[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 8]
พอออกจากประตู Inui-mon Gate (乾門) ทางฝั่งเหนือของพระราชวังอิมพีเรียลแล้วก็ได้เวลาเดินหาซากุระผลิบานแห่งที่ 2 นั่นคือชิโดริกะฟุชิ(Chidorigafuchi) ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกับพระราชวังหล่ะครับ เดินข้ามถนนไปก่อนแล้วเดินลัดเลาะตามแผนที่ในกูเกิ้ล ตอนแรกจะงงๆนิดหน่อยว่าจะไปทางไหนดี แต่สุดท้ายก็หาทางไปจนได้ และค้นพบว่า เส้นทางสายซากุระ ณ จุดนี้เป็นเส้นทางที่เดินชมซากุระผลิบานแบบไม่เบื่อเลย ระยะทางยาวกว่าที่สวนอุเอโนะ มีความร่มเย็น แถมฝั่งขวามือก็เป็นคูน้ำยาวขนานทางเดินตลอดช่วง มีเรือพายให้นักท่องเที่ยวได้เช่าพายกัน ไม่พายก็เดินชมวิวจากด้านบนทางเดินมองคนอื่นพายก็ฟินสุดๆแล้วครับ
ไม่น่าเชื่อว่า เราใช้เวลาจากทางออกพระราชวังอิมพีเรียลจวบจนสิ้นสุดทางเดินที่ชิโดริกะฟุชิ(Chidorigafuchi) นี้นานถึง 2 ชั่วโมงครึ่งด้วยกัน เพราะไม่รู้สึกเบื่อ อากาศเย็นสบาย ถ่ายรูปในมุมต่างๆได้หลากหลาก เลยยังอยากอยู่บริเวณนี้นานๆ ผมถ่ายรูปมาสองร้อยห้าสิบกว่ารูป ต้องมาเลือกให้เหลือ 50 รูป ลำบากจริงๆครับ เพราะทุกรูปแม้วิวอาจจะดูคล้ายๆกันแต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว จุดนี้ผมจึงขอยกให้เป็นจุดชมวิวซากุระผลิบานที่สวยที่สุดในโตเกียว(เท่าที่ตัวเองได้ไปมา) และในทริปนี้ด้วย
ดอกจะโทรมๆหน่อยครับ สงสัยทรงโดนลมและควันพิษเลยไม่บานสวยๆเหมือนจุดๆอื่น
แล้วก็ได้เวลาข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงแล้ว เจอกับอนุสาวรีย์ท่านๆนึงกำลังขี่ม้า ชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ 北白川宮能久親王銅像 พิกัดอยู่ตรงนี้ในแผนที่ครับ
ด้วยความที่งงๆว่าจะเดินไปทางซ้ายหรือเข้าไปในสวนคิตะโนะมะรุ ดี เลยเอามือถือมากดดู โห...Google นี่สุดยอดมากๆ พอถึงช่วงเวลาเทศกาลใดๆในแต่ละพื้นที่ Google จะแสดงข้อมูลสำคัญๆบนแผนที่ไว้ อย่างเช่นรูปนี้ บอกเส้นทางที่มีซากะระบานไว้เป็นแถบชมพู-ขาว ไว้ชัดเจนเลยครับ งั้นก็เดินไปทางซ้ายมือตามแผนที่เลย
พอหายงงก็คลำทางโดยออกไปด้านนอกแล้วเดินข้ามสะพานลอยไป คือต้องเดินข้ามสะพานลอยที่ข้ามทางด่วนด้านล่างนี้มาก่อน แล้วค่อยเดินเลี้ยวขวาเลียบถนนไปตามทางเดินปกติ
ได้เจอดอกซากุระระหว่างทางเดิน จริงๆก็มีทั่วไปแหล่ะครับในช่วงนี้ของญี่ปุ่น ต้นนี้สีออกแดงๆ
เดินผ่านรถขายมันเผา ขนาดผ่านไปแล้วยังเดินย้อนกลับมานิดนึง เพราะกลิ่นมันยั่วจมูกซะจริงๆ เห็นเขียนว่ามันหวาน
ด้วยราคาไม่แพงมากนัก อันละ 300 เยน เลยสั่งกันคนละอัน ก็อร่อยจริงๆครับ แล้วนั่งทานแถวนั้นแหล่ะ ทานไปก็นั่งมองคนมาซื้อคนอื่นๆด้วย เวลาผ่านไป 10-15 นาทีมีรถตำารวจมาจอดด้านหลัง เอาแล้วไง เดินมาตักเตือนว่าให้ขับออกไปขายที่ริมถนนไม่ได้ คนกำลังซื้อนี่แตกฮือเลยครับ ดีนะที่เราซื้อและทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แล้วก็มาถ่ายวิวซากุระที่ถือว่าเป็นจุดดังจุดหนึ่งในโตเกียว จุดนี้ที่มองไปยังฝั่งโน้น ผมยังงงว่า ทำไมมันมีสะพานกั้นแบบนี้นะ เห็นในรูปมันโล่งๆ ไม่มีสะพานนี่หน่า
หรือเขาจะถ่ายแบบซูมอย่างนี้ แต่ก็ยังไม่ใช่มุมที่เห็นๆกัน ก็ยังงงกันต่อไป
เดินไปเรื่อยๆครับ เจอดอกซากุระช่อนี้กำลังผลิบานเต็มที่สวยงามเลย อยู่เหนือระดับศีรษะไปหน่อยเดียว
ตรงนี้ที่เป็นทางเดินใต้ต้นซากุระที่เราเดินมา หันมองย้อนกลับไปครับ
จะเห็นบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้านี้ แต่เดี๋ยวก็จะถึงสี่แยกแล้วครับ จะได้เดินไปตามทางสายซากุระที่ Chidorigafuchi สักที แล้วก็เลิกงงเสียทีเพราะมันมีทางเดินไปใกล้ๆให้ถ่ายรูปนั่นเอง 555
พอสุดทางตรงทางแยก ก็ข้ามถนน Daikancho-Dori ไปอีกฝั่งก่อน เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังก้งโค้งถ่ายรูปกันจรดจ่อเชียว
อ้อ....มุมนี้นี่เอง
ซูมไปดูซิ โห....ซากุระบานเต็มที่กระจายอาณาเขตเยอะมากๆ
หลังจากนั้นก็ข้ามถนนกลับมาจุดเดิม แล้วเดินเข้าจุดเริ่มต้นเส้นทาง Chidorigafuchi จะเจอกับรูปปั้นหญิงอวบคนนี้ตรงต้นทางเดิน
เดินเข้าไปก็จะพบเจอกับกลุมซากุระบานกันเต็มที่
หันมองไปทางซ้าย บางส่วนก็จะมีใบเล็กๆที่ร่วงลงมาบนพื้นจากลมที่พัดอยู่ตลอด
ทำเลดีมากๆ ต้นซากุระริมคูน้ำกำลังแผ้กิ่งก้านลงไปที่ผิวน้ำ
แหงนมองขึ้นไปด้านบน ทั้งดอกและกิ่งก้านสาขาปิดคลุมท้องฟ้าไปหมดเลย เลยทำให้พื้นที่ด้านล่างเย็นๆ ไม่ร้อนจากแสงแดดนัก
ดูกันระยะใกล้กันอีกนิด ดอกซากุระหนาแน่นมากๆ
ซูมจนหลังละลาย
จุดนี้พันธุ์จะสีขาวซะส่วนใหญ่เลย
ว้าวววว......มองลอดผ่านอุโมงค์ต้นไม้ก็ได้นะ
ยังมองหามุมมหาชนที่ใครๆเขามาถ่ายมุมนี้กัน มุมนี้เกือบใช่
พายเรือมาใต้ร่มเงาซากุระต้นนี้ก็ดีไม่น้อย ขอพักแป๊ปเดียววว
วิวนี้ได้เห็นกิ่งซากุระต้นทางขวามือที่โน้มตัวลงมาหาผิวน้ำได้เกือบจะถึงผิวน้ำเลยทีเดียว
เดินต่อไปจะเป็นแถวที่มีนักท่องเที่ยวมายืนรอคิวเช่าเรือพายครับ คือเห็นคนญี่ปุ่นเข้าแถวยาวๆทีไรแล้วนับถือจริงๆ อดทนมากๆ เป็นผมนะเหรอ ไม่สามารถยืนรอนานขนาดนี้ได้ เพราะเมื่อยและไม่มีความอดทนพอ
แล้วก็พบจุดชมวิวและเป็นจุดถ่ายรูปที่เรียกได้ว่า มุมมหาชน กันแล้วครับ อยู่ชั้นบนของอาคารเช่าเรือนั่นเอง วิวนี้น่าจะใกล้เคียงมุมที่ใครๆถ่ายมามากที่สุดแล้วครับ
ซูมเข้าไปอีกนิด ช่วงนี้มีเรือพายเยอะเลย
ส่วนมุมนี้เรือพายน่าจะเยอะสุดแล้วนะครับ ถ้ามีเวลามากจริงๆผมก็อยากไปพายเหมือนกันนะครับ แต่คงจะเสียเวลาน่าดูเลย แลกกับบรรยากาศที่ได้รับมาก็คุ้ม
เดินหามุมถ่ายภาพไปเรื่อยครับ รูปนี้น่าจะชื่อว่า "หลังม่านซากุระ"
คนก็ยังเยอะอยู่ตลอดทั้งเส้นทางนะครับ ส่วนซากุระก็หนาแน่นชุกจริงๆ
แถบนี้ซากุระที่ยื่นไปคูน้ำก็ดกเหมือนกัน เริ่มได้เห็นเรือพายสีแดงมากขึ้น
มองลอดผ่านกิ่งซากุระไปยังทางด่วนที่เดินผ่านมา
โฟกัสไปที่ดอกซากุระด้านซ้ายมือบ้าง
ระหว่างแดดออกฝั่งโน้นกับแดดร่มฝั่งนี้
จุดนี้หล่ะครับที่เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันเยอะ เพราะเป็นจุดที่คูน้ำกำลังเปลี่ยนทิศทางพอดี
แถมได้เห็นท่าน้ำที่ขึ้น/ลงเรือพายอย่างชัดเจนได้ด้วย
เก็บภาพกันทุกๆมุมเลย
กิ่งซากุระกิ่งเดิมที่โน้มตัวลงไปหาผิวน้ำ แผ่ก้านดอกกว้างใหญ่ซะจริงๆ ซากุระพวกนี้ต้องมีอายุ 100 ปีขึ้นไปแน่ๆ
ดูเจ๊คนนี้สิครับ เล่นนอนราบอย่างกำลังจะซิทอัพแหล่ะ 555
เดินกันต่อไปครับ ไม่มีท่าทีว่าคนจะน้อยลงเลย แถมยิ่งเย็นยิ่งมีคนเยอะขึ้นด้วยซ้ำไป
เอ๊ะ...ด้านซ้ายมือมีคนมายืนเข้าคิวรออะไรกัน??
อ๊ะ...ก่อนเฉลย เรามาเปลี่ยนบรรยากาศชมดอกชนิดอื่นที่ไม่ใช่ดอกซากุระกันบ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดอกอะไร
เฉลยแล้ว...สถานทูตอินเดียนั่นเอง ในสโลแกนว่า Incredible India ส่วนผมมีบันทึกเดินทาง Incredible Sikkim ไปอ่านกันได้ครับ
แล้วท้ายสุดก็มาถึงสุดเขตของคูน้ำ เลี้ยวไปทางขวาอีกนิดก็ตันแล้ว ต้องวกเรือกลับมา
เวลา 16.00 น.กำลังแออัดพายเรือกันอยู่ใต้ร่มซากุระกันเลย แล้วก็สิ้นสุดทางเดินสายซากุระของ Chidorigafuchi กันแล้วครับ ไว้มาตามกันใหม่ในตอนหน้า จะพาไปสวนคิตะโนะมะรุกันที่อยู่ติดกันต่อไป
[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 8]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น