วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562

ตุรกี...คนเดียวก็เที่ยวได้ ตอน 5.1 เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินแล้วต่อมินิบัสเพื่อไป "อลาชาตึ(Alaçatı) เมืองแห่งสีสันสดใสแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยน ชายฝั่งตะวันตกของตุรกี"


วันนี้ตามแพลนคือจะไปอลาชาตึ(Alaçatı) เขาว่ากันว่าเป็นเมืองแห่งสีสันสดใส(Colorful Town) ซานโตรินี่ก็ไม่ปาน อยู่ชายฝั่งตะวันตกของตุรกี ติดทะเลอิเจี้ยนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยน การเดินทางจะใช้บริการรถไฟใต้ดิน(Metro) และต่อด้วยรถมินิบัสไปลงอลาชาตึ อีกที เก็บภาพความสดใสของบ้านเรือนแล้วค่อยไปต่อที่เชสเม่(Çeşme) เมืองปลายสุดของชายฝั่งตะวันตกของตุรกี ถ้าไปต่อทางเรือก็จะเจอกับกรีซแล้ว โดยรถมินิบัสเช่นเดิม สมควรแก่เวลาจึงกลับอิซเมียร์เส้นทางเดิมเพื่อไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมแล้วไปขึ้นรถไฟธรรมดาที่สถานีบาสมาเน่ ไปลงสถานีเซลฉุกต่อไป

ปล. ตัวอักษร ç คือ c ที่มีหาง เป็นภาษาตุรกีนะครับ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ฉะนั้นเวลาอ่านจะออกเสียง ช หรือ ฉ ไม่ใช่ ซ เพราะไม่ใช่ตัว c ในภาษาอังกฤษ ผมเห็นเวลาเขียนเป็นไทย มาทั้งนั้น และสระ i ก็ไม่ได้ออกเสียง สระ   ิ แต่ออกเสียง สระ   ึ มาเขียนให้ถูกตามเจ้าของภาษานั้นๆออกเสียงกันเถอะครับ หรือฟังการออกเสียงได้ที่ link นี้ https://translate.google.co.th/#view=home&op=translate&sl=tr&tl=en&text=Ala%C3%A7at%C4%B1 คลิกลำโพงเพื่อฟังเสียงที่เขาออกเสียงจริงๆ


วันนี้ตื่นเช้าแต่ไม่มากนัก ลงมาทานอาหารเช้าที่ชั้นล่างของโรงแรมเวลา 8.10 น.


ไปตักอาหารมาเป็นจานที่วางตรงหน้านี้ สังเกตมีไข่ต้มด้วย


ทานอาหารเสร็จก็เช็คเอาท์ เอากระเป๋าลากใบใหญ่มาฝากไว้ที่ล็อบบี้ ไว้จะกลับมารับอีกครั้งช่วงเย็นๆ เดินออกไปเจอแมวนั่งหนาวขนพองอยู่พอดี บอกแล้วแมวเยอะมากที่ตุรกี


ซอยแคบๆนี้โรงแรมเยอะมากครับ แหล่งรวมโรงแรมเลยก็ว่าได้ ผมสงสัยว่า ทำไมยุโรปต้องทำถนนที่ใช้อิฐบล็อกแบบนี้มาปูกันจัง รถมันแล่นไม่นุ่มเลย ลากกระเป๋าก็สะเทือน



มาดูแผนที่เส้นทางที่เราจะเดินทางในตอนนี้กันก่อนดีกว่าครับ ดูกันคร่าวๆ เพราะ Google Map มันไม่สามารถแยกให้เลือกว่าใช้รถไฟแล้วไปต่อรถบัสได้เมื่อมีหลายจุดแวะพัก


เดินลงไปที่สถานีรถไฟใต้ดินตามที่ไปดูมาเมื่อวาน แต่เป็นสถานีบาสมาเน่ แล้วไปรอที่รางทางฝั่งซ้ายที่เขียน F.Altay


กดซื้อตั๋วไม่เป็นอยู่แล้ว(บัตร IstanbulKart ใช้ไม่ได้นะจ๊ะ) แน่นอนว่าเจอเจ้าหน้าที่ก็เลยให้แกช่วยซื้อให้ ธนบัตรตุรกีเสียบเข้าออกๆเกือบๆ 10 ครั้ง เพราะเครื่องมันไม่รับ นึกในใจขนาดคนตุรกีเองยังแบบนี้ เราเสียบเองคงงงแย่เลย สุดท้ายก็ได้มาครับ ราคาเที่ยวเดียว 11 TL อ้อไปลงสถานีสุดท้ายเลย Fahrettin Altay
ปล. Bilet ภาษาตุรกี แปลว่า ตั๋วหรือ Ticket นั่นเอง


เข้าไปในรถไฟ คนไม่แน่นแบบปลากระป๋อง แต่ก็ไม่ได้นั่ง ยืนไปก่อนครับ ผมใช้โหมดเงียบลองกดชัตเตอร์มา โอเคภาพชัดดี แต่เหมือนผู้ชายที่นั่งถือมือถือจะรู้ว่าผมกำลังถ่ายภาพหรือเปล่านะ อุตส่าห์ทำเป็นไม่มองเวลาถ่ายแล้วนะ


แล้วก็ได้นั่งครับ คราวนี้ลองแอบถ่ายแบบโหมดเงียบอีกครั้ง เพิ่งมาดูภาพ ทำไมเหมือนผู้หญิง 2 คนข้างหน้าจะรู้ว่าจะถ่าย หันมามองทั้งกล้องทั้งคู่เลยแฮะ แปลกจัง เสียงชัตเตอร์ก็ไม่ดังซะหน่อย


15 นาทีก็มาถึงสถานี Fahrettin Altay แล้ว ไวจริงๆ


เดินไปตามลูกศรที่ชี้ไปซ้ายมือ Terminal ปล. çıkış แปลว่า ทางออก


แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนตามนี้ไปเล้ยยย


โผล่มาบนดินก็จะเจอความยุ่งเหยิงแบบนี้เลย ป้ายรถเมล์แทบจะมาเทียบท่ากันเลยทีเดียว แต่จากข้อมูลมามันไม่ใช่ตรงนี้นี่ เพราะมันคือเดินทางไปอีกเมืองนึง ไม่ใช่ Fahrettin เลยเดินหาตาม Google Map


กว่าจะเดินมาถึงท่ารถ Fahrettin ตรงนี้ได้ ต้องถามคนถึง 3 คน พอดีเขาทำทางกันอยู่เลยแบบแปลกๆหน่อยกว่าจะหาเจอ รถที่จอดอยู่มีข้อความเขียนว่า Çeşme ด้านท้ายรถนั่นแหล่ะครับ สังเกตนะครับ ตัว Ç มีหาง ไม่ใช่ตัว C ในภาษาอังกฤษนะครับ เวลาอ่านเลยอ่าน ช ไม่ใช่ ซ


ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ว่าไปอลาชิตึมั้ย? คนขับตอบว่าใช่ ขึ้นรถเลย ก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งหน้าสุดอีกฝั่งของคนขับ พอมีอีกคนมานั่งอีก มันจะอึดอัดยังไงไม่รู้สิ


ค่ารถจ่ายเลยนะครับ 18 TL แพงกว่ารถไฟใต้ดินอีก 555 วิวตอนช่วงเลียบใกล้ทะเลสุด สีฟ้าเข้มเชียว


วิวโค้งนี้ก็สวยครับ กำลังลงเนินมองเห็นอาคารบ้านเรือนที่อยู่ไกลออกไป ทะเลด้านขวา และเกาะที่อยู่ไกลออกไปของแหลม


ในที่สุดรถก็มาจอดให้ลงที่ป้ายอลาชาตึ ในเวลา 10.18 น. ใช้เวลาเดินทางจากท่ารถ Fahrettin ประมาณ 1 ชม.ตามข้อมูลเลย แล้วก็เดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งครับ จะเจอกับกังหันลมอันนี้เป็นสัญลักษณ์อันดับแรกเลย จุดที่เดินสำรวจก็ถนนด้านข้างนี่หล่ะครับ ตรงไปเลย เดี๋ยวเราก็จะเจอกับบ้านที่ทำด้วยหินและการตกแต่งออกแนวสีสดใสฉูดฉาด


มาเจอกับร้านขายกังหันลมเป็นที่ระลึก มีเยอะมากๆเลย


ดูใกล้ๆก็จะเป็นแบบนี้ รีบถ่ายรีบเดินออก 555


เดินมาจนถึงทางแยก นี่เป็นทางซ้ายมือ ถ่ายไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยย้อนเดินมา เพราะจพไปทางขวามือก่อน


ได้เวลาเปลี่ยนเป็นเลนส์ไวด์ 10-18 mm. และพร้อมด้วย CPL ก็จะได้ภาพฟ้าเข้มๆแบบนี้ ชอบๆ


เดินเก็บภาพได้ไม่มีเบื่อเลย ที่นี่ถือว่ายังเช้าอยู่ 10 โมงเช้ากว่าๆเอง เพราะที่นี่คนจะมาช่วงค่ำๆ มาดื่มกัน ร้านรวงเลยว่างช่วงเวลาเช้าและกลางวัน นี่คือร้าน Greatness Iris Pub


เดินเข้าไปในซอกร้าน Greatness Iris Pub เจอจิตรกรรมฝาผนัง อิอิ สวยดีๆ


มาเจอมุมนี้เข้า ร้าน PICO ALAÇATI มีกระจกส่องคนเดินด้วย เลยแอ็คท่าถ่ายรูปตัวเองหน่อย แต่กระจกมัวๆ


อ้ายหยา....ฟ้าเข้มสะใจอีกแล้ว ร้าน Leblebili Meyhane เดิน 3 ก้าวถ่ายที แล้วเมมจะหมดมั้ย? อิอิ


Côté Cour อีกหนึ่งร้านอาหารและบาร์ ยังไม่เปิดนะจ๊ะ โน่น บ่ายแก่ๆ


เดินจนเกือบสุด โดยต่อไปมันจะเป็นลงเนินและทางมีฝุ่นเยอะ เลยไม่ได้ไปต่อ แต่ฉากหน้าคือกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า นานๆจะได้เห็นใกล้ๆแบบนี้ ภาพนี้ซูมเข้าไปนะครับด้วยเลนส์ 55-250 mm.


แล้วก็เดินกลับ เจอภาพวาดสวยๆอีกแล้ว มี 2 ชั้นคือ วาดบนผนังเลย ที่เป็นแบล็กกราวนด์ ส่วนรูปคนวาดเหมือนกัน แต่เป็นวาดบนไม้หรือกระดาษแล้วเอามาวางอีกที


คราวนี้เดินไปฝั่งซ้าย แล้วก็เดินไปซฮยไหนต่อไหนไม่รู้ มันเยอะมากๆครับ คือให้ถ่ายรูปไม่มีเบื่อละกัน ร้านี้ชอบตรงที่เขาเอากระสอบมาประดับด้านบน ไอเดียแปลกเก๋ๆดี


บาร์เบียร์อีกแว้ววว ตกแต่งแนวคาวบอย น่านั่งจัง


เดินมาโผล่ตรงนี้ แดดแรงจริงๆนะครับ แต่อากาศเย็น ที่เห็นคล้ายๆบ้านจัดสรร 2 ชั้นคือโรงแรมนั่นเองครับ Alaçatı Kayezta Butik Otel


แล้วก็ไปเจอกับคนที่เขาประมาูลเนื้อปลาสดกันครับ น่าสนใจมากๆ เนื่องจากเป็นเมืองชายทะเล ก็จะมีปลาเยอะแยะมาประมูลขายกัน (ไม่มีในแผนที่)


ใครนะช่างคิดไอเดีย เอาร่มสีแสบๆมาประดับบนเพดาน เริ่ดดดดด ร้าน Kumrucu Kale


เดินเก็บภาพอย่างสนุกสนาน เราจะสังเกตเห็นจักรยานเป็นอุปกรณ์ที่นำมาประดับบ้าน อาคารกันเยอะพอควรเลย เดี๋ยวจะเจอขึ้นเรื่อยๆ ตามกันมา


โทนสีฟ้าน้ำทะเลมาแรง โต๊ะต่างๆก็ถูกจัดเตรียมไว้รอช่วงบ่ายแก่ๆ ถึงจะมีนักท่องเที่ยวมากินดื่มกัน แต่ราคาแพงน่าดูชม


แล้วก็เดินมาย่านนี้ ออกจะโล่งนิดนึงเพราะด้านซ้ายจะไม่มีตึกแล้วช่วงหนึ่ง


 ร้าน Lila นี้ชมพูสดมากกกกก แถมมีแมวขนปุยนอนเลียขนอยู่ด้วย น่ารักน่าดู


ฟ้าไล่สีกันแจ่มมากๆ จากเข้มไปจาง


วิวตอนกลางคืนคงเปิดไฟกันสวยเลย เสียดายไม่มีโอกาสมาถ่าย Saki Alaçatı meyhane / otel


เกือบลืมบอกไป ผมเองก็ตระเวนหารูปที่คุณ Patches ถ่ายมาด้วย คืออยากรู้ว่าผ่านไปหลายปีจะยังเหลืออยู่มั้ย แล้วจะถ่ายในมุมใกล้เคียงกับเขาถ้าเป็นไปได้ อย่างภาพนี้เป็นต้น ลองเปรียบเทียบกับรูปในคห.5 ของกระทู้นี้ครับ https://pantip.com/topic/34069261 คือโรงแรม ALBA Otel


กลับมาที่ร้านนี้ Sakizli Han Hotel เป็นทั้งร้านอาหารและโรงแรม หน้าต่างทาสีเป็นสีโลหะทองแดงแบบรมควัน เก๋ดี จาก Google Map เพิ่มทราบว่าแต่ก่อนสีฟ้า


ตรงนี้สีม่วงจร้าาา เสน่ห์ของอลาชาตึ เขาหล่ะ İmerek Taş Ev Otel


เดินหาจนเจอที่นี่ Alacati Alanur Otel ภาพที่คุณ Patches แกถ่ายมาในคห.4 รูปแรกสุด https://pantip.com/topic/34069261 แต่ตอนนี้หน้าต่างดูจะซีดไปแล้ว เลยกำลังรีโนเวทกันเลยครับ อ้อ...ผมถามคนที่กำลังทาสีอยู่ว่า นี่ไอมาตามหารูปนี้นะ คือที่นี่ไง แล้วก็ถามอีกรูปที่มีมดแดงตัวโตๆมาไต่ผนัง 2 ตัว หาไม่เจอ แก็ก็ชี้มาให้ไปเดินหาดู


แต่ก่อนจะหาก็ไปได้ที่นี่ Kozanogluhan Boutique Hotel ที่มีจักรยานมาประกอบอีกที่นึงแล้ว ครั้งนี้สีชมพู


เดินผ่านมาตรงนี้ เจออีกที่ Umit Ev Hotel สีฟ้าครับ บอกแล้ว ที่นี่เอาจักรยานมาเป็นพร้อพกันเยอะเลย แต่แปลกดีนะครับ อ้อ....เกือบลืมไป เมื่อวานโรงแรม Olympiyat Otel ก็มีจักรยานแต่งหน้าโรงแรมด้วยนี่หน่า เยอะจริงๆ


เดินถ่ายภาพไม่มีเบื่อเลย มันสีสันสดใสจริงๆ การตกแต่งก็สวยงาม Esnaf


นั่นไง...เจอแว้วววว ผนังที่มีเจ้ามดแดง 2 ตัวกำลังไต่ผนังอยู่ มันคือโรงแรม Beyevi Alaçatı หาตั้งนาน ดูได้ในกระทู้ https://pantip.com/topic/34069261 รูปที่ 3-4 ในคห.4


ชอบมุมนี้จัง มดแดงตัวใหญ่ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่า ผ่านไป 4 ปีก็ยังมีให้เห็นกันอยู่ หวังว่าเพื่อนๆที่มาอ่านจะตามไปเก็บภาพมาให้ดูกันนะครับ


ร้านกาแฟ Peri Art Cafe ไม่ค่อยจะได้เห็นที่ทาวงกบหน้าต่างและประตูชั้นล่างสีเหลือง ชั้นบนสีฟ้า มันแปลกๆ ขัดๆกันดี กล้าทำ นับถือๆ


เดินไปก็เหนื่อย แวะซื้อน้ำเปล่า 1ขวด ร้านชำ Saatli Market ด้านขวามือซะหน่อย  ส่วนด้านซ้ายคือ Alaçatı Taş Otel


ก่อนที่จะเดินกลับทางเดิม เพื่อจะกลับไปที่ป้ายรถมินิบัสต่อไป ร้านนี้ Fava Alaçatı สีชมพูอ่อนหวานแหววมากๆ


ก่อนจะทิ้งท้ายไว้กับวิวสายลมโบกซึ่งทำให้โมบายในร้าน Çatladı Kapı Han และผมของหญิงสายด้านขวาไหวปลิวไปด้วย จังหวะเหมาะเจาะจริงๆ แล้วมาชมต่อในตอนหน้า ไปเชสเม่ครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น