วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562

ตุรกี...คนเดียวก็เที่ยวได้ ตอน 6.4 จากเซลฉุก(Selçuk) นั่งรถตู้ไปชิลล์ๆที่คูซาดาซิ(Kuşadası) เดินเล่นริมทะเล ชมปราสาทคูซาดาซิบนเกาะ Güvercinada


หลังจากเสร็จสิ้นกับพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีเอฟิซุส(Ephesus Museum) ก็เดินกลับโรงแรมที่พัก โดยเดินผ่านท่ารถเซลฉุก แล้วแวะหาอะไรทานเนื่องจากบ่าย 4 โมงแล้ว เสร็จแล้วกลับไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม แล้วลากไปท่ารถเซลฉุกต่อไป โดยครั้งนี้จะขึ้นรถตู้ไปคูซาดาซิ(KUŞADASI) เมืองชายทะเลดังของย่านนี้ ถ้าเปรียบเทียบก็คงคล้ายๆพัทยาบ้านเรา คงไม่มีอะไรมากแล้ว เข้าที่พัก HOTEL STELLA KUŞADASI เช็คอิน แล้วออกมาเดินเล่นชิลล์ๆริมทะเล ตอนนี้คงจะสบายๆครับ แล้ววันรุ่งขึ้นก็จะต้องเดินทางไกลต่อไป


เดินลัดมาทางนี้ครับ ด้านซ้ายมือคือ Atatürk monument


เลือกไปเลือกมา มาได้ร้านนี้ ติดใจไก่สเต๊ะ หอมดี เลยมาสั่งต่อ แต่เป็นอีกร้านนึง ขนมปังในตระกร้าเพิ่งมาทราบว่าทานได้ไม่อั้น ไม่ได้เก็บเงินเพิ่ม พอได้ทราบอย่างนั้นก็กินแบบให้คุ้มกันเลย 555 หิวด้วยแหล่ะ มื้อนี้ 20 TL


ทานเสร็จก็เดินกลับโรงแรม Wallabies ด้านหน้าโรงแรมจะมีผู้สูงอายุนั่งเล่นไพ่หรือไม่นะ คล้ายๆไพ่จีน ส่วนเจ้าของโรงแรมคือผู้ชายใส้เสื้อกั๊กสีกรมท่ากำลังนั่งเล่นอยู่ด้านซ้ายสุด พอเอากระเป๋าออกมา ทั้งเจ้าของและภรรยาก็กล่าว Good Bye กับผม ก็เลยกล่าวกลับไปว่า Thank you.


เดินลากกระเป๋าไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน ก็มาถึงท่ารถเซลฉุกเช่นเดิม คันนี้เองที่จะไปคูซาดาซิ รถใกล้ออกแล้ว ค่ารถ 7 TL



เส้นทางการเดินทางจะเป็นดังในแผนที่ครับ


รถก็วิ่งไปเส้นทางเดิมกับที่ไปเอฟีซุสนะครับ แต่ไปไกลกว่านั้น เสาสลักจำลองอะไรสักอย่างริมถนน ขาไปเอฟิซุสเห็นแล้วแต่ถ่ายไม่ทัน มาถ่ายเอาตอนนี้ละกัน แต่ภาพเบลอ 555


รถแล่นวนขึ้นเขาไปเรื่อย ผ่านสวนน้ำที่ชื่อว่า Adaland Water Park ขอบอกช่วงนี่แดดแรงจริงๆครับ


รถเข้ามาคูซาดาซิแล้ว ขอดูแผนที่โรงแรมที่พักซะหน่อย HOTEL STELLA KUŞADASI


คนขับถามจะลงไหน ผมเลยบอกไป Otagar คือสถานีรถนั่นเอง เพราะจะไปซื้อตั๋วรถบัสไว้ล่วงหน้าในการเดินทางไป Denizli วันพรุ่งนี้เช้าด้วย จะได้มีที่นั่งและไม่ฉุกละหุก ก็ไปได้เจ้า Pamukkale เช่นเคย ค่าตั๋ว 39 TL รถออก 9 โมงเช้าพรุ่งนี้ เสียดายไม่ได้ที่นั่งติดแถวเดี่ยวแต่ก็ไม่เป็นไร ได้ตั๋วแล้วเดินลากกระเป๋าไปตรงที่เขียนว่า TAKSI ดังในรูปนี้ งงมาก ผมบอกว่าจะไป Hotel Stella มีคนนึงจัดแจงบอกกับเพื่อนที่ขับแท็กซี่ด้วยกันให้ออกมายืนเรียงแถวเพื่อจะให้ผมถ่ายรูป เออ ถ่ายก็ถ่าย 555 ย้อนแสงอย่างจัง ก็ถ่ายๆไปครับ แล้วก็ได้นั่งแท็กซี่ไปโรงแรมที่พัก กดมิเตอร์นะครับ ไม่ต้องกลัวโดนหลอก รถแท็กซี่ซอกแซกมากๆ ใช้ทางลัดที่แคบมากๆ จนผมต้องลุ้นเวลาเลี้ยวไปด้วย แล้วก็มาถึงทางเข้าด้านหน้า ค่าแท็กซี่ 16 TL


เจ้าหน้าที่โรงแรมเป็นผู้หญิง พูดภาษาอังกฤษดีมากๆ แนะนำโน่นนี่ พาไประเบียงโรงแรมอธิบายสถานที่ละแวกใกล้ๆว่าจะไปไหนได้บ้าง ลมแรงครับ และบอกว่า โรงแรมที่นี่จะทำห้องพักหันระเบียไปฝั่งทะเลเท่านั้น 100% ก็จริงดังที่เขาพูดนะครับ แล้วก็รับกุญญแจลงมาชั้นล่าง 1 ชั้น เปิดประตูเข้าห้อง โห....หรูหรามากๆครับ จะใหญ่ จะกว้างไปถึงไหน ราคาแค่ 89 TL หรือแปลงเป็นเงินบาทแค่ 560.70 บาทเท่านั้น! 


รูปเตียงคู่นะครับ ส่วนใหญ่ถ้าจองมาเดี่ยวก็จะได้เตียงคู่แบบนี้


มามุมหัวเตียงบ้าง


ออกระเบียงไปก็เห็นทะเล แจ่มจริงๆ แจ่มมากๆ


นี่ครับ เปิดประตูระเบียงไปก็เป็นภาพแบบนี้ มองเห็นวิวทะเลสวยงามเลยครับ ชั้นล่างเป็นสระว่ายน้ำแต่ตอนนี้น้ำไม่มี


กลับมาชมวิวในห้องนอนกันอีกครั้ง มุมจากระเบียงมองไปที่ประตูทางเข้า ที่เห็นตู้ไม่ใหญ่ๆก็คือตู้ใส่เสื้อผ้านั่นเอง คือจัดเต็มมากๆ วิวก็ดีอีก แนะนำนะครับถ้าใครจะมาที่คูซาดาซิ


มุมจากหัวเตียงไปปลายเตียง


และมุมจากปลายเตียงไปหัวเตียง ครั้งนี้ถ่ายรูปมาแบบจัดเต็มครับ เพราะมันสวยมากๆ ชอบๆ


และมาดูภายในห้องน้ำกันบ้าง ก็กว้างขวางดี


ประตูทางเข้าห้องน้ำ


หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นล็อบบี้เหมือนเดิม ไปเก็บภาพจากระเบียงด้านนอก เพราะมุมสูงวิวจะสวยกว่าที่ระเบียงของห้องครับ อย่างเช่นภาพนี้


มองเห็นก้อนเมฆเรียงตัวกันจากเล็กไปใหญ่แถมเป็นวงโค้งๆด้วย แปลกมากๆครับ


มองไปทางด้านซ้ายจะเห็นเป็นลักษณะเกาะมีกำแพงล้อมรอบ ซึ่งเกาะนั้นก็คือ Güvercinada Island ที่มีปราสาทคูซาดาซิ(Kusadasi Castle) ตั้งอยู่ โดยปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมแบบไม่เสียเงิน เดี๋ยวผมจะเดินไปดู


ซูมไปดูนาฬิกาที่หอนาฬิกา กี่โมงแล้วนะ 18.26 น. แดดยังมีอยู่เลย พระอาทิตย์ไม่ตกง่ายๆครับ


ตรงนี้มีคนตกปลาด้วยแฮะ น่าจะเป็นทางเดินเข้าไปในทะเลเพื่อลดแรงกระแทกจากคลื่นแน่ๆครับ คือมนุษย์สร้างขึ้นมานั่นเอง


แล้วก็ได้เวลาเดินลงมาชั้นล่าง ชั้นสระว่ายน้ำ และชั้นที่มีลิฟท์ลงไปทางทะเล ขอตินิดเดียวคือ ด้วยความที่มันไม่มีน้ำอยู่ในสระ และทางเดินตรงนี้คือแขกจะต้องเดินไปมาเข้าออกลิฟท์ แล้วไม่มีที่กั้นอย่างนี้อันตรายมากๆครับ เมาๆอยู่เดินสะดุดล้มลงไปในสระนี้มีคอหักตายได้เลยนะครับ เพราะฝั่งนี้ดันเป็นฝั่งที่ลึกสุดของสระซะด้วย


เข้าลิฟท์และกดลงมาชั้นล่าง(มี 2 ชั้นคือชั้นสระว่ายน้ำและชั้นล่างแค่นั้น) ออกจากลิฟท์ก็จะเจอกับทางลงบันไดไปชั้นพื้นอีกที


นี่ครับ ลงมาถึงตรงพื้นแล้ว หันไปมองเป็นแบบนี้ ทางเข้าโรงแรมมี 2 ทางด้วยกันแฮะ มิน่าแท็กซี่มาส่งอีกทางเพราะสะดวกในการเช็คอินและขนกระเป๋า ถ้ามาเองคงมาทางนี้ตายเลย หาทางเข้าไม่เจอ


ข้ามถนนไปฝั่งทะเล มองดูคลื่นซัดฝั่งด้านล่าง โห...คลื่นแรงน่าดูเลย จังหวะที่คลื่นซัดต้องหนีนะครับ เพราะน้ำจะกระเด็นขึ้นมาได้ แล้วใครทำบันไดลงไปหล่ะเนี่ย? ขืนลงไปเล่นๆนี่ตกน้ำไปคนช่วยไม่ทันนะ


ตอนแรกลังเลว่าจะเดินไปซ้ายหรือขวาดี สุดท้ายก็เดินไปทางซ้ายนี้ครับ ไปเกาะที่อยู่ตรงด้านหน้านี้ดีกว่า แล้วค่อยเดินกลับมาทางขวามาหาอะไรทาน


ป้ายเหล็กดัดของรั้วกันคนตกลงไปในทะเล เมืองเล็กๆคูซาดาซินี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดอายดิน Aydın ส่วนคำว่าคูซาดาซิ(Kusadasi) นั้นแปลว่าเกาะนก เพราะถ้ามองมาจากทะเลแล้ว จะเห็นคล้ายหัวนก โดยมีรากศัพท์มาจาก kuş = bird และ ada = island สถาปนาขึ้นมาตอนปี 1881 หรือเปล่า ไม่แน่ใจ


ภาพเกาะ Güvercinada ก่อนจะเดินเข้าไป ชื่อภาษาตุรกีนี้แปลตรงตัวว่า นกพิราบ รวมแล้วก็เกาะนกพิราบ(Pigeon Island) นั่นเอง ในฤดูอพยพจะมีนกมากมายเป็นพันสายพันธุ์บินมาที่เกาะแห่งนี้


ก่อนจะเดินไปที่เกาะ เปลี่ยนมาถ่ายเกาะมุมนี้บ้าง ดูแล้วเรียกได้ว่า เกือบจะเอาพื้นที่เกาะทั้งหมดมาเป็นปราสาทคูซาดาซิเลยก็ว่าได้


จะมีทางเดินที่ทำขึ้นมาเชื่อมต่อแผ่นดินใหญ่กับเกาะเข้าด้วยกัน ระยะทาง 350 เมตร ด้านขวาก็จะมีเรือนำเที่ยวจอดเรียงราย คนละ 10 TL ต่อ 1 ชม.นำเที่ยวกลางทะเล คงแล่นไปไม่กลนัก


 มาชอบเรือลำนี้เข้าให้ กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ อิอิ


ถึงทางเข้าปราสาทคูซาดาซิ(Kuşadası Kalesi) แล้วครับ มีปืนใหญ่สมัยก่อน 2 กระบอก


เข้ามาในปราสาทแล้วก็มองย้อนมาที่เราเดินมา มันเป็นภูเขาอยู่ด้านหลังครับ โรงแรมต่างๆก็เลยสร้างไปตามเขา


เข้าไปด้านในกันดีกว่า รู้สึกจะเป็นห้องเดียวที่เข้าได้ ดูซิข้างในจะมีอะไร


อ่า...ข้างในเป็นโครงกระดูกปลาวาฬครับ ยาวใหญ่ทีเดียว ตอนแรกคิดว่าจะมีเกี่ยวกับสิ่งของสมัยเก่าซะอีก


มุมด้านซ้ายมือ ที่หันหน้าเข้าทิศตะวันตก จริงๆมีบันไดขึ้นชั้น 2 ด้วย แต่ไม่อนุญาตขึ้นไป ก็มีเพียงเท่านี้


แล้วก็เดินมาตามลานกว้างของปราสาท หันไปมองที่ที่เข้าไปด้านในมาสักครู่นี้


มีปืนใหญ่โบราณคอยป้องกันภัยจากศัตรูทางทะเลอีกแล้ว


พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วทุกที งั้นเตรียมตัวไปที่อื่นต่อดีกว่า จริงๆตอนนี้เวลา 19.16 น.


เดินผ่านมาตรงอนุสาวรีย์ท่านนี้ Barbarossa Hayreddin Pasha เป็นนักการทหารคนสำคัญชาวตุรกี ผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นปาชา (Pasha) และผู้บังคับบัญชากองทัพเรือของจักรวรรดิออตโตมันผู้มีอิทธิพลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเวลาหลายสิบปี เฮย์เรดดินเกิดบนเกาะมิดิลลิ (เกาะเลสโบสในประเทศกรีซปัจจุบัน) และเสียชีวิตในคอนสแตนติโนเปิลในจักรวรรดิออตโตมัน Credit : WikiPedia


ผมเดินออกจากปราสาทไปแล้ว แล้วไปเจอพระจันทร์เกือบๆจะเต็มด้วยทิศตะวันออกอย่างจัง ลูกใหญ่มากกก ช่วงนั้นจะเกิด Pink Moon อีก 1 หรือ 2 วันพอดี เถลไถลถ่ายรูปอยู่ตรงนี้(ลมแรงมาก) จนพระอาทิตย์อีกฝั่งก็กำลังจะตกพอดี เลยเปลี่ยนใจย้อนกลับเข้าปราสาท วิ่งกระหืดกระหอบไปจุดที่ถ่ายพระอาทิตย์ตกทะเลที่สวยๆอีกครั้ง นั่นคือ ด้านหน้าอนุสาวรีย์ Barbarossa Hayreddin Pasha


นี่ครับ กดมา 40 กว่ารูป เลือกเอารูปที่กำลังจะตกทะเลจริงๆ นั่นคือรูปนี้ ณ เวลา 19.49.37 น.


และก็รูปที่พระอาทิตย์ตกทะเลเกือบจะหมดใบแล้ว



มาชมวิดีโอเดินชิลล์ๆ บนเกาะพร้อมกับพระอาทิตย์กำลังจะตกทะเลกันครับ


แล้วก็ได้เวลากลับออกไปซะทีนะ คราวนี้ด้านหน้าทางเข้าปราสาทเปิดไฟสวยงามเลยครับ


เดินผ่านทางเดินทอดยาวเส้นนี้ จริงๆก็ยังไม่มืดเท่าไหร่เลย


เก็บตกพระจันทร์สวยๆกับธงชาติตุรกีบนเรืออีกครั้ง


ปราสาทคูซาดาซิเปิดไฟอย่างสวยงามเลยครับ เสียดายไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมา ถ่ายมาดูได้แค่รูปนี้เท่านั้น ก็ยังถือว่าโอเคอยู่นะครับ


เดินกลับทางเดิม มุ่งหน้าโรงแรม


ฝั่งโน้นของทะเลเปิดไฟซะสวยเลย ดัน ISO 3200 ก็ยังโอเคอยู่นะกล้องนี้


ก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าทางเข้าโรงแรม หอนาฬิกายามนี้เปิดไฟสวยงามจริงๆครับ เข้าห้องพักก่อน ชาร์จแบ็ตอีกครั้งเพราะแบ็ตฯหมดทั้ง 3 ก้อนเลย แต่ได้แบ็ตฯดัมมี่ช่วยไว้ได้ เดี๋ยวค่อยออกมาหาอะไรทานอีกครั้ง


ว่าจะรีวิวการขึ้นลิฟท์ในตุรกีตั้งหลายครั้งแล้ว งั้นเรามาดูกันครับ (รบกวนกดติดตามช่องด้วยก็ดีครับ)


ทำโน่นทำนี่ ออกมาอีกครั้ง 22.11 น. อากาศเย็นครับ แต่ก็ออกมาเดินหาอะไรทานเล่นดีกว่า ได้มุมนี้ มุมที่รวมหลายๆแลนด์มาร์ค ทั้งไฟทางรูปนกพิราบ หอนาฬิกา โรงแรม Hotel Stella ป้าย Kusadasi และที่เห็นอนุสาวรีย์คนไกลๆ Kese Dağı


ไปได้ร้านที่อยู่ริมทะเลแต่อยู่ในห้องปิดไม่งั้นหนาวตายแน่ สั่งคล้ายๆแซนวิชและกาแฟร้อนครับ เสร็จแล้วก็เดินมาถ่ายรูปในมุมนี้


ก่อนจะเดินกลับโรงแรมด้วยอากาศที่หนาวจริงๆ เพราะลมทะเลมันแรงมากๆ คนไม่ค่อยมีนะครับ แปลกจัง ส่วนใหญ่จะเห็นนั่งอยู่ในร้านอาหารไม่ก็พวกผับหรือบาร์ ผมผ่านร้านสะดวกซื้อ(ร้านสะดวกซื้อแบบ 7-11 หายากในตุรกีมากครับ) เลยแวะซื้อเบียร์ 1 กระป๋องและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปทานที่ห้อง เมาแล้วหลับไปเลย 555

ก็เป็นอันว่าจบไปอีก 1 วันที่คูซาดาซิ เมืองท่องเที่ยวชายทะเล แต่สงบนะครับ ห้องพักก็ถูกมากๆ อันนี้แนะนำ ถ้ามาที่นี่อีกก็คงมาพักโรงแรมเดิมนี้หล่ะครับ พรุ่งนี้มีเดินทางไปขึ้นรถบัสที่ท่ารถคูซาดาซิก่อน 9.00 น. จะนั่งรถไปเดนิซลี่ เพื่อไปปามุกกาเล่ต่อไปครับ ราตรีสวัสดิ์


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น