วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2562

ตุรกี...คนเดียวก็เที่ยวได้ ตอน 1 เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลด้วยเครื่องบิน 2 ไฟล์ท 14 ชั่วโมง 40 นาที กว่าจะถึงดินแดน 2 ทวีป...ตุรกี


ถึงวันออกเดินทางไปตุรกีแล้ว วันนี้จะต้องไปให้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณเวลา 7.15 น. ก่อนเวลาบอร์ดดิ้ง 3 ชม. แล้วก็อยู่ในเครื่องบิน(Boeing 767) อีก 7 ชั่วโมง 10 นาที ซึ่งนานมากๆ เฮ้อ แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินอัลมาตี้ เมืองอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน อีก 1 ชั่วโมงครึ่ง แล้วบินต่อไปอิสตันบูลอีก 5 ชั่วโมงเต็ม(Airbus A321) เวลาที่จะถึงสนามบินคือ 20.55 น. โอวมายก็อด! นานมากกกกกก แล้วไม่รู้จะเลทหรือไม่ เอาวะ....ไม่ลองไม่รู้ทนๆนั่งไปครับ กะไปถึงแล้วเข้าโรงแรมนอนก่อนเลย คงเหนื่อยกับการเดินทางมากๆ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาว่ากันต่อ

ปล.ชื่อตอนนี้เปลี่ยนจากเดิม Second Time in Europe...Turkey (ซึ่งเป็นซีรี่ส์ต่อจากตอนที่ไปยุโรปครั้งแรกที่สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2008 หรือ 11 ปีมาแล้ว) เพื่อให้มันสื่อถึงการเดินทางนานๆมากขึ้น


วันนี้(13 เมษายน 2562) เป็นวันเดินทางไปประเทศตุรกี ตื่นตี 4 ครึ่งเพื่ออาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเรียก GrabTaxi เพื่อให้ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีไฟล์ทบินเวลา 10.15 น. นั่นคือต้องไปถึงก่อน 3 ชั่วโมง(หรือ 7.15 น.) จะได้ไม่รีบเร่งมากนักในการต่อคิวเช็คอินและเข้าคิวผ่านตม.ขาออก  แต่ไปถึงสนามบินจริงๆ 05.50 น. ฮ่าๆๆ มาแต่ไก่โห่เลย ก็รอเช็คอินกันไปครับ แผงจอช่องเช็คอินของสายการบิน Air Astana ที่อยู่ด้านซ้ายมือยังไม่ขึ้นมาเลย ก็เลยวางกระเป๋าประจำการแถวๆช่อง G นี้ไปก่อน
ปล. วันนี้จะใช้เลนส์ไวด์ EFS 10-18 mm. ถ่ายเกือบทั้งหมดนะครับ ส่วนในเครื่องบินจะใช้กล้องจากมือถือ Galaxy J7 Pro ถ่าย เนื่องจากกล้อง M50 จะเก็บไว้ในกระเป๋ากล้องด้านบนไม่อยากเอาออกเอาเข้า ไม่สะดวก


6.39 น. แผงที่บอกช่องเช็คอินก็แจ้งมาแล้ว นั่นคือช่อง U ครับ ก็เลยเปลี่ยนมานั่งใกล้ๆช่องนี้เลย จะได้ไม่เสียเวลาเมื่อเปิดให้เช็คอินจริงๆ
แล้วก็หิวจนได้ เลยเดินลงไปหาซื้ออะไรที่เบาๆไม่หนักท้องมากนัก ไปเจอร้านแฟมิลี่มาร์ท ชั้น 2 มั้งถ้าจำไม่ผิด เออ...ราคาไม่แพงนะครับ ซื้อแซนวิชแฮมชีสมา 1 อัน(36 บาท) น้ำเปล่า 1 ขวด(7 บาท) แล้วทานยาตาม อิอิ ไม่นานก็เปิดเคาน์เตอร์ให้เช็คอินครับ 3 เคาน์เตอร์ บิซสิเนสจองไป 1 ผมไปก่อนเลยแถวไม่ยาวและรอไม่นานเลยครับ สักพักก็ได้ตั๋วมา 2 ใบ คือไฟล์ทจากที่นี่ไปอัลมาตี้ 1 ใบ และไฟล์ทจากอัลมาตี้ไปอิสตันบูล 1 ใบ กระเป๋าที่โหลดจะเช็คอินแบบ Check Through ไม่ต้องเช็คอินอีกที่ไฟล์ทที่ 2 เพราะกระเป๋าจะไปรอที่ปลายทางสนามบินอิสตันบูลเลย!


 ได้ตั๋วและบอร์ดดิ้งพาสเสร็จไม่เถลไถลไปไหนแล้ว รีบเข้าตม.ขาออกเลยครับ 555 กลัวคิวยาวววว แต่มาเช้าๆแบบนี้ คิวสั้นครับ ฉลุยเลย แล้วก็ผ่าน Security มาอีกด่าน จนมาถึง ณ จุดนี้ จะซ้ายหรือขวา ไปขวาโลด เพราะเกท G1 นั่นเอง


การเดินเลี้ยวขวามาตรงนี้มันหวนให้ย้อนระลึกถึงตอนจะบินไปมุมไบกับน้องๆอีก 2 คนที่ทำงาน โดยตอนนั้นไปอบรมครับ เกทพวกสายการบินแปลกๆ จะมาละแวกนี้ คือไกลมากกก ผมแวะเก็บภาพที่เคาน์เตอร์ King Power ทางด้านซ้ายมือ เพราะแสงไฟสีฟ้าอ่อนๆมันสวยบาดตาจนอดไม่ได้ที่จะหยุดถ่ายรูป


เดินมายาวๆ ณ จุดนี้เป็นจุดเลือกจะซ้ายหรือขวาอีกแล้ว ไปทางขวาครับ ชอบภาพนี้ครับ ด้านตรงหน้าเป็นจั่วทรงไทยร้าน OTOP พื้นก็เป็นลายดอกไม้สวยงาม เพดานเป็นการออกแบบแบบกระจกมีโครงสร้างเหล็กรองรับแบบสี่เหลี่ยมให้ดูโปร่ง มันสมบูรณ์ไปหมด


แล้วก็ถึงทางลงที่จะไปเกท G1 ครับ โค้งซ้ายโค้งขวาแบบนี้สวยงามมากๆ เลนส์ไวด์ และระยะ 10 mm. เท่านั้นที่จะจับมุมมองนี้ได้



มาชมคลิป การทดสอบกันสั่น ของตัวกล้อง Canon EOS M50 + เลนส์ EFS 10-18 mm.โดยไม่ใช้อุปกรณ์กันสั่นใดๆ กันครับ (รบกวนกดติดตามช่องใน youtube ให้ด้วยนะครับ อิอิ)


อย่างที่บอก มาเร็ว 8.23 น. ยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง เลยของีบหลับแบบหลับๆตื่นๆ ที่เก้าอี้ที่ทำมาเแบบนี้โดยเฉพาะ ผมใช้โหมด Silence ในการกดชัตเตอร์รูปนี้ กลัวว่าคนที่นอนจะตื่นเอา


ผ่านไป 1 ชั่วโมง เดินมาดูหน้าเกท G1 ซะหน่อย(ด้านขวามือที่มีพนักงานหญิงยืนอยู่ครับ) เกทยังไม่เปิดแต่อย่างใด รอกันไปอีก


และแล้วก็ได้เวลาเข้าเกทครับ เดินลงมา แต่ที่นั่งเต็ม! ก็ยืนรอกันไป ไม่นานหรอก ลำนี้แหล่ะ Boeing 737 Air Astana ที่จะพาเราบินไปลงสนามบินอัลมาตี้ คาซัคสถาน


ได้เวลาเดินไปหาที่นั่งแล้ว ของผมจองมาที่นั่ง 49C หลังๆ ติดทางเดิน อยากใกล้ห้งน้ำจะได้สะดวกหน่อย


ได้นั่งแล้วครับ 49C เก็บกระเป่ากล้องไว้ด้านบนเรียบร้อย คราวนี้เป็นหน้าที่ของกล้องมือถืออย่างเดียวเลยครับ จะเห็นโทนสีของภาพที่ได้จะแตกต่างกันเลยทีเดียว แต่ก็พอกล้อมแกล้มไปครับ
นับจากบัดนี้ไป หลับสิครับ ตื่นตั้งตี 4 ครึ่ง



แต่ก่อนจะหลับ อยากให้ชมคลิปการสาธิตขั้นตอนความปลอดภัยที่แปลกแหวกแนว ของสายการบิน Air Astana กันก่อนครับ เขาเอาคนมาต่อตัวกันเป็นข้อความ เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ สวยงาม ครีเอทดีมากๆครับ (รบกวนกดติดตามช่องใน youtube ให้ด้วยนะครับ อิอิ)


ผ่านไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ อยู่น่านฟ้าประเทศอะไรก็ไม่รู้ ได้เวลาทานอาหารจานหลัก แต่น่าเสียดายผมไม่ได้ถ่ายมา จะเพราะลืม หรือเกรงใจคนข้างๆก็ไม่รู้ได้ แต่อาหารอร่อยดีครับ ชอบท็อฟฟี่ที่เป็นช็อคโกแล็ตมากๆ อร่อยดี ผมต้องการอะไรใส่ท้องมากๆ เพราะอาการลม/กรด ในท้องมันทำให้อึดอัดมากๆ


ให้ดูหน้าจอที่เป็นภาษาคาซัคนะครับ เหลืออีกเกือบๆ 3 ชั่วโมงจะถึงอัลมาตี้ ด้วยความเร็ว 690 กม./ชม. อุณหภูมิภายนอก -47 องศาเซลเซียส


แล้วก็ถึงเวลาเสริฟอาหารว่างอีกครั้ง เป็นพายอะไรสักอย่าง เห็นมั้ยครับ มาจากครัวการบินไทยของเรา อิอิ


นั่งๆหลับๆแบบทรมาน(ท้องอืดเพราะทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา) ก็มาถึงสนามบินอัลมาตี้จนได้ครับ กำลังจะแลนดิ้งในอีก 47 นาที ค่อยยังชั่วหน่อย เคยมั้ยครับที่เวลาแต่ละนาทีมันผ่านไปช้ามากๆ จนต้องนั่งนับถอยหลังอ่ะ มันทรมานจริงๆ รู้สึกดีมากๆที่นั่งเครื่องแบบ 2 ต่อ ถ้านั่งยาวๆ 10 ชั่วโมงผมตายจริงๆ อย่างน้อยๆก็ลงมาปรับอิริยาบทบนพื้นโลกปกติ ยืดแขนยืดขา ทำโน่นนี่ก่อนจะเริ่มนั่งในที่ที่พื้นที่จำกัดอีกครั้ง


ลงจากเครื่องก็เข้าอาคารผู้โดยสารสนามบินอัลมาตี้ (เป็นสนามบินเล็กๆ ไม่ใหญ่เลย ทั้งๆที่เป็นฮับหรือจุดแวะต่อเครื่องไปประเทศปลายทางที่สำคัญๆทีเดียว เช่น อิสตันบูล, มอสโคว์, เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก, แฟร้งเฟิร์ตส์ ฯลฯ) แล้วเลี้ยวขวามาทางที่เขียนว่า Transfer นะครับ ไม่ต้องไปต่อคิวเข้าตม.นะ ถึงจะเข้าก็เข้าไม่ได้ด้วย เพราะประเทศคาซัคสถานไทยเราต้องขอวีซ่าก่อนเข้าครับ พอมาที่ช่อง Transfer คือต่อเครื่อง ก็ต้องขอดูตั๋วใบที่ 2 กัน พร้อมกับสแกนสัมภาระที่หิ้วมาบนเครื่องด้วย แจ็คเก็ต เข็มขัดก็ด้วย คล้ายเข้า Security ย่อยๆ แม้จะแค่แวะเปลี่ยนเครื่องก็ตาม พอผ่านมาเสร็จซึ่งไม่นานหรอกครับ ก็ขึ้นมาชั้นบนครับ มีร้านอาหาร ร้าน Duty Free และของฝากหลายร้าน พอดีขามานี่ใช้เวลารอต่อเครื่องแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง เลยไม่ได้ซื้ออะไรครับ เพราะนั่งรอไม่นานก็เรียกเข้าเกทอีกครั้งแล้ว(ไม่เหมือนขากลับ รอ 6 ชั่วโมง ได้มีสั่งอาหารทานแน่ๆครับ)


ได้เวลาขึ้นเครื่องรอบที่ 2 คราวนี้เครื่องเล็กลงมาหน่อย เป็น Airbus A321 การจัดเรียงที่นั่งแบบ Eco จะเป็น 3-3 ซึ่งแน่นอนว่าผมเลือกที่นั่งติดทางเดิน แต่พอไปถึงที่นั่ง งงมาก เฮ้ย....มีผู้หญิงมานั่งแทนเฉย เลยถามไปว่ายูที่นั่งอะไร ไอที่นั่ง 13C นะ จนแกเอาตั๋วมาดู บอกกับผมว่า ที่นั่งแกบิซสิเนส อ้าว แล้วมานั่งตรงนี้ทำไม?? งง?? ที่นั่งเดิมไม่มีเพื่อนคุยหรือไง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ช้ามากๆครับ กว่าจะย้ายไปที่นั่งเดิมของตัวเอง แกก็รอคนให้ว่างอีก(มันไม่ว่างหรอก เพราะมีคนเดินเข้ามาตลอด) แทนที่จะเดินขอทางสวนไป ผมเลยยืนเก้ๆกังๆ ไปบังที่นั่งคนอื่นเขาอีก(ก็เพราะผู้หญิงคนนี้ยังไม่ออกจากที่นั่งผมไงครับ เฮ้อ...น่าเบื่อมากๆ) กว่าจะย้ายไปที่นั่งที่ถูกต้อง นานโคตรๆ คนคาซัคนี่นิสัยแปลกๆ ไม่เกรงใจคนอื่น ส่วนสจ็วตยืนอยู่ใกล้ๆก็ไม่ยอมเดินมาช่วยจัดการ ทั้งๆที่ผมก็มองหน้าคล้ายๆว่า เฮ้ย...ยูมาช่วยหน่อยนะ


ผ่านไปกับอะไรที่มันแปลกๆ สุดท้ายก็ได้นั่ง เกือบๆ 2 ชั่วโมงก็มีอาหารมาเสริฟอีกครั้ง ครั้งนี้เลือก Beef หรือเนื้อครับ อร่อยมากๆ นุ่มๆกับซอส ลงตัวที่สุด ส่วนที่นั่งทางขวามือผมเป็นคนไทย(ขอแซวหน่อยครับ สั่งเครื่องดื่มทั้งเบียร์ และไวน์เลยนะเพื่อให้คุ้ม) น้ำแดงๆที่เห็นตรงขวามือของผมคือ น้ำมะเขือเทศครับ งงตัวเองว่าสั่งมาทำไม 555 ทนดื่มจนหมด


และแล้ว....หลังจากนั่งบนเครื่องหลังขดหลังแข็งมา 5 ชั่วโมงเต็มๆ ก็มาถึงสนามบินใหม่อิสตันบูลจนได้ครับ ด้วยเวลาประมาณ 21.29 น. โอ่โถง กว้างจริงๆครับ


ยืนบนทางเลื่อนและชมวิวความใหม่ของสนามบินกันครับ เขาว่าใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ไม่รู้จริงหรือเปล่า


แล้วก็มาเข้าคิวเพื่อผ่านตม.ครับ ตม.ตุรกีไม่โหดนะครับ ผมคนที่ 3-4 จากคนหน้าสุด ก็ผ่านได้สบายๆ คนหน้าๆผมเขาเดินออกไปไหนก็ไม่รู้ เราก็เดินไปตามปกติ ยื่นพาสปอร์ตไปก็มองกล้อง ไม่ถามอะไรเลย แล้วก็รับพาสปอร์ตคืน จบ...เดินไปรับกระเป๋า พร้อมกับป้าย Welcome to Turkey


ดูสิครับ กว้างขวางเอามากๆ สังเกตว่า ด้านที่คนยืนมุงคือสายพานที่ 8 แต่ไฟล์ทผม กระเป๋าจะไปลงสายพานที่ 23A OMG เดินกันขาลากเลยครับ


นี่ไงครับ เดินมาถึงแล้ว 555 ไกลโพดดด


เนื่องจากเป็นสนามบินใหม่ จะมีเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อ T-shirt สีม่วงแบบนี้คอยให้บริการสอบถามได้นะครับ จริงๆผมมีข้อมูลการเดินทางไปย่านสุลต่านมาห์เหม็ดแล้วหล่ะครับ แต่จะถามว่า ไอ้สถานีรถบัสเนี่ย มันอยู่ตรงไหน ก็สอบถามไปครับ แกก็ตอบกลับมา ให้เดินไปทางออก เลี้ยวโน่นนี่ ก็งงๆบ้าง เดี๋ยวตามมาครับ


ได้กระเป๋าแล้วก็ลากมาตามนี้ครับ มองหาทางออก นี่เลย คำศัพท์แรก ภาษาตุรกี Cikis แปลว่าทางออก เดินออกไปเลยครับ


แล้วก็เดินทางทางขวาตามที่บอก พร้อมกับหยุดอ่านป้ายกันก่อนนะครับ ป้ายบอกว่า Otobus / Bus / Shuttle ชี้ไปทางขวามือซึ่งถูกต้องแล้วครับ คราวนี้ศัพท์คำที่ 2 คือ Otobus หรือ Otogar บอดไว้เลยเพราะถ้าเดินทางเองจะเจอตลอด มันแปลว่าท่ารถ หรือสถานีรถบัสสาธารณะ นะครับ


อาจจะละเอียดนิดนึงตามแบบฉบับผมนะครับ เพราะบางทีตัดบางภาพไป บางคนเข้ามาอ่านจะไปเองต่อไม่ติดนะครับ ในภาพก็คล้ายๆสนามบินสุวรรณภูมอเลย ตอนจะลงชั้นล่างเพื่อไปขึ้นรถไฟแอร์พอร์ทลิงค์ จากชั้นกราวนด์ปกติ(ชั้นบน ณ จุดที่ถ่ายภาพ) จะมีทางเลื่อนตรงๆยาวๆแบบนี้ลงมานะครับ แล้วเลี้ยว 180 องศา มาลงอีกชั้นที่เห็นตรงหน้านี้ครับ


แล้วก็หาทางออก พอออกมา เหมือนกับสุวรรณภูมิเลยให้ตายสิ ชั้นที่รอรถแท็กซี่อ่ะครับ ผมว่าสนามบินใหม่ๆ ใหญ่ๆ มันก็แพทเทิร์นเดียวกันหล่ะวะ ก็อปกันไปก็อปกันมา แต่ไม่ใช่จุดนี้นะครับ ให้เลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆ จะเจอเคาน์เตอร์ทางขวามือ ไปสอบถามเลยครับ เขาขายบัตร IstanbulKart อยู่ เพื่อเอาไปใช้ในการขึ้นรถบัส Havaist เข้าเมืองไงครับ ผมบอกไป 50 TLR คือทั้งค่ามัดจำบัตรและที่เหลือก็จะเป็นค่าเงินที่ใช้ได้จริงๆ เอาไว้ใช้ยาวๆเลย


หลังจากนั้นจะจะเจอกับคิวรถบัสนี้ครับ ผมไม่ได้จำเลขอะไรนะครับ ถามอย่างเดียว ที่ขายบัตรก็ถามว่าไปสุลต่านอาห์เหม็ด ขึ้นคันไหน แกก็ชี้มาที่คันนี้ พอมาถึงคันนี้ผมเจอคนที่กำลังเช็ดรถก็ถามอีก แค่บอกสุลต่านอาห์เหม็ด เขาก็บอกใช่ คันนี้ ผมดันไปเสียเวลาถ่ายรูปมากไปหน่อย รวมทั้งถ่ายรูปแกด้วย(คนตุรกีเหมือนอินเดียอย่างที่ชอบให้คนอื่นถ่ายรูปตัวเองทั้งที่รูปตัวเองก็ไม่ได้อยู่แล้ว) รถกำลังจะปิดและจะเคลื่อนไป ดีที่เคาะบอกว่า รอก่อนๆ อีกคนๆ ก็ฝากกระเป๋าที่ชั้นล่าง และใช้บัตร IstanbulKart ที่ได้มาแตะให้แนบกับเครื่องรับ ในรถ อยู่ข้างๆคนขับ แตะแบบแนบๆแลัค้างไว้นิดนึงนะครับ ตอนแรกแตะแบบเร็วๆมันยังไม่อ่าน สักพักก็รับ และแจ้งว่าหักไป 18 TLR เหลือ ... แล้วก็ขึ้นไปหาที่นั่ง รถก็ออกเลย เป็นไงหล่ะ เกือบไม่ทันซะแล้ว


นี่ครับ ภายในรถบัส มี PTV ทุกที่นั่ง ออกนอกสนามบินฝนก็ตกแหม่ะๆเลย ตกไม่หนัก ตกเรื่อยๆ รถก็แล่นไปตามทางไฮเวย์ไปเรื่อยๆ อินเตอร์เน็ตจาก Sim2Fly ใช้งานได้ปกติ ทำให้ดูเส้นทางและเวลาที่จะถึงที่ย่านสุลต่านอาห์เหม็ดได้สบายๆ จาก Google Map


ในที่สุดรถก็มาจอดที่ป้ายปลายทางที่จุดนี้(HAVAIST SULTANAHMET) คือย่านสุลต่านอาห์เหม็ด หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมงจากสนามบินใหม่อิสตันบูล พร้อมกับสายฝนที่เบาๆ พอเอากล้องมาเก็บภาพได้ ต่างคนต่างรอกระเป๋าที่เก็บไว้ที่ด้านข้างรถแล้วก็เดินไปตามโรงแรมที่พัก


อีกมุมครับ ตรงหน้าเป็นอะไรยังไม่รู้เลย น่าจะดังแน่ๆ เพราะเปิดไฟ ดูสิครับ รถบัสก็จอดอยู่ทางซ้ายมือ มันใกล้มากๆเลยครับ ในที่สุดหลังจากดูแผนที่ใน Google Map ก็พบว่าโรงแรม Star Holiday Hotel อยู่ใกล้เอามากๆ เดินไปทางซ้ายมือจากในภาพแล้วข้ามถนนที่มีรถรางแล้วเดินอีกนิดก็เจอทางเข้าโรงแรมแล้วครับ ไม่ต้องเข้าซอยอะไร อยู่ตรงด้านหน้าถนนเลย สุดยอด


นี่ครับ ทางเดินเข้าไปห้องพัก ซึ่งห้องผมอยู่ชั้น 2 ประตูด้านขวามือนี่ไงครับ


ภายในห้องพักครับ ถามว่าเล็กมั้ยก็เรียกว่ากระทัดรัด แต่ก็เข้าใจว่าทำเลมันดีเอามากๆครับ ราคาแพงแต่ได้แบบนี้ ถือว่าโอเคแล้วครับ


ห้องน้ำอยู่ด้านขวามือนะครับ ที่มีประตูเลื่อนสีขาวข้างๆเตียง


มองจากหัวเตียงไปปลายเตียงและประตูทางเข้าครับ


มาชมห้องน้ำกันบ้างครับ ขนาดกระทัดรัด แต่สะอาด


อีกฝั่งนึง ฝั่งเปียกและอ่างล้างหน้าพร้อมกระจก


เก็บข้าวของอะไรเสร็จตอนแรกว่าจะนอนเลย แต่เริ่มคึก เลยลงมาด้านล่างอีกครั้ง พร้อมกับเดินไปหาร้านขนมหวานที่ใครๆที่มาตุรกีก็จะต้องแวะซื้อไปทานกัน เจอคนขายคนนี้ สงสัยเห็นผมถ่ายอะไรนักหนา เลยยื่นขนมให้ชิม 1 ชิ้นเลย อิอิ


แล้วก็ไปหาโต๊ะทาน ได้นี่มา 1 จาน อะไรก็ไม่รู้ ชี้มั่วๆ หวานมากๆ


ก่อนจะออกจากร้าน ก็อีกแล้ว ชวนผมให้ถ่ายรูปพวกเขาทั้ง 2 คน เออ ถ่ายก็ถ่ายวะ 555 ก็เป็นอันหมดไปสำหรับ 1 วันที่แสนจะเหนื่อยกับการเดินทางถึง 2 ต่อด้วยเครื่องบินด้วยกัน ต่อแรก 7 ชม. ต่อที่ 2 อีก 5 ชม. ตายๆ แล้วพรุ่งนี้มาชมกันต่อครับว่าจะไปไหนกันบ้าง ราตรีสวัสดิ์ครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น