วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2562

ตุรกี...คนเดียวก็เที่ยวได้ ตอน 3.2 ไปดูม้าโทรจัน(Trojan Horse) "ม้าไม้เมืองทรอย" ที่อยู่เมืองทรอย(Truva) จริงๆ ตามมหากาพย์อีเลียดอันโด่งดัง สงครามเมืองทรอย


หลังจากได้ตั๋วรถบัสไปอิซเมียร์ในวันพรุ่งนี้แล้ว ก็เดินเท้าไปท่ารถตู้ที่จะไปเมืองทรอยในอดีตกันจริงๆซะที ไปตามเส้นทางที่ Google Map บอก ใช้เวลาเดิน 15 นาทีได้ เดินชิลล์ๆ แล้วก็รอรถตู้ที่นั่น รถใช้เวลา 30 นาทีก็ถึงเมืองทรอย(Truva) ใช้เวลาอยู่ในซากปรักหักพัง(The Ruins of Troy) ของเมืองทรอย 1 ชั่วโมงกว่า เป็นที่น่าเสียดาย ที่ออกมาก็พลาดเที่ยวรถกลับชานักกาเล่ไปประมาณ 20 นาที ทำให้ต้องรออีก 1.5 ชั่วโมงรถถึงจะมาอีกครั้ง ทรมานมากๆเพราะอากาศมันเริ่มหนาวเย็นเรื่อยๆ จนได้รถกลับมาเมืองชานักกาเล่อีกครั้ง แล้วเดินเก็บภาพตามซอกต่างๆของเมือง จนหิวข้าวก็เลยหาอะไรทานแล้วเข้าโรงแรมที่พัก ในใจกะว่าจะออกมาอีกโดยจะมาเก็บรูปม้าไม้เมืองทรอยที่อยู่ริมทะเลช่วงเปิดไฟ แต่เพราะปวดไหล่ขวาเหลือเกิน ไหล่คล้ายๆจะหลุด เลยทานยาแก้ปวดและหลับไม่ตื่นเลยจนถึงเช้า :(


ให้ดูเส้นทางการเดินเท้าจากโรงแรม Anzac ไปยังคิวรถตู้นะครับ ช่วงที่เดินมาริมคลอง/แม่น้ำ แล้วจะไปที่คิวรถตู้ Google มันมองว่าไม่มีทางเดินเลยย้อนไปด้านบน จริงๆม่ทางเดินตามภาพที่ถ่ายมาด้านล่างครับ


เดินไปตามซอยเล็กๆจะดีกว่าถนนใหญ่ คนไม่เยอะแถมไม่มีรถด้วย


แล้วผมก็ตัดไปเส้นที่เลียบคลองหรือแม่น้ำแบบนี้ (Çanakkale Çayı) จะได้เดินไปด้วย ชมวิวไปด้วย เขาทำทางเดินและที่ขี่จักรยานอย่างดีครับ


ไม่นานเดินไปแล้วตัดกับสะพานรถข้ามก็ให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอกับคิวรถตู้ หรือท่ารถ Minibüs Garajı ไปเมืองทรอยนั่นเอง เดินมาประมาณ 15 นาที แบบสบายๆนะครับ ส่วนมีรถเมล์มาหรือไม่ อันนี้ไม่รู้ ฮ่าๆๆ


รถที่จอดทางขวามือ หรือที่เขียวว่า Truva หรือ Troy ในภาษาอังกฤษนั่นเอง


เอาตารางเวลาไปกลับล่าสุดมาฝากครับ ทางซ้ายวันธรรมดา ทางขวาวันเสาร์อาทิตย์ ตอนนี้เวลา 13.19 น. นั่นคือ เที่ยวถัดไปที่รถจะออกไปเมืองทรอยคือเวลา 13.30 น. คอลัมน์ด้านขวามือนะครับ


ภายในรถ คนที่ขึ้นมาก็จะไปจ่ายค่ารถที่คนขับเลย ส่วนผมขอจ่ายตอนลงดีกว่า อิอิ


เส้นทางไปเมืองทรอยก็จะเป็นดังนี้ ห่างออกไปจากชานักกาเล่ 29.7 กม.ทางตะวันตกเฉียงใต้


ผ่านทุ่งหญ้าสวยงาม


แล้วรถก็มาจอดตรงด้านหน้าทางเข้า(Trojan Ruins) จุดซื้อบัตรผ่านเข้าไปข้างในพอดี ครั้งนี้ใช้เวลา 45 นาที ไปเสียเวลาตรงที่ไปส่งผู้โดยสารทางอื่น เลยต้องอ้อมไปนิดหน่อย ไม่ว่ากัน  อ้อ...ค่าโดยสาร 9 TL


ซื้อบัตรผ่านซึ่งราคา 35 TL แล้วก็เอาบัตรที่มี QR code(จะเป็นแบบนี้ทุกบัตรผ่านเข้าสถานที่ต่างๆในตุรกีนะครับ) ส่องกับตัวยิงสัญญาณ พอมันเป็นไฟเขียวก็กดผลักที่ตัวประตูกั้น เดินผ่านเข้าไปได้ครับ แต่ดูสิครับ เจ้าหมานอนสบายกันเกลื่อนเลย แถมไม่เสียค่าบัตรผ่านซะด้วยสิ


เดินเข้าไป ก่อนจะเดินตรงไปที่ซากปรักหักพัง ให้เลี้ยวขวาเข้ามาตรงนี้ก่อน นั่นคือ ม้าไม้เมืองทรอย นั่นเอง ม้าไม้ที่อยู่ที่เมืองทรอยจริงๆ


โชคดี ยังโล่งๆอยู่ ไม่มีคนเลย เลือกมุมได้สบายๆ


มาด้านเฉียงๆกันบ้าง แล้วก็สามารถเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวม้าได้ด้วยนะครับ เราจะเป็นชาวกรีกกัน ไม่น่าเชื่อนะครับ การกระทำของชาวกรีกโดยซ่อนม้าโทรจันแบบนี้ จะนำมาซึ่งชื่อไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Trojan virus ที่มีลักษณ์แอบแฝงมากับโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆเวลาดาวน์โหลดผ่านเว็บที่ไม่ได้คัดกรองแล้วแฝงมาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เรา ไปสร้างโน่นนี่ให้เจ้าของคอมพิวเตอร์เดือดร้อน


ไม่นาน เสียงคล้ายๆคนหลายๆคนก็ดังเข้ามา เหลือบไปดูที่หน้าทางเข้า เอ้ยยย...ทัวร์จีนครับพี่น้อง ผมกะจะเปลี่ยนเลนส์กับใส่ CPL แต่ ไม่มีเวลาแล้วจริงๆ งั้นเปลี่ยนแผน รีบขึ้นไปด้านบนตัวม้าโทรจันดีกว่า แปลงกายเป้นชาวกรีกแอบเข้าไปในเมืองทรอย อิอิ


นี่ไง....เผลอแป้บเดียวก็เข้ามาข้างในชั้นบนของม้าโทรจันแล้ว ชั้นนี้ชั้น 2 มันมีชั้น 3 ด้วยนะครับ


นี่ไง ชั้น 3 ชั้นบนสุด จะแคบๆหน่อย มีคนกำลังโผล่ไปทักทายคนด้านล่างพอดี แล้วก็ได้เวลาลงไปแล้วครับ


รีบหนีทัวร์จีนมาที่ซากปรักหักพังของเมืองทรอย(The Ruins of Troy) ก่อนดีกว่า เจอทางแยก 2 ทางแบบนี้ไปทางขวาก่อนดีกว่าครับ ซึ่งเขาก็เขียนไว้ว่าให้เดินวนไปทางขวา แล้วเดินเป็นวงกลมออกมาทางซ้ายมือเอง


เดินไปชมวิวด้านบนเพื่อดู Overview สถานที่ก่อน


CPL แจ่มๆ ทำงานกับฟ้าโปร่งๆแบบนี้ได้ดีทีเดียวครับ เดินไปตามทางเดินทางขวานะครับ


มุมวนซ้ายตรงนี้ถือว่าวิวสวยมากๆครับ มีต้นไม้ใหญ่ทางซ้ายและด้านหน้าเป็นที่ราบโล่ง ฟ้าโปร่งเสียจริงๆ


จุดที่ 5a Citadel Wall เป็นจุดที่มีผ้าใบกันแดดและกันฝนให้ด้วยครับ ท่าทางจะพิเศษน่าดู ไม่อยากให้โดนฝนชะล้าง


กำแพงอะไรก็ไม่รู้ใกล้ๆกัน


ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆครับ ไม่รีบ คนไม่มีเท่าไหร่ เจอคนสองคน ทัวร์จีนเองก็ยังไม่มาที่จุดนี้ สบายๆ ณ จุดนี้ จุดที่ 5 Fotification Wall


จุดที่ 6 Aristrocratic Residence ฟ้าเข้มๆ


มาจุดที่ 7 The Schliemann Trench มีกิ่งไม้บังแดด สวยไปอีกแบบ


อันนี้จุด D Strata ค่อยๆ เดินอ้อมกลับแล้ว


จุดที่ 8 The Ramp


จุดที่ 10 Sanctuary


อีกมุมนึง


แล้วก็วนมาตรงนี้ ทางเดินไม้ตรงๆ ยาวๆ


เหลือบไปเจอเจ้ากระรอก ไม่มีเวลาเปลี่ยนเลนส์ เลย crop มาให้ดูกัน อ้วนน่ารักเชียว


จุดที่ 11 Odeion and Bouleuterion โรงละครอีกนั่นเอง ที่เห็นกลมๆด้านหน้า เป็นโลโก้ของเมืองทรอยครับ


แล้วก็วนกลับมาจนจะใกล้ทางออกแล้ว ที่เห็นคนเยอะๆน่าจะเป็นทัวร์จีนกำลังเข้ามาดู


พอมาถึงม้าไม้เมืองทรอยจำลองอีกครั้ง ทัวร์จีนอย่างเยอะ! ก็รอกันไป ให้พี่แกถ่ายให้หายมันส์กันก่อน หลังจากนั้นก็โล่งอีกครั้ง ใช้เลนส์ไวด์และ CPL ได้ในครั้งนี้


มุมด้านข้าง


ตรงนี้แมวเยอะมากกกกก นับได้ 9 ตัว แมวที่ตุรกีเยอะมากๆครับ

กำลังจะออกไปรอรถ ปรากฎว่า ดูนาฬิกาเวลา 15.19 น. โอ้ว....พลาดรถรอบ 15.00 น.ไป 19 นาที แล้วรอบต่อไปมันไม่ใช่ 16.00 น.ไงครับ มันกระโดดเป็น 17.00 น. เลย นรกแล้ว หนาวก็หนาว มีเสื้อ Fleece มาแค่นั้น เอาไม่อยู่ รอข้างนอกประตูก็ไม่เวิร์ค เลยจะเข้าไปนั่งด้านในใหม่อีกครั้ง ปรากฎว่าบัตรผ่านใช้ได้ครั้งเดียว สแกนไม่ได้ เลยไปสอบถอบเจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่ขายบัตรผ่าน เขาใจดีมากๆ ก็บอกไปว่า ผมพลาดรถเที่ยว 15.00 น. แล้วมาอีกทีอีก 2 ชั่วโมง เลยอยากจะขอเข้าไปนั่งรถด้านใน เจ้าหน้าที่ก็เอาบัตรใหม่ให้ครับ ต้องขอบคุณมากๆเลย ขอบคุณจริงๆ  รอไปเดินไปมา กระวนกระวาย ดูทัวร์หลายๆทัวร์ที่มาแล้วก็กลับรถทัวร์เขาไป ทัวร์แล้วทัวร์เล่า เฮ้ย...ตกลงรถจะมามั้ย ชักกลัวแล้ว จนปวดฉี่ด้วย กลัวไปห้องน้ำแล้วจะพลาดรถรอบ 17.00 น.อีก คราวนี้ซวยเลยนะ แต่ไม่พลาดครับ ออกจากห้องน้ำมา รอด้านหน้าประตู อีก 5 นาทีรถมาจอดพอดี คือจอดแบบแป๊บเดียว ดีนะที่มีชายหญิงคู่หนึ่งที่รอเหมือนกัน เลยวิ่งไปขึ้นเป็นคนที่ 3 แล้วรถก็แล่นออกไป โห....ลุ้นมากๆ คือถ้าตกรถเที่ยวนี้ 17.00 น. อีก เที่ยวต่อไป 19.30 น.เลยนะ


แล้วรถก็มาจอดที่ที่จอดรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเหมือนเดิม ขากลับมันบ่าย 5 โมงไงครับ รถติดมากกก มาถึงเกือบๆชั่วโมงนึงนะครับ แต่ฟ้ายังสว่างอยู่ ที่นี่พระอาทิตย์ตก 2 ทุ่มครับ เดินมาเจอร้านขายปลาสดๆ ดูสะอาดสะอ้านดี หลายร้านขายกันเรียงรายเลย ชอบร้านไหนซื้อร้านนั้น


เดินมาเจอคนขายาว อิอิ คล้ายๆในละครสัตว์


เดินผ่านอนุสาวรีย์ใครสักคน คงเป็นคนสำคัญของชาวชานักกาเล่


และนี่ แผนที่สมัยยุคโบราณ ทำออกมาเป็นแบบนูนต่ำ สวยดีครับ เห็นที่นี่ที่แรก


ส่วนอันนี้อะไรไม่รู้แฮะ


ปืนใหญ่อยู่ริมถนนเลยจร้าาาา


ผมยังไม่กลับเข้าโรงแรมครับ เดินมาทางเดินเลียบท่าเรืออีกครั้ง นี่เลย ที่เคยบอกไปตอนแรก มีรถมารับบริจาคโลหิตครับ ไม่ติดว่าต้องเดินทางก็จะบริจาคนะ แต่จริงๆคนละเชื้อชาติก็ใช้กันไม่ได้หรอก มันไม่เหมือนกัน


มาเดินเลียบทะเลมามาร์ร่า หรือทะเลอีเจี้ยนกันนะ จริงๆมันคือช่องแคบดาร์ดะเนลส์ครับ บรรยากาศตอนนี้สวยงามสุดๆ ดูริ้วเมฆตรงข้างหน้าสิครับ สีฟ้าสวยงามมากๆ


ด้านขวาก็จะเป็นร้านอาหารและร้านคาเฟ่/ไอศครีม ราคาแรงเอาการครับเพราะทำเลดีมากๆ ได้แต่เดินผ่านไปก่อน


ตรงนี้ที่จอดเรือและจักรยาน ตั้งใจจะให้ติดคุณลุงที่กำลังขี่จักรยานมานะครับ


ด้านขวาของถนนเป็นพิพิธภัณฑ์ชานักกาเล่ครับ จริงๆจะรอให้ชาย 2 คนไปก่อน แต่ไม่ไปสักที เลยถ่ายติดมาด้วยก็ได้


ฝั่งนี่ก็จะเป็นม้าไม้เมืองทรอย ริมทะเลกันอีกครั้ง ณ ตอนนี้แดดร่มลมตก คนก็เยอะแยะ ตั้งใจว่าจะออกมาอีกครั้งตอนกลางคืน กะจะเก็บภาพตอนเปิดไฟ คงสวยไปอีกแบบ เพราะมีโอกาสเนื่องจากโรงแรมก็อยู่ใกล้ๆ


เอาหล่ะ..........ตกลงคือวันนี้ได้ไปดูม้าโทรจัน(Trojan Horse) หรือ ม้าไม้เมืองทรอย เรื่องราวที่โด่งดังจากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ทั้ง 2 สถานที่ด้วยกัน ตัวแรกด้านซ้ายมืออยู่ริมทะเลหรือท่าเรือชานักกาเล่ เป็นตัวที่ทางฮอลลีวู้ดมอบให้กับเมืองชานักกาเล่หลังเสร็จสิ้นหนังเรื่องทรอยในปี 2004 และอีกตัวทางด้านขวามือ เป็นตัวที่อยู่ที่ทางเข้าเมืองทรอยจริงๆ แต่ทั้ง 2 ตัวก็เป็นตัวที่สร้างขึ้นมาจำลองนะครับ เอามาเปรียบเทียบในภาพเดียวว่าชอบตัวไหนมากกว่ากัน?


หิวแล้วครับ เดินหาร้านอาหารถูกใจและถูกกระเป๋าสตางค์ยังไม่เจอเลย ผ่านร้านตัดผมร้านนี้ครับ HAIRPORT คือชอบการตั้งชื่อร้านมากๆ แค่ใส่ตัว H นำหน้า Airport ก็ได้อีกคำเก๋ๆแล้ว


เดินเลียบท่าเรือครับ อย่าแปลกใจเพราะที่นี่เราจะเจอคนตกปลาอยู่เต็มไปหมด ฝั่งโน้นไกลๆคือฝั่งยุโรปนั่นเอง


แล้วก็มาหยุดยืนที่จุดนี้ ด้านหลังหอนาฬิกา ณ ตอนนี้เวลา 18.41 น. เข็มนาฬิกามันไม่ตรงนะครับ แปลกมากๆ ทำไมไม่มีคนไปทำให้มันเดินตรงๆ


กลับหลังหันจากหอนาฬิกาแล้วเข้าร้านอาหารนี้เลย สั่งจานนี้ไป อะไรก็ไม่รู้เพราะดูจากรูปน่าจะทานได้สุดแล้ว หลังจากลองชิมก็อร่อยนะครับ กลมๆสีแปลกๆคือเนื้อบดแล้วเอาไปทอดครับ อร่อยดี จานนี้สนนราคา 21.50 TL


พอทานเสร็จ เขาก็จะเอาพวกลูกอมหรือสมุนไพรที่ดับกลิ่นปากมาให้ พร้อมกับที่ใส่ใบเสร็จแบบแปลกใหม่ ใส่ในกล่องไม้แบบนี้ มาวางครั้งแรกงงเลย คืออะไร(วะ) พอเปิดดู อ๋อใบเสร็จค่าอาหารนั่นเอง

หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับห้องพักครับ ใกล้นี่เอง แต่จริงๆมันยังไม่อิ่มอ่ะ เดินผ่าน 2-3 ร้านว่าจะกลับลงมากินอีก แล้วก็ขึ้นห้องไปนอน ปรากฎว่า ปวดไหล่ขวามาตลอดทั้งช่วงบ่ายหลังจากวางกระเป๋ากล้องลง กระเป๋ากล้องก็ส่วนหนึ่ง แต่ทำไมปวดแค่ข้างขวาข้างเดียว แถมปวดแบบคล้ายไหล่จะหลุดเอาให้ได้ ปวดมากๆ ไม่ใช่แบบปวดกล้ามเนื้อธรรมดา เลยรีบเอายา Aroxcia มาทาน แล้วรีบนอน กะว่าจะตื่นลงมาหาอะไรทานอีก และไปถ่ายม้าไม้เมืองทรอยตอนเปิดไฟ เวลาผ่านไปก็ตื่นนะครับ รู้สึกจะ 3 ทุ่มกว่าๆได้ แต่ยังคงปวดไหล่มากกว่าเดิมขยับไม่ได้ แถมอากาศเย็นอีก ถือคิดในใจว่า ถ้าขืนยังลงไปเจออากาศเย็นๆ และยังปวดไหล่ขวาแบบแทบไหล่จะหลุดแบบนี้คงอาการหนักกว่าเดิม เลยยอมตัดใจไม่ลงไปไหนแล้วนอนต่อครับ เฮ้อ...คิดใจใจเริ่มทริปแค่ 3 วันก็ดูท่าจะไม่ดีซะแล้วทริปนี้ ทริปอื่นๆผ่านไป 2 วันปวดเข่า ซึ่งรู้ทันมัน ก็ทานยากันไป แต่ทริปนี้มาแปลก ปวดไหล่แทบจะหลุด ไม่มีอันไหนดีทั้งนั้น งั้นขอนอนพักผ่อนพร้อมยาไปหวังว่าจะคงบรรเทาไม่มากก็น้อยทันค่อยยังชั่วในเช้าวันรุ่งขึ้นละกันครับ ลาไปด้วยอาการปวดไหล่ขวาแบบแสนสาหัส


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น