วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562

ตุรกี...คนเดียวก็เที่ยวได้ ตอน 10.1 จัดแผนเที่ยวใหม่ ยกเลิกไปเมืองโบราณใต้ดิน เปลี่ยนไปเที่ยวปราสาทอูชิสะร์(Uçhisar Castle)


ไหนๆ แผนเที่ยวก็ไม่เป็นไปตามแพลนที่วางไว้แล้ว โดยเมื่อวานเสียแผนเนื่องจากหิมะตก วันนี้เลยจัดแผนเที่ยวใหม่ ไม่ไปกรีนทัวร์แล้ว คิดไปคิดว่า มาถึงตรงนี้ก็เที่ยวบริเวณใกล้เคียงดีกว่า กรีนทัวร์ไปเดินเมืองใต้ดิน(Derinkuyu Underground City) ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 1 ชั่วโมง และอีกเหตุผลที่ไม่อยากไปอีกอย่างก็คือ ราคาขึ้นมาสูงกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว จากที่เคยอ่านมาจากคุณ Patches เลยเลือกเป็นว่า วันนี้ไปละแวกใกล้ๆที่จากเดิมจะต้องไปเมื่อวานคือปราสาทอูชิสะร์(Uçhisar Castle) และตกบ่ายๆมาเดินใกล้ๆในตัวเมืองโกเรเม่ละกัน เช่น Rose Valley ไม่ก็ Love Valley แผนวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้


วันนี้เลยตื่นสายๆหน่อย เพราะไม่ต้องเดินทางไปกับทัวร์ที่นัดเวลา 9.00 น.แล้ว เลยลงมาทานอาหารเวลา 9.45 น. ที่เห็นเป็นไลน์อาการของวันนี้(ก็เหมือนๆวันอื่นหล่ะครับ)


ขนมปัง ไส้กรอก ไข่ต้ม และอะไรที่เป็นแป้งม้วนๆ อร่อยดี ผักก็สดนะครับ เครื่องดื่มไม่ขาดกาแฟร้อน และขอลองชากลิ่นแอปเปิ้ล


ทานเสร็จก็ได้เวลาเดินไปที่ป้ายรถมินิบัส รถสายที่จะไปปราสาทอูชิสะร์ตั้งอยู่บริเวณลานที่จอดรถบัสมาลงเมื่อวานนี้หล่ะครับ จากป้ายราคาที่เห็นไกลๆ รถเริ่มออกเวลา 7.30 น. ถึง 20.00 น.ของแต่ละวัน ค่าโดยสาร 3 TL หรือ 18 บาทเท่านั้น ไกลสุดคือ Nevşehir City Center


ตอนนีเวลา 11.49 น. ขึ้นมานั่งรอในรถดีกว่า ข้างนอกหนาววววว



แผนที่เส้นทางจากท่ารถโกเรเม่มาลงที่ป้ายถนนใหญ่ แล้วเดินเท้าเข้าไปปราสาทอีกที


ใกล้ถึงแว้วววว น่าจะเป็น 2 ยอดที่เห็นมุมขวาบน


แต่รถไม่เข้าไปที่หน้าปราสาทนะครับ จอดตรงป้ายถนนหลัก ลงรถมา 3 คน คือผมและอีก 2 คนนักท่องเที่ยวด้านหน้าที่กำลังเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง



แผนที่เส้นทางเดินเท้าจากป้ายรถที่จอดลงไปยังทางเข้าปราสาทอูชิสะร์


สมัยนี้เดินไปเส้นทางไหนไม่ใช่ปัญหาแล้ว ใช้ Google Map นำทางลูกเดียว ผิดพลาดลดลงขึ้นเยอะ แล้วก็กลายเป็นว่า ผมเดินนำให้คนที่มากัน 2 คนเดินตามผมมา 555 มาตรงทางลัดนี้ มองเห็นยอดปราสาทอยู่ใกล้ๆ


ซูมไปดูหน่อยซิ ด้านบนมีไม่กี่คน ธงตุรกีปลิวไสวเลย ลมคงแรงน่าดู


 พร้อมกันแล้ว ก็เข้าไปซื้อตั๋วเข้าข้างในกันเลยครับ ราคา 9 TL


แล้วก็เดินเข้ามาข้างใน จะเป็นบันไดผ่านกลางภูเขานี้เข้าไปด้านใน ป้ายบอกกับเราว่า อูชิสะร์ตั้งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ ปราสาทและพื้นที่โดยรอบจะมีประชากรอาศัยกันอยู่เยอะในสมัยนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประชากรเพิ่มขึ้น อันตรายที่เกิดจากการกัดกร่อนของภูเขาก็เพิ่มขึ้น ประชากรเลยต้องย้ายหนี


เขาจัดไฟไว้สวยงามทีเดียวครับ แวะนั่งที่ม้านั่งก่อนถ้าเมื่อย


อุโมงค์ภายในภูเขานี้ทำมาแข็งแรงทีเดียว แถมกว้าง เดินได้ปกติ ไม่ต้องก้มหัว


แล้วก็ออกมาด้านนอกภูเขาที่ฝั่งนี้ เพื่อเดินขึ้นบันได้ไปด้านบนยอดตามเขาๆไป


มองออกไปก็จะเห็นวิวภูเขาหิมะสวยทีเดียว


ซูมไปดูใกล้ๆ ภูเขาหิมะสวยๆ คงหนาวสะท้านน่าดู


มามุมนี้บ้าง เป็นสันเขาแบบตัดตรง คลุมไปด้วยหิมะเช่นกัน


เดินขึ้นมาอีกตำแหน่ง ก็เก็บภาพมุมสูงของถนนเส้นนี้ ทอดยาวไปไหนก็ไม่รู้แฮะ


แล้วก็มาถึงชั้นก่อนจะถึงชั้นบนสุดแล้วครับ ค่อยๆเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อเก็บบรรยากาศกันดีกว่า จะบอกว่า นักท่องเที่ยวหลากหลายก็นิสัยหลากหลายกันไป บางทีเรายืนเฉยๆ อยู่ๆก็มาบอกให้เราหลบไป เพราะตัวเองจะถ่ายรูป(นักท่องเที่ยวจีน) แปลกนะครับ มาทีหลังมีสิทธิอะไรมาให้คนอื่นเขาหลบไป ถ้าอยากได้มุมสวยๆ มันต้องรอ ผมถ่ายรูปมากี่ปีแล้ว ไม่เคยนิสัยเสียไปบอกให้ใครหลบเพื่อเราจะถ่ายรูปเลย ทำได้เพียงรอเวลาเท่านั้นครับ ทุกคนก็มีสิทธิไปยืนตรงไหนก็ได้


แล้วก็เดินกลับมาชั้นนี้ชั้นก่อนถึงยอดอีกครั้ง คนไม่เยอะ ชมวิวชั้นนี้ไปจะดีกว่า


เป็นสามแยกสวยงามทีเดียว


อีกด้านหนึ่งของปราสาท ฟ้าจะหม่นๆหน่อยนะครับ เหมือนฝนจะตก


ตรงนี้มองลงไปข้างล่าง จะเห็นป้ายรถป้ายใหญ่ทีเดียวก่อนจะแล่นมาลงที่ป้ายทางเข้าปราสาทนี้ ณ จุดนั้นสามารถเดินขึ้นมาที่นี่ได้เหมือนกัน คล้ายๆเดินเทร็กกิ้ง


แล้วก็ได้เวลาเดินลงและออกมานอกปราสาทแล้ว ด้านหน้าทางเข้าก็จะมีร้านขายผลไม้ตากแห้ง อินทผาลัม และอื่นๆ ชิมได้ครับ แต่ผมไม่อยากชิมเพราะไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ เลยไม่อยากชิมเฉยๆ แต่ถ้าใครคิดว่าจะซื้อแต่เลือกไม่ถูกว่าชนิดไหนอร่อยกว่ากัน นั่นแหล่ะ ชิมก่อนเลย


555 เจอโทรศัพท์สาธารณะที่ทำเป็นตัวสัตว์อีกแล้ว จำได้มั้ยว่าตอนนั้นเจอเป็นตัวอะไรและที่ไหน เฉลย....เป็นตัวปลาโลมา และที่เชสเม่นั่นเอง อิอิ


จากโทรศัพท์สาธารณะตัวนก เดินอ้อมปราสาทมา จะเจอกับป้ายนี้เป็นทางเดินที่สุดทางแล้ว ป้ายนี้บอกว่า ระวัง มีอันตราย มีหินหล่นลงมา ห้ามผ่านไป  ก็หยุดที่จุดนี้


สักพักเกล็ดหิมะก็ตกลงมา อย่างที่เห็นจุดขาวๆบนแขนเสื้อ คราวนี้รีบเดินกลับกลัวจะตกมาเป็นน้ำนะสิ


เดินย้อนมาตรงทางเดินก่อนจะมาถึงปราสาท เดินลงมาจะเป็นร้านอาหารครับ มี Devil Eyes ด้วย ไกลๆจะเห็นเป็นบ้านถ้ำ โดยเอามาทำเป็นที่นั่งสำหรับลูกค้าของร้านอาหาร


ดูใกล้ๆก็จะเป็นแบบนี้ มีโต๊ะ มีเบาะนั่งให้เอกเขนก


เดินหาร้านกาแฟอยู่นาน กะจะทานกาแฟไปด้วย และชมวิวปราสาทอูชิสะร์ไปด้วย หาไปหามาไปได้ที่ร้านนี้ วิวดีที่สุดแล้วครับ Duven Hotel Cappadocia เป็นทั้งโรงแรมและร้านอาหารในตัว


ร้านอาหารเขาอยู่ชั้น 2 เห็นวิวปราสาทอูชิสะร์ถึง 2 ด้าน สุดๆไปเลยครับ


สั่งกาแฟร้อนมา กาแฟหลักสิบ วิวหลักล้าน 555 ผมนั่งอยู่นานพอควรเลย เพราะข้างนอกฝนกำลังตกพรำๆอยู่ รอให้ฝนหยุดตกซะก่อน แถวนั่งไปก็ดูคนเดินผ่านไปมา ชาร์จแบ็ตกล้องไปด้วยในตัวโดย powerbank ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากๆ


แล้วก็แอบส่องหินแปลกๆ ตรงนี้ ทำไมมันไม่หล่นจากยอดหล่ะเนี่ย รอวันหล่นมาจะอันตราย หรือแบบสมดุลคล้ายๆพระธาตุอินทร์แขวน?


ตรงนี้เป็นด้านหลังของปราสาทอูชิสะร์ ที่ไม่ได้เปิดให้คนเข้าไป แต่ผมอ่านจากคุณ Patches แกไปเจอลุงที่พาแกเดินเข้าไปได้ ที่เจอช่องไว้ จริงๆทำเพื่อเป็นหลุมศพในสมัยนั้นนะครับ


หลังจากนั้น พอฝนหยุดตก ก็เดินไปหาจุดที่เขาเขียนว่า Pigeon Valley น่าจะเป็นบริเวณนี้ เห็นสีเหลืองเข้มของดินแล้วแปลกดีครับ


มันตรงกับริเวณที่เป็นร้านอาหารตรงนี้พอดีเลย


หลังจากนั้นผมก็หาทางเดินกลับไปป้ายรถ เดินมั่วไปหมด เข้าถนนเส้นโน้นออกเส้นนี้ ไปเจอกับเครื่องเล่นเด็กในหมู่บ้านครับ น่ารักดี


สุดท้าย หลังจากเดินหลงๆ แม้จะมี Google Map ก็ตาม ผ่านไป 15 นาที ก็มาเจอป้ายรถที่จะรอรถกลับตัวเมืองจนได้  สังเกตจะมีคนยืนรออยู่แล้ว 2 คน


ไม่นานรถมินิบัสก็มาครับ สาย Goreme - Nevşehir ก็มีอยู่สายเดียวนั่นแหล่ะ


ขึ้นประตูหลัง โอ้ววว ที่นั่งเต็ม...แต่ลุงคนข้างหน้าที่เป็นคนเก็บเงินแกนั่งเบาะหลังสุดอยู่ แกลุกไปเก็บเงินเลยได้นั่ง คิดว่าจะได้ยืนตลอดทางซะแล้วเชียว


15.52 น. ก็มาถึงยังป้ายรถป้ายเดิม แล้วก็เดินไปตามทางที่จะไปโรงแรมแต่ยังไม่กลับโรงแรม 
เดี๋ยวมาต่อกันในตอนหน้านะครับ 


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น