หลังจากที่เราไปวัดทองกันในตอนที่แล้ว พอเสร็จก็มายืนรอรถฝั่งตรงข้ามของทางเข้า และลงรถตรงแยกเพื่อเดินไปยังสถานีรถไฟ Enmachi แล้วนั่งรถไฟ JR ไปลงสถานีเกียวโตและต่ออีกขบวนไปสถานี Inari เพื่อไปศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริกันต่อ ซึ่งเราจะไปที่นี่สถานที่สุดท้ายแล้วสำหรับวันนี้ในเกียวโต เพราะแสงน้อยเต็มที ไปไหนไม่สะดวกแล้ว ส่วนงานเปิดไฟที่วัดน้ำใสเราไม่ได้ไป เอาแรงกลับที่พักเพื่อพักผ่อนสำหรับเดินทางไกลกันพรุ่งนี้ครับ
เรากลับมาจากวัดทองโดยรถบัสและเดินมารอรถไฟกลับสถานีเกียวโตที่สถานี Enmachi แห่งนี้ ชาวญี่ปุ่นก็เหมือนๆกับคนไทยเราครับ ยุคนี้ว่างๆ ก็คงต้องก้มมองโทรศัพท์กันต่อไป ไม่เฉพาะในไทยเราหรอก
กลับมาถึงสถานีเกียวโตแล้วต่อรถไฟท้องถิ่นอีกขบวน ไป 2 สถานีกก็ถึง
นี่ไง ลงจากสถานี Inari ก็เดินข้ามถนนเล็กๆมาก็ถึงศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริแล้วครับ ใกล้มากๆ แต่แสงเริ่มน้อยแล้วต้องรีบเดินเข้าไป
ทางเดินเข้าศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
เสาโทริอิสีแดงอีกเสาหนึ่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เจอเสาโทริอิที่นี่นะครับ เพราะมีเสาโทริอิเยอะมาก
ทางเดินขึ้นทางเข้าศาลเจ้า จะสังเกตเห็นเจ้าสุนัขจิ้งจอก 2 ตัว ยืนต้อนรับอยู่ ซึ่งในตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่นเชื่อว่า สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์นำสาส์นของเทพเจ้ามีอิทธิฤทธิ์พิเศษ สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้
เดินเข้ามาจะเป็นทางเข้าซึ่งจะมีรูปปั้นนักรบโบราณทางขวามือ
และนี่ทางซ้ายมือ
เดินเข้ามาจะเจอกับอาคารกลาง ใหญ่โตทีเดียว
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเดินกันต่อไปครับ เจอเสาโทริอิอีกแล้ว
ถ่ายกับเสาโทริอิด้านเล็กหน่อยจ้า
เริ่มมืดแล้ว ต้องรีบเดินผ่านเสาที่ใครๆเขาเดินกัน
ถ่ายช่วงที่ไม่มีคนบ้าง
แบบไม่มีคนบ้างครับ
พอถ่ายย้อนกลับมา เราจะเห็นอักษรภาษาญี่ปุ่นครับ สวยดี สังเกตต้องถ่ายกับโคมไปด้วย ไม่งั้นไม่โฟกัส
พอเดินมาสักช่วง ก็จะมีอีกช่วงหนึ่งต่อไปบนเขา
ป้ายรูปจิ้งจอกให้นักท่องเที่ยวมาวาดเติมตามใจชอบ มีภาษาไทยด้วยนะ อิอิ
เราลองเดินเข้ามาสักพัก แต่ก็ต้องเดินกลับครับ เพราะมืดแล้ว
ขากลับ เสาโทริอิแบบมีตัวอักษรญี่ปุ่น
ลองดูกันสิครับ อุโมงค์เสาโทริอิทอดยาวมากๆ เป็น 10,000 กว่าต้นนะครับ
ตรงนี้อะไรก็ไม่ทราบได้ครับ เหมือนจะเป็นหุ่นโชว์อะไรสักอย่าง
มืดเร็วมากๆ มาหน้าใบไม้เปลี่ยนสีต้องรีบทำเวลาครับ
...
แต่พอเปิดไฟแล้วก็สวยดีมากครับ
สาวญี่ปุ่นในชุดกิโมโน/ยูกาตะ
ออกมาลานด้านนอกกันแล้วครับ เที่ยวได้ไม่นาน
ป้ายผ้านี้บอกว่า ศาลเจ้านี้ได้รับรางวัลที่ 1 จาก Trip advisor ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยี่ยมชมมากที่สุดปี 2014 ครับ
ด้านหน้าทางเข้า ก่อนมาลืมถ่าย
แล้วเราก็เดินมาฝั่งตรงข้ามรอรถไฟกลับเกียวโตเพื่อต่อรถไฟกลับที่พักที่โอซาก้าต่อไปครับ
สำหรับสถานที่ไฮไลท์ในเกียวโต 1 วันก็หมดลงไปแบบคุ้มสุดๆ
มาติดตามกันต่อในตอนต่อไป เราจะนั่งรถไฟไปทะเลสาบคาวากูจิโกะ เพื่อชมภูเขาไฟฟูจิครับ
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น