วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2562

ตุรกี...คนเดียวก็เที่ยวได้ ตอน 11.1 ชมบอลลูนยามเช้า สัญลักษณ์ของคัปปาโดเกีย ก่อนจะบินกลับอิสตันบูลช่วงสาย ต่อรถเมล แล้วต่อรถไฟใต้ดิน ตามด้วยนั่งเรือข้ามฟากกลับฝั่งยุโรป มากินแซนวิชปลา


วันนี้จะต้องตื่นเช้ามากๆ เพราะมีนัดกับรถตู้ที่จะมารับเพื่อไปสนามบินเกเซรี(Kayseri Erkilet Airport) ในเวลา 7.40 น. เพื่อบินภายในประเทศไทยกลับอิสตันบูลนั่นเอง โดยตอนเช้ามืดจะต้องตื่นมาดูบอลลูนที่คาดว่าวันนี้จะได้ดูจากการสอบถามผู้จัดการโรงแรมเมื่อวานค่ำ หลังจากที่พลาดจากเมื่อวานด้วยสภาพอากาศหรือผมตื่นไม่ทันก็ไม่รู้แฮะ พอเครื่องบินถึงอิสตันบูลซึ่งเป็นสนามบินฝั่งเอเชีย ก็จะใช้บริการรถเมลสาธารณะจากสนามบินไปลงท่าเรือข้ามฟาก Kadıköy เพื่อจะนั่งเรือข้ามฟากไปอิสตันบูลฝั่งยุโรปที่โดยลงที่ท่าเรือ Eminönü (Turyol) แล้วหลังจากนั้นก็หาทางต่อไปย่านสุลต่านอาห์เหม็ดเพื่อเช็คอินที่โรงแรมต่อไป เช่นเดิม รูปเยอะเลยขอแบ่งเป็น 2 ตอนครับ


ตั้งมือถือปลุกไว้ ตี 5 ตรง พอปลุกก็แอบหันมามองตรงหน้าต่างว่าแสงมาหรือยัง ถ้ายังก็จะหลับต่อ พอสัก 10 นาทีก็มองหน้าต่างอีก คราวนี้ลุกมาหาเจ้าบอลลูนเลยดีกว่า ปรากฎว่ามีโผล่มาแล้ว 1 ลูกท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เพิ่งเริ่มสาดส่องมา


ซูมไปใกล้ๆ นี่ไงลูกนี้เลย จังหวะกำลังพ่นเปลวไฟก๊าซฮีเลี่ยมไปใจกลางตัวบอลลูน


พอหลังจากนั้น ก็จะมีบอลลูนลูกอื่นๆทะยอยออกมาโชว์ตัวกันให้เห็น บอกไว้ก่อนว่า ผมไม่ได้ไปชมที่จุดชมวิวใดๆ ชมมันที่ระเบียงหน้าห้องพักนี่แหล่ะ ฉะนั้น มุมมองจะไม่สวยเหมือนที่เคยเห็นๆกันนะครับ แต่จะเป็นมุมมองแปลกใหม่ที่สามารถมองได้จากใต้ลูกบอลลูนที่ลอยมา


ภาพนี้น่าจะเห็นบอลลูนได้เยอะที่สุดในภาพเดียวแล้วมั้งครับ ผมนับได้ 24 ลูก มีใครนับได้เป็นอย่างอื่นบ้างเอ่ย?


บอลลูนลูกนี้สีสันสวยงามทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อพ่นเปลวไฟแล้วจะสว่างจากข้างในสวยงามมากครับ ผมเองจะพยายามถ่ายในจังหวะที่กำลังพ่นเปลวไฟนะครับ


บอลลูนลูกเดิมแต่ลอยมาใกล้ๆ แล้วซูมไปที่ระยะที่ซูมได้สุด 250 mm. สีผ้าใบไล่เฉดสีแดงเลือดหมูได้สวยงามเชียว ถ้าชม ณ จุดชมวิวก็จะไม่มีโอกาสเห็นใต้ท้องมันแบบนี้นะครับ ฮ่าๆๆ แก้ตัวไป


เช้านี้พระจันทร์ขึ้นสวยงามมากๆครับ สว่างแต่เห็นไม่ครบวง


อีกลูก Love, Peace, Travel


ลูกนี้น่าจะเป็นทัวร์ที่เอาใจลูกทัวร์เกาหลี Cola Tour มีภาษาเกาหลีด้วย


บอลลูนกับพระจันทร์ และเขายอดแหลม


มุมนี้เผยให้เห็นลานชมวิวบอลลูนได้ชัดเจน เป็นลานเรียบๆ


ตัวบอลลูนเองก็สวยนะครับ สีเหลือง เลยเอาไปดูแบบเต็มๆ


บอลลูนลูกนี้ลอยมาใกล้ๆ เลยใช้เลนส์เทเล 55-250 mm. ส่องไประยะซูมสุด เห็นชัดมาก ฝั่งนักท่องเที่ยวบนบอลลูนเองเห็นผมถ่ายรูปก็โบกไม้โบกมือ


ชอบภาพนี้ครับ ตัวบอลลูนสีขาวฟ้า แถมท้องฟ้าไล่เฉดสีจากเข้มไปจางๆได้สวยจริงๆ


ภาพนี้มีบอลลูน 15 ลูก ใครนับต่างจากนี้บ้างเอ่ย?


บอลลูนภาพสุดท้ายแล้วครับ เตรียมตัวอาบน้ำแล้วลงไปรอรถด้านล่าง


ผมลงไปรอที่ห้องอาหารของโรงแรม ในใจก็ยังลุ่นให้มีอาหารทันก่อนจะไป แต่ลุ้นไม่ขึ้น 555 เพราะยังเช้าไปมั้ง นั่งๆไป มีนักท่องเที่ยวน่าจะชาวอินเดีย เขามาถามผมว่ารอรถไปสนามบินใช่มั้ย? ผมก็บอกใช่ๆ เขาบอกว่า รถมาจอดหน้าโรงแรมแล้ว ก็ขอบคุณเขาไปที่อุตส่าห์บอกกัน ก็ออกไปขึ้นรถครับ อ้อ...ค่ารถจากโรงแรมไปสนามบิน 40 TL จ่ายเมื่อวานกับโรงแรมแล้ว


แผนที่เส้นทางจากโรงแรมในโกเรเม่ไปสนามบินเกเซรี(Kayseri Erkilet Airport) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที


ปรากฎว่ารถไม่ได้แล่นไปสนามบินโดยตรงเลยจากโรงแรม เพราะที่นั่งยังไม่เต็ม แล่นไปรับคนอีกหลายคนหลายโรงแรมมากๆ บอกเลยครับ คือกลัวว่าจะไม่ทันไฟล์ทออกกันเลย ลุ่นมากๆ และระหว่างนั่งในรถตู้ ความหายนะก็มาเยือนผมอีกแล้ว นั่นก็คือ ปวดเข่าขวาเอามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปวดเข่าแบบนี้อีกแล้วเวลานั่งบนรถสาธารณะ เกลียดจริงๆ ครั้งที่จำได้แม่นก็คือตอนนั่งในรถตู้จากวังเวียงไปหลสงพระบางนั่นเอง แล้วมันเหยียดขาไม่ได้ด้วยไงครับ ทรมานมากๆ โชคดีที่เอายาพาราฯแก้ปวดไว้กระเป๋าด้านหน้ากระเป๋ากล้องที่ถืออยู่เวลานั่ง เลยเอาออกมากินและดื่มน้ำตาม ก็พอบรรเทาได้บ้างครับ ไม่งั้นตายแน่ๆ โรค AS มันทรมานจริงๆ
วิวนี้เป็นวิวระหว่างทางที่จะไปสนามบิน คือภูเขาสีขาวๆหลายลูก เหมือนลอยอยู่ แปลกมากๆครับ


9.25 น. รถก็มาถึงสนามบินเกเซรี(Kayseri Erkilet Airport) เป็นสนามบินภายในประเทศของอิสตันบูล ห่างจากโกเรเม่ 1 ชม.ซึ่งก็ใกล้สุดแล้วครับ


แล้วก็เข้าแถวเช็คอิน สิ่งที่ทำให้งงๆคือ ตอนซื้อตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผมจำได้ว่าซื้อกับสายการบิน Turkish Airline นี่หน่า พอมาเช็คอินดันเป็นสายการบินอีกสายคือ Anadolujet งงเลยคิดว่าเช็คอินผิดซะอีก แต่จริงๆคือไม่ผิด เขาให้สายการบินนี้ช่วยแบ่งเบาอีกที แล้วขนาดภายในประเทศ ระบบตรวจความปลอดภัยก็เข้มข้นนะครับ เหรียญในกระเป๋ากางเกงยังต้องให้เอาออกให้หมดเลยก่อนผ่านประตู ทำให้สุดท้ายผมลืมเหรียญไว้ แม้เจ้าหน้าที่จะเอามาคืนก็คืนไม่หมดครับ หายไป 3.3 TL ไม่มากแต่มันไม่ควรหาย! เอาหล่ะ...ได้เวลาเดินไปขึ้นเครื่องกันแล้ว อ้อ...อาการปวดเข่าหายดีแล้วครับ โชคดีจริงๆ ถ้าปวดมาอีกขณะอยู่ในเครื่องก็ทรมานอีก เฮ้อ


นี่ครับ อาหารที่เสริฟภายในเครื่อง เป็นแซนวิชและน้ำเปล่า


ผ่านไปเกือบๆชั่วโมง เครื่องบินก็บินอยู่เหนือทะเลสาบซาปันกา(Sapanca lake) จากเดิมที่บอกว่า ทะเลสาบอิซนิค(Lake Iznik) ในอิสตันบูลแล้วครับ


ระหว่างนี้ก็ใช้มือถือถ่ายไปเรื่อยครับ จะสังเกตว่า ภาพที่ได้จากมือถือห่วยมากๆ แบบ Digital จริงๆ


ชอบที่ตุรกีเขาใช้พลังงานลมไว้ปั่นกระแสไฟฟ้า โดยเราจะเห็นกังหันลมบนภูเขาเต็มไปหมดเลย


น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มได้ใจ


อีกรูปก่อนจะแลนดิ้งที่สนามบินซาบีฮาเกิคเช่น(Sabiha Gökçen Uluslararası Havalimanı) ทะเลด้านล่างที่เห็นคือทะเลมาร์มาร่าแล้ว


ลงที่สนามบินซาบีฮาเกิคเช่น(Sabiha Gökçen Uluslararası Havalimanı) อย่างปลอดภัย เดินไปรับกระเป่าแล้วค่อยออกไปหารถเมล


แวะห้องน้ำก่อนครับ เอาโถฉี่ของผู้ชายมาฝาก สงสัยว่าแผ่นพลาสติกรองในโถคืออะไร มีหลายสีด้วยนะครับ หรือเป็นที่ดับกลิ่นก็ไม่ทราบได้ หรือไว้กรองเศษไม่ให้อุดตันก็ไม่รู้


ออกจากสนามบินก็จะต้องข้ามถนนไปอีกฝั่ง จะเห็นท่ารถเมลครับ ชอบตรงนี้ที่การคมนาคมประเทศที่เจริญแล้วเขาจะทำใกล้ๆกัน ต่อยานพาหนะจากแบบหนึ่งไปอีกแบบหนึ่งสะดวก ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่นก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น หันมามองประเทศเรา เฮ้อ...


มารอตรงป้ายนี้ครับ ป้ายบอกไป Kadıköy ไม่นานก็ได้ขึ้นรถ ค่ารถไม่ทราบเพราะใช้บัตร IstanbulKart แตะเพื่อจ่ายค่ารถ ก็สะดวกมากๆ อย่างที่เคยบอกไว้

อ้อ....จากโกเรเม่อากาศเย็น พอมมาลงที่อิสตันบูล คนละเรื่องเลย อย่างร้อนครับ เข้ามาในรถคนขับดันไม่เปิดแอร์หรือลมอ่อนๆเลย จากใส่เสื้อแจ็คเก็ตมา สุดท้ายเหงื่อท่วมต้องถอดเสื้อแจ็คเก็ตทุกลักทุเล ผู้หญิงคนที่ยืนข้างๆก็ถอดก่อนผมซะอีก แสดงว่าผมไม่ได้รู้สึกคนเดียว คือทนร้อน แต่คิดว่า คงทนไม่ถึงท่าเรือ Kadıköy แน่ๆ เพราะดูจาก Google Map อีกนานเลย เลยหาจังหวะลงกลางทางครับ อยู่ต่อในรถไม่ไหวแน่ๆ จะตายเอา เรียกได้ว่าตัดสินใจผิดจริงๆ พอเห็นคนในรถหลายคนเตรียมลง ผมก็เอาด้วย แล้วก็ลงจากรถจนได้ จะบอกว่าเย็นขึ้นมาทันที แม้แดดจะร้อนๆ แต่เพราะมีลมไงครับ และเชื่อมั้ยครับ โคตรโชคดีเลย ป้ายรถที่ลงมันใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Pendik İstasyonu เป็นรถไฟใต้ดินสาย M4 เห็นคนเดินข้ามไปลงสถานีก็เลยตามไปด้วย เสียดายไม่มีรูปสถานีเพราะมัวแต่รีบ แต่ก็คือสวรรค์เพราะได้ขึ้นรถไฟใต้ดินที่ยืนสะดวก แอร์เย็นๆ ไม่เบียดแบบบนรถเมล


เส้นทางจากสนามบินซาบีฮาเกิคเช่น(Sabiha Gökçen Uluslararası Havalimanı)ไปท่าเรือ Kadıköy โดยแวะสถานีรถไฟใต้ดิน Pendik İstasyonu แบบคร่าวๆ


รถไฟใต้ดินใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึงสถานี Kadıköy ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายพอดี ไม่ต้องกลัว ออกจากสถานีโผล่บนดินก็เดินข้ามถนนมารอคิวเข้าท่าเรือ Kadıköy อ่านป้ายก็ได้ว่า Eminonu ดังที่เห็นในภาพ แต่ถ้าอยากให้แน่ใจจริงๆว่าจะขึ้นเรือถูกลำ ก็ถามคนที่ยืนข้างหน้าเลย ผมถามว่าใช่เรือไป ท่าเรือ Eminönü (Turyol) มั้ยพร้อมเอาแผนที่ให้ดู แก็ก็บอกว่า Yes ก็เป็นอันว่าถูกต้อง แล้วก็ใช้บัตร IstanbulKart แตะเพื่อจ่ายค่าตั๋วเช่นเดิม เลยจำราคาไม่ค่อยได้ 3 หรือ 5 TL นี่หล่ะครับ ไม่แพง


ขึ้นมาก็เลือกที่นั่งได้เลย นั่งตรงนี้ครับ เรือที่เห็นด้านขวาจะออกก่อน


เรือออกจากท่าแล้วครับ อาคารที่เห็นคืออะไรก็ไม่รู้ เหมือนกำลังปรับปรุงอยู่


ที่เห็นรางๆ ฝั่งโน้นจากซ้ายมือคือ มัสยิดสีน้ำงเงิน หรือมัสยิดสุลต่านอาห์เหม็ด และถัดมาคือ ฮายาโซเฟีย และพระราชวังทอปกะปิ


ด้านหน้ายังเป็นท่าเรือฝั่งเอเชีย มีถนนทอดยาวยื่นไปในทะเล สุดทางด้วยประภาคาร


เรือแล่นไม่ช้าไม่เร็ว ก็ผ่านหน้ามัสยิดสุลต่านอาห์เหม็ด และฮายาโซเฟีย ฝั่งยุโรปแล้ว


ส่วนที่เห็นตรงหน้าคือพระราชวังทอปกาปิ


ยอดแหลมๆที่เห็นน่าจะเป็นหอคอยกาลาตา(Galata Tower) ไว้จะไปในวันรุ่งขึ้นถ้ามีเวลา


ด้านหน้าหอการค้าอิสตันบูล(İstanbul Ticaret Odası) และด้านหลังคงจะเป็น New Mosque


เรือแล่นผ่านจุดที่มีคนมาตากแดดรับไอทะเลกันเยอะแยะ


นี่น่าจะเป็นเรือรบ เหมือนๆกับเอามาจอดให้ประชาชนเข้ามาเยี่ยมชม เพราะเห็นมีคนที่ไม่ใช่ทหารยืนบนเรือหลายคนเลย


เงยหน้าเห็นเครื่องบินสายการบิน Emirates กำลังแล่นผ่าน ไม่รู้จะลงหรือเพิ่งบินขึ้นนะ


ริมทะเลตรงนี้คนนั่งกันเยอะแยะเชียว


เรือลอดสะพานกาลาตา(Galata Bridge) มาแล้วครับ


แล้วก็มาจอดเทียบท่า Eminönü (Turyol) เตรียมตัวลงจากเรือได้


ลงมาเจอคนอน่างเยอะ เยอะมากๆ ลากกระเป๋าไปด้วย เดินฝ่าฝูงชนไปด้วยไม่ใช่ง่ายๆเลยนะครับ วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย??


ยังไม่รู้จะเดินไปไหนเลย พอเดินมาตรงนี้ เห็นร้านอาหารที่ขายแซนวิชปลา แน่นอน แวะเลยไม่ต้องบอก


นี่ครับ ปลาซาดีนตัวใหญ่ๆกำลังทอดรอทำแซนวิชเลย


สั่งแซนวิชอย่างเดียว ไม่นานก็มาเสิร์ฟครับ สนนราคา 12 TL หรือ 72 บาท รสชาติก็โอเคนะครับ ทานได้ ไม่คาวมาก ทานเสร็จก็จ่ายตังค์ลุกเดินออก ดีนะที่เดินไม่เร็ว มีพนักงานเสิร์ฟวิ่งมาหา แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมมองดู อ้าว....โทรศัพท์มือถือตูนี่หว่า เกือบซวยแล้วเชียว ขอบคุณพนักงานสาวคนนั้นกันยกใหญ่ เฮ้อ....ถ้าพนักงานไม่มาตรวจโต๊ะ และผมเดินไปเร็ว มารู้ตัวอีกทีว่ามือถือหายไปก็ยังนึกไม่ออกเ
หมือนกันนะครับว่าจะคิดว่าหายที่ไหน เกือบไปแล้วเชียว ผมนี้ขี้ลืมแก้ไม่หายเลย น่าเบื่อตัวเอง...

แล้วมาต่อกันในตอนต่อไป มาดูว่าผมจะไปถึงโรงแรมย่านสุลต่านอาห์เหม็ดด้วยวิธีไหน คนเยอะเต็มไปหมดเลยวันนี้ 


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น