เพื่อส่งคำสั่งให้เข้าคิวแรกๆในแต่ละวัน 555 ขำตัวเอง)

W : #Weakness #จุดอ่อน
ผมยังคงจับจุดเข้า/ออกไม่ค่อยแม่นอีกตามเคย แต่ดีขึ้นนะ ขยายความคือ จุดเข้า เข้าช้าไป เช่นตลาด HSI ฮ่องกง ขึ้นไปเป็นเดือนแล้วผมเพิ่งเข้าผ่านกองทุนจีน แต่ช่วงแรกกำไร 9000 บาทถือว่าโอเคนะ สุดท้ายโดนเอาคืนจากการที่แม้ขายหนีก่อนจะลงหนักทัน แต่ดันไปเจ้าใหม่ช่วงอาทิตย์แรกของมิ.ย. เพราะคิดว่ามันจะปรับฐานเสร็จแล้ว สุดท้ายไม้ใหญ่ที่เข้าก็ขาดทุนจนกำไรหายเป็นขาดทุนแทน แต่ก็คัทจนเสียหายไม่เยอะมาก ส่วนจุดออกจะบอกว่ายังทนรวยไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเกิดกับหุ้นทั้งไทยและเมกา ไทยก็ SCB ได้ทุนมาสวยๆต่ำๆ แต่ขายหมูไปบ่อยมาก เพราะภาพจำในปีที่แล้วมันยังติดตา เลยคิดว่า #ขายหมูดีกว่าติดดอย ซึ่งก็พอกล้อมแกล้มแก้ตัวไปได้ อย่าง SCB ล่าสุดรีบขายไปไม้แรกๆที่ราคา 106 ไม่ก็ 105.5 บาท โอเคมันได้กำไรแต่ไม่เยอะ ถ้าทนอีกนิดรอขาย 106.50 บาทจะดีงามเลย ซึ่งก็เดาตลาดไม่ถูกอีก
อีกข้อที่ขาดไม่ได้เลยคือ การทำผิดซ้ำที่ตัวเองก็รับรู้และตั้งกฎกับตัวเองแล้ว แต่ก็แหกกฎเองซะงั้น นั่นคือ หุ้นเมกาจะมีเรื่อง PDT(Pattern Day Trader) สำหรับพอร์ตที่ไม่ถึง 25,000 USD ถามว่ามีเงินใส่ลงไปถึงมั้ย? ตอบว่ามี แต่กลัวเรื่องอัตราแบกเปลี่ยนมากๆ ถ้าเผลอไปแลกบาทเป็นดอลบ์ในช่วงยาทอ่อนมากๆ คุณจะติดดอยอัตราแบกเปลี่ยนเลย กว่สจะรอกลับมาอ่อนอีกครั้งเป็น 6 เดือนหรือ 1 ปีทีเดียวซึ่งผมรอไม่ได้! เลยเจอ PDT บ่อย ซึ่งบอกกับตัวเองว่า วันไหนติด PDT ให้ลงน้อยๆ และลงหุ้นที่ไม่ค่อยผันผวนนัก มีประสบการณ์แย่ๆกับ NVDA ช่วงที่มีข่าวว่าไปละเมิดลิขสิทธิบทความอะไรสักอย่างในการเทรน AI โดยไม่ได้รับอนุญาต NVDA มันเล่นกลให้คุณดูเลยว่าใน 1 วันลงมา 7% ได้และลงมาต่อเนื่องหลายวันด้วย ผมวันนั้นเข้าไปเจอ PDT พอดี ได้แต่มองตาค้างว่าขาดทุน แต่ขายไม่ได้ และมันก็ดันเกิดขึ้นอีกกับหุ้นตัวเดิม สถานการณ์แบยเดิมๆเมื่อวันพฤหัส แล้ว เจ้า NVDA ราคาเปิด 139.xx USD หลังจากนั้นก็เป็นมะม่วงอีกแล้ว -6% และลงต่อในอีก 2 วัน รวม -15% ผมคัทไปแต่ -8.xx% เจ็บใจมากๆ ก่อนหน้ากว่สนะได้กำไร 1% จาก MSFT แสนลำบาก มาเจอ NVDA เอาไปหมดเลย จะไม่เกิดอีกในครั้งที่ 3 แน่นอน!

O : #Opportunity #โอกาส
ในตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีโอกาสอยู่เยอะพอควรครับ ผมโฟกัสแต่ 4 ประเทศคือ เวียดนาม อเมริกา ไทย จีน (เรียงจากน่าลงทุนสุดไปน้อยสุด) ส่วนอินเดีย และญี่ปุ่นมองว่าสูงไปแล้ว โอกาสดอยสูงมาก เลยไม่พิจารณา(เคยเล่นกองทุนอินเดียและญี่ปุ่นมาด้วยนะ)
เวียดนาม P/E ยังต่ำอยู่แม้จะสูงกว่าจีนฮ่องกงนิดๆ แต่มีข้อดีคือเขาจะเปลี่ยนจาก Frontier market เป็น Emerging market ในอีก 1-2 ปีนี้ แต่ก็ผันผวนใช่เล่น จำกลยุทธ์ง่ายที่ผมทำคือ ลงแรงๆวันไหนซื้อวันนั้น 50% ได้เลย และอีก 50% อาจรอในอีก 1-2 วัน ซึ่งไม่เกิน 1 อาทิตย์ยังไงก็ขึ้น แถมขึ้นแบบ V shape อีก คือซื้อไม่ทันแล้ว ให้ซื้อผ่าน DR บน Streaming จะ real time กว่าผ่านกองทุน แถมค่าธรรมเนียมก็ต่ำกว่ามากกกกกกก ตอนนี้ผมไม่ลงกองทุนแล้ว ค่าทำเนียน 1.5% คุณรอหุ้นมันขึ้น 1.5% คุณถึงจะได้แค่เท่าทุนแค่นั้น DR จับราคาต่ำของวันดีๆ แค่ปิดตลาดในวันนั้นพอร์ต DR ก็บวกแล้ว

T : #Threat #ภัยคุกคาม
ตอนนี้เกิดสงครามย่อยระหว่างประเทศบ่อย ที่เขาใช้คำหรูว่า ภูมิรัฐศาสตร์นั่นแหล่ะครับ ดูอย่างกราฟช่วงก่อนสงครามฮามาสกับอิสรเอลช่วงก่อนสงกรานต์บ้านเราและหยุดยาว จนมาเปิดตลาดวันที่ 17 เม.ย. ดูสิครับ กำไรหายทั้งพอร์ตผมและดัชนีหุ้นไทยเลย ควบคุมปัจจัยนี้ไม่ได้จริงๆครับ ต่อไปผมจะขายสินทรัย์ที่มีอยู่โดยเฉพาะหุ้นยกเว้นทองก่อนปิดสงกรานต์ ไม่เอาแล้ว

สรุปเลยละกันว่า SET ลงไป 8% นิดๆตั้งแต่ต้นปี แต่พอร์ตผมบวก 2% กว่า ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับผมนะ ไม่ได้วัคซีนจากปีที่แล้ว คงไม่รอดจนบัดนี้
ไว้มาดูกันอีกครั้งในการจบไตรมาส 3 หรือสิ้นปีไปเลย หนทางยังอีกไกลมากๆครับ เป้าผมคือเอาเงินที่ขาดทุนไปจากปีที่แล้วคืน แล้วอาจจะอยู่เฉยๆ หรือลงทุนไม่เกิน 10% ขำๆ เข็ดแล้วจร้าาาา




เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น