[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 8]
แต่มาฤดูนี้ดันมีคนมาชวนซะงั้น ก็เลยตัดสินใจไปเลยละกัน จะได้ครบๆสักทีกับการไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆก็ยังไม่ครบนะครับเพราะยังไม่ได้ไปช่วงฤดูร้อน แต่ยังไม่อยากไปเท่าไหร่
พี่ที่ชวนเขาก็ค้นหาช่วงวันที่ปีนี้ดอกซากุระจะบานพอดี และให้เขาลองจัดแผนตลอดทั้งทริปด้วยเพราะเขาอยาไปไหนก็สามารถใส่ได้ตามสบาย โดยผมเพียงจะมาช่วยดูว่าเป็นไปได้มั้ย อ้อ...มีวันเดียวที่ผมขอไปนิโกะ นอกนั้นแล้วแต่เขาจัดเลย สรุปแล้วแผนเที่ยวครั้งนี้จึงออกมา 8 วัน 7 คืนโดยพักที่โตเกียวที่เดียวเท่านั้น
ที่พักแยกกันพัก พี่ที่ชวนกับน้องอีกคนไปพักโรงแรมคล้ายๆบ้านพักย่าน Iriya โดยผมพักที่เดิมตอนไปโตเกียวปี 2559 นั่นคือ 1 Night 1980 Yen Hostel ย่าน Iriya เช่นกัน จริงๆใจอยากจะเลือก Enaka Asakusa Hotel ที่เคยพักมาในย่านอาซากุสะครั้งล่าสุดในทริป 15 วัน อินเจแปน เพราะมันดีมากๆ ตั้งใจไว้ว่าถ้าจะมาพักโตเกียวอีกก็จะมาพักที่นี่ แต่น่าเสียดายครับ มันช่วงไฮซั่นเลยเต็มหมด และราคาก็สูงขึ้นกว่าเดิมมากด้วย เลยต้องกลับมาเลือก 1 Night 1980 Yen Hostel อีกครั้ง ซึ่งก็โอเคนะครับบอกเลย แม้จะไกลไปหน่อยก็ตาม แต่ด้วยราคานี้ยอม มีที่ไหน 7 คืน 14,480 เยน หรือ 4,344 บาท พี่กับน้องที่ไปพัก 7 คืน 12,000 กว่าบาท!
ตั๋วเข้าชมสถานที่และพาสต่างๆที่แพลนไว้ในทริปนี้ ส่วนใหญ่ผมจะจองทางอินเตอร์เน็ตมาล่วงหน้าแล้ว จะได้ไม่เสียเวลามาเดินหาซื้อกันอีก แต่มีข้อดีก็มีข้อเสีย แล้วมาดูกันว่าผมเจอข้อเสียอะไรบ้าง
แน่นอนว่าสายการบินที่ไปนั้นเป็นแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินที่เคยใช้ประจำเมื่อบินไปลงนาริตะ เพราะราคาช่วงที่ไปและกลับนั้นราคาถูกที่สุดแล้ว (อย่างที่เคยแนะนำค้นหาสายการบินราคาถูกให้ใช้ Sky Scanner)
มีอีกเรื่องคือ น้องที่ไปกับพี่ที่ชวนผมนั้น พ่อเขาไม่สบาย เขาเลยจะกลับก่อน โดยวางไว้ว่าจะกลับวันที่ 31 มีนาคม 61 ช่วงเย็น พวกเราเลยจะต้องนั่งรถไฟไปกลับสนามบินไปส่งน้องเขาด้วย
เมื่อตั๋วเครื่องบินพร้อม, ที่พักจองไว้พร้อม. แผนเที่ยว 8 วัน 7 คืนพร้อม. และเงินเยนพร้อม ก็เริ่มเดินทางกันเล้ยยยยย
แพลนวันนี้
BKK - NRT - Iriya - Hotel Checkin - Shibuya - Tokyo Metropolitan Building - Tokyo Tower - Tokyo Station - Iriya
ทริปนี้เลือกเดินทางด้วยเวลาใหม่ คือออกจากสนามบินดอนเมือง 05.05 น. ถึงสนามบินนาริตะ 13.10 น. ต้องมาที่สนามบินดอนเมืองเช็คอินประมาณ 02.00 น. ซึ่งมันดึกมาก ผมมองว่าเวลาไม่สวยครับ ต้องมาดึกก่อนจะบิน พอไปถึงก็บ่ายๆแล้ว แต่ด้วยเพราะราคาถูกสุดเลยต้องเอาเวลานี้ไป ขาไปกำลังขึ้นบินนี่ฝนกำลังตกเลยครับ อ้อ...ลืมทริคนิดนึง ถ้าบินไปลงนาริตะ และอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย ให้เลือกที่นั่งด้านซ้ายมือครับ ส่วนขากลับก็สลับกัน เลือกที่นั่งขวามือ
พอขึ้นเครื่องก็เริ่มหลับครับ ตื่นมาอีกทีก็ใกล้ๆเวลา 9 โมงเช้าตามเวลาไทยแล้ว พนักงานได้นำอาหารที่สั่งไว้มาเสริฟแล้ว ข้าวไก่เทอริยากิ กับน้ำจิ้มแจ๋ว ซึ่งรสชาติแจ๋วมากๆ อิ่มอร่อยกันไปเลย
ในที่สุดก็มาถึงสนามบินนาริตะจนได้ อ้อ...ก่อนลงไม่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้นะครับ ทัศนีภาพคงไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ ไปลุ่นอีกทีตอนขากลับละกันเนอะ
มาชมคลิปตอนจะเดินเข้าตม.กันดีกว่า
เดินผ่านทางเดินที่ด้านข้างเป็นกระจกมองออกไปเห็นแอร์เอเชียเอ๊กซ์ลำที่พาเรามาได้ชัดเจน
ก่อนออกสนามบินก็ไปแลกบัตรเคเซสกายไลเนอร์พร้อมบัตรรถไฟใต้ดินแบบ 1 Day Pass แต่เจ้าหน้าที่งอแงไม่ยอมให้แลก 2 เที่ยวตามที่เราจองมาจากอินเตอร์เน็ตเพราะเราต้องกลับมาส่งน้องอีกทีและกลับเข้าโตเกียวอีกครั้ง เซ็งกับความเถรตรงโดยไม่รู้อะไรเล้ยยย ผมเลยต้องไปยกเลิกตั๋วที่จองทางเน็ตไว้ 1 อัน
ระหว่างทางที่รถไฟแล่น เราก็ได้เห็นซากุระบานบ้างแล้ว ขนาดรายทางยังบานขนาดนี้ ในที่สำคัญๆคงบานสวยงามน่าดู ตื่นเต้นๆ ที่จะได้มาเห็นด้วยตาตัวเองที่ญี่ปุ่น
ด้วยระยะเวลา 44 นาที รถไฟเคเซสกายไลเนอร์(Keisei Skyliner) มามาจดส่งสุดสายที่สถานีเคเซอุเอโนะ เดินขึ้นไปชั้นบนครับ
พอออกมาจากสถานี ภาพที่เห็นก็จะเป็นภาพเดิมๆเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ ไฟ LED ที่ตัวตึกยังไม่เปิดครับ เนื่องจากยังสว่างอยู่ ไม่งั้นเราจะเห็นไฟสวยๆคล้ายๆต้นคริสต์มาสอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
เดินไปหาสถานีรถไฟใต้ดินอุเอโนะ สายฮิบิยะ (Hibiya Line) ไม่ลืมที่จะควัก Tokyu Subway 24-hour ticket ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้พาสของรถไฟใต้ดินอันนี้นะครับ โดยแต่ก่อนคิดแบบวันใดวันหนึ่งเลย คือ 0.01 น. ถึง 23.59 น. เป็น 1 วัน เช่น ถ้าใช้ครั้งแรกเวลา 23.00 น. ก็เหลือใช้ได้อีก 59 นาที คือหมดใช้เวลา 23.59 น. แต่แบบใหม่นับเป็นชั่วโมง คือ 24 ชั่วโมง เช่น ถ้าใช้ครั้งแรกเวลา 23.00 น. ของวันนี้ ก็จะเหลือใช้ได้อีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า คือ หมดใช้เวลา 22.59 น. ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งนับให้ 24 ชั่วโมง แต่ถ้านับแบบเก่าจะใช้ได้เพียงสิ้นวันนั้นเท่านั้นครับ! นี่คือข้อดีของการนับแบบใหม่
ใช้พาส 24 ชั่วโมงรถไฟใต้ดินใส่เกตผ่านเข้ามาที่ชานชาลา สิ่งที่เห็นว่าเปลี่ยนแปลงอีกอย่างคือ การรีโนเวทภายในชาลาให้ทันสมัยและสวยกว่าเดิม เช่นเสาที่เห็นนี้ทำลายเส้นซะสวยงามเลย เพดานก็แต่งสวยครับ ส่วนเสากลางที่รถไฟกำลังแล่นบังอยู่ก็ทาสีขาวซะใหม่เลย ชอบๆ
พอลงที่สถานีอิริยะ ก็แยกย้ายกันไปที่พักครับ ส่วนผม มาตามทางเดินนี้ ทางเดินคุ้นๆเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เจอหมาพุ้ดเดิ้ล 2 ตัวขาวดำน่ารักดีกำลังเดินออกกำลังกายตามเจ้าของ
กลับมายืนที่เดิม ที่ๆเคยคุ้นเคย.....อิอิ ฮัมเพลงพี่คริสติน่า ทุกอย่างเหมือนเดิมเลยนะครับ โรงแรม 1 Night 1980 Hostel สามารถกลับไปอ่านรีวิวตอนผมมาครั้งแรกได้ที่นี่ครับ เช็คอิน จ่ายเงิน 14,480 เยน
พร้อมกับคุยเล่นกับเจ้าหน้าที่ว่า ที่นี่ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ ผมเคยมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อ 2 ปีก่อน เจ้าหน้าที่ก็หัวเราะ ผมไปเก็บสัมภาระข้างบนเสร็จแล้วก็ลงมาข้างนอกอีกครั้ง นัดกับอีก 2 คนไว้
แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานีอุเอโนะ ตอนแรกว่าจะมาทานราเม็งข้อสอบ อิชิรันราเม็ง แต่แถวยาว เลยเปลี่ยนใจไปชิบูย่ากันเลย เพราะแก๊งต้องการไปดูรูปปั้นหมาฮาจิโกะและเดินข้ามแยกชิบูย่า กลัวจะเย็นไป
นั่งรถไฟใต้ดินไม่นานก็มาถึงสถานีชิบูย่าแล้ว มองเห็นซากุระบานตั้งแต่ชั้น 2 เลย นี่คือช็อตที่ 2 ที่เห็นซากุระนับจากวิวระหว่างทางที่รถไฟแล่นจากสนามบินมา
ลงมาชั้นล่าง เดินไปหารูปปั้นหมาฮาจิโกะหมาผู้ซื่อสัตย์ คนเยอะมากครับ นักท่องเที่ยวต่างที่จะมาคอยถ่ายรูปกับรูปปั้น กว่าจะหามุมโล่งๆของรูปปั้นยากมากๆ
แล้วเราก็เดินข้ามแยกชิบูย่าอันโด่งดัง มาชมบรรยากาศระหว่างทางเดินกันครับ
ขึ้นมาชั้น 2 ของร้านสตาร์บักส์ ได้มุมสวยๆที่มองลงไปยัง 5 แยก เห็นรถแข่งขนาดเล็กแล่นเป็นขบวนผ่านไปด้วย ไม่รู้ว่ามีงานอะไร
มาดูแยกชิบูย่าอันควักไขว่กันครับ มองจากมุมบนนี้
เดินไปตามถนนข้างๆ ที่มีชื่อว่า Center-gai Shopping Street ไปหาอะไรทานดีกว่า หิวแล้ว
มาได้ร้านนี้ แต่บอกเลยรสชาติห่วยมากๆ ไม่อร่อยครับ เห็นแค่ภาพสวยหน้าร้าน ขนาดเกี๋ยวซ่ายังไม่อร่อยเลย คิดดู
แล้วก็รีบขึ้นรถไฟไปดูวิวกลางคืนที่ศาลาว่าการกรุงโตเกียว Tokyo Metropolitan Building ตามรอยรีวิวเดิม แต่มาครั้งนี้ ทางเข้าเปลี่ยนไป ไม่สามารถเข้าทางเดิมที่ออกจากลิฟท์ได้แล้ว ต้องเดินอ้อมมาเข้าชั้นใต้ดินตรงนี้ ดูไม่ค่อยสะดวกเลย
ขึ้นไปชั้นบน ก็เก็บวิวมุมสูงตอนกลางคืนมา 1 วิว ส่วนภาพที่เยอะกว่านั้นรบกวนตามไปตามรีวิวเดิมนะครับ รูปเยอะกว่านี้
อันนี้เป็นของที่ระลึกสถานที่สำคัญๆต่างๆในญี่ปุ่น ทำด้วยกระดาษ แล้วก็รีบไปสถานที่ถัดไป
นั่นคือ โตเกียวทาวเวอร์ หรือหอคอยโตเกียวนั่นเอง เดินผ่านตรงนี้ ไม่น่าเชื่อว่าริมทางใต้ต้นซากุระคนญี่ปุ่นยังฮานามิกันอยู่เลย มืดแล้วด้วย สงสัยเน้นดื่มกันอย่างเดียว
เข้ามาในร้านข้างในดีกว่า ครั้งก่อนไม่มีเวลาเดินเข้ามาข้างใน เดอะแก๊งเดินหาของฝากกันตั้งแต่วันแรก เลยเดินเก็บภาพแบบจำลองโตเกียวทาวเวอร์ตรงนี้ไปก่อน
อีกรูปหนึ่ง โตเกียวทาวเวอร์กับซากุระยามค่ำคืน แล้วก็เดินกลับสถานีเดิมไปลงสถานีโตเกียว
ถึงสถานีโตเกียวก็เดินหาทางออกมาด้านนอก หายากจังหนอ
ในที่สุดก็มาถึงภายในสถานีโตเกียว ก็ยังสวยงามเหมือนเดิมจริงๆ
อีกมุมในแนวตั้งครับ ครั้งนี้ถ่ายไม่เยอะ เพราะเคยถ่ายเก็บมาแล้วครั้งก่อน กดดู <-- ได้เลยครับ
แล้วก็ออกมาลานด้านหน้าสถานีโตเกียว ตอนนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่เหมือนครั้งก่อน หาวิวสวยๆไม่เจอเลย
อันนี้ตึกสูง 2 ข้างที่อยู่ฝั่งตรงกันข้างกันด้านหน้าสถานีโตเกียว
แล้วก็วิวด้านหน้าสถานีโตเกียวแบบกว้างๆ เสียดายไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมาด้วย ภาพเบลอไปนิด แต่ก็โอเคแล้วกับการไม่มีขาตั้งกล้อง สวยงามจริงๆ
สุดท้ายกลับมาที่สถานีอุเอโนะ แวะหาอะไรร้อนๆทานมื้อเย็นก่อน ไม่ต้องเดาเพราะคือร้านที่เคยไปครั้งก่อน ร้านราคาประหยัด ตรงข้ามสถานีอุเอโนะนั่นเอง อิ่มท้องแล้วก็กลับสถานีอิริยะ แยกย้ายกันกลับที่พัก แล้วพรุ่งนี้มาเริ่มโปรแกรมกันอีกครั้ง จะไปไหนนั้นมาติดตามกันครับ ส่วนผมเดินกลับโรงแรม 1 Night 1980 Yen Hostel
ถึงล็อบบี้ชั้นล่างก็จัดแจงเปลี่ยนรองเท้าเป็น slipper แล้วเอารองเท้าเราใส่ถึงพลาสติกหิ้วขึ้นไปด้วย แลกกุญแจล็อคเกอร์ก่อนกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นที่พัก ครั้งนี้ได้พักชั้น 5 ครับ เปิดประตูห้องด้านหน้าเข้ามาก็จะเจอการจัดเรียงเตียงแคปซูลแบบนี้ ด้านขวาเป็นตู้ล็อกเกอร์ และมีอีกแถวทางขวามือ
ตรงนี้เป็นอีกแถวหนึ่งของล็อกเกอร์ด้านใน เฉพาะชั้น B หรือชั้นล่าง
มุมนี้เป็นด้านท้ายของห้องแล้ว เตียงผมอยู่ซอกด้านขวามือ เดี๋ยวไปดูกัน
มุมนี้มองจากท้ายห้องไปยังด้านหน้าประตูทางเข้า
นี่ครับ เตียงผม 508B ขอชั้นล่างก็ได้ชั้นล่าง ชอบฝุดๆ แถมทำเลเป้นส่วนตัวอีกด้วย
ยินดีต้อนรับเข้าข้างในห้อง อิอิ
ถึงล็อบบี้ชั้นล่างก็จัดแจงเปลี่ยนรองเท้าเป็น slipper แล้วเอารองเท้าเราใส่ถึงพลาสติกหิ้วขึ้นไปด้วย แลกกุญแจล็อคเกอร์ก่อนกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นที่พัก ครั้งนี้ได้พักชั้น 5 ครับ เปิดประตูห้องด้านหน้าเข้ามาก็จะเจอการจัดเรียงเตียงแคปซูลแบบนี้ ด้านขวาเป็นตู้ล็อกเกอร์ และมีอีกแถวทางขวามือ
ตรงนี้เป็นอีกแถวหนึ่งของล็อกเกอร์ด้านใน เฉพาะชั้น B หรือชั้นล่าง
มุมนี้เป็นด้านท้ายของห้องแล้ว เตียงผมอยู่ซอกด้านขวามือ เดี๋ยวไปดูกัน
มุมนี้มองจากท้ายห้องไปยังด้านหน้าประตูทางเข้า
นี่ครับ เตียงผม 508B ขอชั้นล่างก็ได้ชั้นล่าง ชอบฝุดๆ แถมทำเลเป้นส่วนตัวอีกด้วย
ยินดีต้อนรับเข้าข้างในห้อง อิอิ
ของระเกะระกะเชียว ผ้าที่ให้คลุมฟูกนอนบอกเลย ไม่เคยคลุมตั้งแต่ครั้งที่แล้วๆครับ มันเสียเวลามากๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ขนาดแคบๆแบบนี้ก็นอนสบายนะเออ ไม่อึดอัดเลย หลับปุ๋ย แล้วพรุ่งนี้มาติดตามกันต่อครับ
[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 8]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น