วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

ญี่ปุ่น เมื่อยามซากุระผลิบาน ตอน 3.3 ชิโดริกะฟูชิ(Chidorigafuchi) คือเส้นทางสายซากุระที่ยาวและสวยที่สุดในโตเกียว


พอออกจากประตู Inui-mon Gate (乾門) ทางฝั่งเหนือของพระราชวังอิมพีเรียลแล้วก็ได้เวลาเดินหาซากุระผลิบานแห่งที่ 2 นั่นคือชิโดริกะฟุชิ(Chidorigafuchi) ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกับพระราชวังหล่ะครับ เดินข้ามถนนไปก่อนแล้วเดินลัดเลาะตามแผนที่ในกูเกิ้ล ตอนแรกจะงงๆนิดหน่อยว่าจะไปทางไหนดี แต่สุดท้ายก็หาทางไปจนได้ และค้นพบว่า เส้นทางสายซากุระ ณ จุดนี้เป็นเส้นทางที่เดินชมซากุระผลิบานแบบไม่เบื่อเลย ระยะทางยาวกว่าที่สวนอุเอโนะ มีความร่มเย็น แถมฝั่งขวามือก็เป็นคูน้ำยาวขนานทางเดินตลอดช่วง มีเรือพายให้นักท่องเที่ยวได้เช่าพายกัน ไม่พายก็เดินชมวิวจากด้านบนทางเดินมองคนอื่นพายก็ฟินสุดๆแล้วครับ 

ไม่น่าเชื่อว่า เราใช้เวลาจากทางออกพระราชวังอิมพีเรียลจวบจนสิ้นสุดทางเดินที่ชิโดริกะฟุชิ(Chidorigafuchi) นี้นานถึง 2 ชั่วโมงครึ่งด้วยกัน เพราะไม่รู้สึกเบื่อ อากาศเย็นสบาย ถ่ายรูปในมุมต่างๆได้หลากหลาก เลยยังอยากอยู่บริเวณนี้นานๆ ผมถ่ายรูปมาสองร้อยห้าสิบกว่ารูป ต้องมาเลือกให้เหลือ 50 รูป ลำบากจริงๆครับ เพราะทุกรูปแม้วิวอาจจะดูคล้ายๆกันแต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว จุดนี้ผมจึงขอยกให้เป็นจุดชมวิวซากุระผลิบานที่สวยที่สุดในโตเกียว(เท่าที่ตัวเองได้ไปมา) และในทริปนี้ด้วย 


จากประตูทางออก Inui-mon Gate (乾門) ของพระราชวังอิมพีเรียล เดินมาอีกนิดเราก็มาเจอกับต้นซากุระข้างด่านเก็บเงินทางด่วน เห็นคนเขาถ่ายรูปกัน เลยเข้าไปถ่ายด้วย ยังไม่ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง


ดอกจะโทรมๆหน่อยครับ สงสัยทรงโดนลมและควันพิษเลยไม่บานสวยๆเหมือนจุดๆอื่น


แล้วก็ได้เวลาข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงแล้ว เจอกับอนุสาวรีย์ท่านๆนึงกำลังขี่ม้า ชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ 北白川宮能久親王銅像 พิกัดอยู่ตรงนี้ในแผนที่ครับ


ด้วยความที่งงๆว่าจะเดินไปทางซ้ายหรือเข้าไปในสวนคิตะโนะมะรุ ดี เลยเอามือถือมากดดู โห...Google นี่สุดยอดมากๆ พอถึงช่วงเวลาเทศกาลใดๆในแต่ละพื้นที่ Google จะแสดงข้อมูลสำคัญๆบนแผนที่ไว้ อย่างเช่นรูปนี้ บอกเส้นทางที่มีซากะระบานไว้เป็นแถบชมพู-ขาว ไว้ชัดเจนเลยครับ งั้นก็เดินไปทางซ้ายมือตามแผนที่เลย


อยู่ๆก็เดินเข้ามาด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมสมัยใหม่แห่งชาติของญี่ปุ่นเฉยเลย ดูอาคารทรงยุโรปอีกแล้ว คล้ายๆสถานีโตเกียวเลยแฮะ


พอหายงงก็คลำทางโดยออกไปด้านนอกแล้วเดินข้ามสะพานลอยไป คือต้องเดินข้ามสะพานลอยที่ข้ามทางด่วนด้านล่างนี้มาก่อน แล้วค่อยเดินเลี้ยวขวาเลียบถนนไปตามทางเดินปกติ


ได้เจอดอกซากุระระหว่างทางเดิน จริงๆก็มีทั่วไปแหล่ะครับในช่วงนี้ของญี่ปุ่น ต้นนี้สีออกแดงๆ


เดินผ่านรถขายมันเผา ขนาดผ่านไปแล้วยังเดินย้อนกลับมานิดนึง เพราะกลิ่นมันยั่วจมูกซะจริงๆ เห็นเขียนว่ามันหวาน


ด้วยราคาไม่แพงมากนัก อันละ 300 เยน เลยสั่งกันคนละอัน ก็อร่อยจริงๆครับ แล้วนั่งทานแถวนั้นแหล่ะ ทานไปก็นั่งมองคนมาซื้อคนอื่นๆด้วย เวลาผ่านไป 10-15 นาทีมีรถตำารวจมาจอดด้านหลัง เอาแล้วไง เดินมาตักเตือนว่าให้ขับออกไปขายที่ริมถนนไม่ได้ คนกำลังซื้อนี่แตกฮือเลยครับ  ดีนะที่เราซื้อและทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว


แล้วก็มาถ่ายวิวซากุระที่ถือว่าเป็นจุดดังจุดหนึ่งในโตเกียว จุดนี้ที่มองไปยังฝั่งโน้น ผมยังงงว่า ทำไมมันมีสะพานกั้นแบบนี้นะ เห็นในรูปมันโล่งๆ ไม่มีสะพานนี่หน่า


หรือเขาจะถ่ายแบบซูมอย่างนี้ แต่ก็ยังไม่ใช่มุมที่เห็นๆกัน ก็ยังงงกันต่อไป


เดินไปเรื่อยๆครับ เจอดอกซากุระช่อนี้กำลังผลิบานเต็มที่สวยงามเลย อยู่เหนือระดับศีรษะไปหน่อยเดียว


ตรงนี้ที่เป็นทางเดินใต้ต้นซากุระที่เราเดินมา หันมองย้อนกลับไปครับ


จะเห็นบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้านี้ แต่เดี๋ยวก็จะถึงสี่แยกแล้วครับ จะได้เดินไปตามทางสายซากุระที่ Chidorigafuchi สักที แล้วก็เลิกงงเสียทีเพราะมันมีทางเดินไปใกล้ๆให้ถ่ายรูปนั่นเอง 555


พอสุดทางตรงทางแยก ก็ข้ามถนน Daikancho-Dori ไปอีกฝั่งก่อน เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังก้งโค้งถ่ายรูปกันจรดจ่อเชียว


อ้อ....มุมนี้นี่เอง


ซูมไปดูซิ โห....ซากุระบานเต็มที่กระจายอาณาเขตเยอะมากๆ


หลังจากนั้นก็ข้ามถนนกลับมาจุดเดิม แล้วเดินเข้าจุดเริ่มต้นเส้นทาง Chidorigafuchi จะเจอกับรูปปั้นหญิงอวบคนนี้ตรงต้นทางเดิน


เดินเข้าไปก็จะพบเจอกับกลุมซากุระบานกันเต็มที่


หันมองไปทางซ้าย บางส่วนก็จะมีใบเล็กๆที่ร่วงลงมาบนพื้นจากลมที่พัดอยู่ตลอด


ทำเลดีมากๆ ต้นซากุระริมคูน้ำกำลังแผ้กิ่งก้านลงไปที่ผิวน้ำ


แหงนมองขึ้นไปด้านบน ทั้งดอกและกิ่งก้านสาขาปิดคลุมท้องฟ้าไปหมดเลย เลยทำให้พื้นที่ด้านล่างเย็นๆ ไม่ร้อนจากแสงแดดนัก


ดูกันระยะใกล้กันอีกนิด ดอกซากุระหนาแน่นมากๆ


ซูมจนหลังละลาย


จุดนี้พันธุ์จะสีขาวซะส่วนใหญ่เลย

ว้าวววว......มองลอดผ่านอุโมงค์ต้นไม้ก็ได้นะ


ยังมองหามุมมหาชนที่ใครๆเขามาถ่ายมุมนี้กัน มุมนี้เกือบใช่


พายเรือมาใต้ร่มเงาซากุระต้นนี้ก็ดีไม่น้อย ขอพักแป๊ปเดียววว


วิวนี้ได้เห็นกิ่งซากุระต้นทางขวามือที่โน้มตัวลงมาหาผิวน้ำได้เกือบจะถึงผิวน้ำเลยทีเดียว


เดินต่อไปจะเป็นแถวที่มีนักท่องเที่ยวมายืนรอคิวเช่าเรือพายครับ คือเห็นคนญี่ปุ่นเข้าแถวยาวๆทีไรแล้วนับถือจริงๆ อดทนมากๆ เป็นผมนะเหรอ ไม่สามารถยืนรอนานขนาดนี้ได้ เพราะเมื่อยและไม่มีความอดทนพอ


แล้วก็พบจุดชมวิวและเป็นจุดถ่ายรูปที่เรียกได้ว่า มุมมหาชน กันแล้วครับ อยู่ชั้นบนของอาคารเช่าเรือนั่นเอง วิวนี้น่าจะใกล้เคียงมุมที่ใครๆถ่ายมามากที่สุดแล้วครับ


ซูมเข้าไปอีกนิด ช่วงนี้มีเรือพายเยอะเลย


ส่วนมุมนี้เรือพายน่าจะเยอะสุดแล้วนะครับ ถ้ามีเวลามากจริงๆผมก็อยากไปพายเหมือนกันนะครับ แต่คงจะเสียเวลาน่าดูเลย แลกกับบรรยากาศที่ได้รับมาก็คุ้ม


เดินหามุมถ่ายภาพไปเรื่อยครับ รูปนี้น่าจะชื่อว่า "หลังม่านซากุระ"



คนก็ยังเยอะอยู่ตลอดทั้งเส้นทางนะครับ ส่วนซากุระก็หนาแน่นชุกจริงๆ


แถบนี้ซากุระที่ยื่นไปคูน้ำก็ดกเหมือนกัน เริ่มได้เห็นเรือพายสีแดงมากขึ้น


มองลอดผ่านกิ่งซากุระไปยังทางด่วนที่เดินผ่านมา


โฟกัสไปที่ดอกซากุระด้านซ้ายมือบ้าง


ระหว่างแดดออกฝั่งโน้นกับแดดร่มฝั่งนี้


จุดนี้หล่ะครับที่เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันเยอะ เพราะเป็นจุดที่คูน้ำกำลังเปลี่ยนทิศทางพอดี


แถมได้เห็นท่าน้ำที่ขึ้น/ลงเรือพายอย่างชัดเจนได้ด้วย


เก็บภาพกันทุกๆมุมเลย


กิ่งซากุระกิ่งเดิมที่โน้มตัวลงไปหาผิวน้ำ แผ่ก้านดอกกว้างใหญ่ซะจริงๆ ซากุระพวกนี้ต้องมีอายุ 100 ปีขึ้นไปแน่ๆ


ดูเจ๊คนนี้สิครับ เล่นนอนราบอย่างกำลังจะซิทอัพแหล่ะ 555


เดินกันต่อไปครับ ไม่มีท่าทีว่าคนจะน้อยลงเลย แถมยิ่งเย็นยิ่งมีคนเยอะขึ้นด้วยซ้ำไป


เอ๊ะ...ด้านซ้ายมือมีคนมายืนเข้าคิวรออะไรกัน??


อ๊ะ...ก่อนเฉลย เรามาเปลี่ยนบรรยากาศชมดอกชนิดอื่นที่ไม่ใช่ดอกซากุระกันบ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดอกอะไร


เฉลยแล้ว...สถานทูตอินเดียนั่นเอง ในสโลแกนว่า Incredible India ส่วนผมมีบันทึกเดินทาง Incredible Sikkim ไปอ่านกันได้ครับ


แล้วท้ายสุดก็มาถึงสุดเขตของคูน้ำ เลี้ยวไปทางขวาอีกนิดก็ตันแล้ว ต้องวกเรือกลับมา


เวลา 16.00 น.กำลังแออัดพายเรือกันอยู่ใต้ร่มซากุระกันเลย แล้วก็สิ้นสุดทางเดินสายซากุระของ Chidorigafuchi กันแล้วครับ ไว้มาตามกันใหม่ในตอนหน้า จะพาไปสวนคิตะโนะมะรุกันที่อยู่ติดกันต่อไป


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น