วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

ญี่ปุ่น เมื่อยามซากุระผลิบาน ตอน 8 บินกลับไทยด้วยแอร์เอเชียเอ๊กซ์แถมโชคดีได้เห็นวิวฟูจิซังสวยสุดยอดจากบนเครื่องบิน!


มาถึงตอนสุดท้ายกันแล้ว สำหรับทริปตามหาซากุระผลิบานที่ญี่ปุ่น วันนี้เป็นวันที่ 8 ของทริป เที่ยวบินที่จะกลับกทม.คือไฟล์ท XJ603 ออก 14.25 น. ซึ่งมีเวลาช่วงเช้าอยู่พอนิดหน่อย ไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก  นัดกับพี่ที่ไปด้วยกันเวลา 9.00 น.ที่สถานีเคเซอุเอโนะเลย แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการเดินทางไปสนามบินด้วยรถไฟเคเซ ครั้งนี้เป็นสายเมนไลน์ธรรมดา ขาบินกลับครั้งนี้มีไฮท์ไลท์นะครับ เนื่องจากสภาพอากาศปลอดโปร่ง ทำให้สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากบนเครื่องบิน ถือว่าคุ้มครับเพราะผมเสียเงินเปลี่ยนที่นั่งขากลับมานั่งฝั่งขวามือ คุ้มไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้ว


เก็บข้าวของเข้าเป้สะพายหลังแล้วลงมาเช็คเอาท์ด้านล่าง เวลา 8.46 น.ก็เดินออกมาตรงริมถนนแบบนี้ กำลังจะเดินไปสถานีอิริยะที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้ว แถวนี้ใช้จักรยานกันเยอะแยะเลยครับ มีรั้วให้ล็อกจักรยานด้วย


ถึงสถานีอุเอโนะแล้ว สังเกตคนในรถไฟวันนี้เยอะมากๆ ดีที่ลงมาแล้ว นั่งต่อตายแน่ๆ


เดินไปตามทางที่ป้ายบอกไปสถานีเคเซอุเอโนะครับ


แล้วมันก็จะเจอ ทางแบบนี้ ให้ไปทางฝั่งขวามือครับ ตามลูกศรชี้จะได้ไม่เดินชนกันเพราะหลายคนมีสัมภาระ


เลี้ยวมาทางขวาแบบนี้ จะโล่งเลย


มาถึงสถานีรถไฟเคเซอุเอโนะแล้ว ก็เจอพี่ที่นัดกันไว้ ไปถามเวลาที่รถไฟออก แล้วก็เดินเข้าไปชานชาลาต่อไป


ลงมาที่ชานชาลาแล้ว ได้เที่ยวต่อไป 9.54 น. เหลืออีก 15 นาที


แล้วรถไฟก็มา พาคนจากสนามบินนาริตะมาด้วย ก็ขึ้นขบวนนี้หล่ะครับ


ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสนามบินนาริตะ เทอร์มินอล 2 อย่าลืมบัตรพาสโม่ที่ซื้อมานำไปขอรีฟันด์เงินคืนได้ครับ คือเคาน์เตอร์ด้านซ้ายมือที่ผมถ่ายมาให้ดู เป็นทางเข้าใช้บริการรถไฟเคเซเข้าตัวเมืองโตเกียวนะครับ ไม่ใช่ขามาสนามบิน


แล้วก็ตัดมาที่ภายในอาคารขาออกแล้ว ใครอยากซื้ออะไรอีกก็จัดไปครับ


เดินต่อไปที่เกตครับ ระยะทางไกลมากๆ แต่มีเวลาเยอะแยะ เครื่องบินที่เห็นข้างหน้าไม่น่าจะใช่ของไทยนะครับ แม้หางจะเป็นสีธงชาติก็ตาม


ชอบทางตรงจุดนี้มากๆ ข้างบนเพดานมันโล่งๆเปิดให้แสงเข้า ก่อนจะเดินไปตามเกตต่อไป


 เข้ามาแล้วครับ แต่หิวเลยชวนพี่ไปหาอะไรรองท้อง ได้ชามนี้มา อร่อยดีแฮะ ใช้ได้ๆ


แล้วก็มานั่งรอที่หน้าเกต 85 ต่อ


เช็คบอร์ดดิ้งพาสซะหน่อย 13.45 น.ต้องเข้าเกตแล้ว ตอนนี้เวลา 13.40 น.


เครื่องแอร์เอเชียเอ๊กซ์มาจอดรอแล้ว และก็ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วครับ


เข้ามาภายในเครื่องบินแล้ว หือ....เที่ยวนี้โล่งมากๆ


แล้วเครื่องบินก็เทคออฟขึ้นไปครับ หลับๆตื่นๆบ้่าง เวลาผ่านไปชั่วโมงนิดๆ ก็มีเสียงกัปตันซึ่งเป็นผู้หญิงครับ บอกว่า Special announcement หรือประกาศพิเศษนั่นเอง ประกาศตอนเวลาประมาณ 15.15 น. ว่าเดี๋ยวเครื่องบินจะบินผ่านภูเขาไฟฟูจิ ขณะนี้ท้องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่ง ผู้โดยสารสามารถมองดูวิวภูเขาไฟฟูจิได้ทางขวามือของเครื่องบิน พอสิ้นเสียงประกาศจากกัปตัน ทุกคนก็ฮือมองไปทางหน้าต่างด้านขวามือกันหมด ใครที่นั่งที่นั่งอื่นก็มาหาที่นั่งว่างด้านขวามือกันเป็นแถว พอดีผมและพี่ที่ไปด้วยกันนั่งขวาอยู่แล้ว แต่ผมไม่ติดหน้าต่าง พี่เขาติดหน้าต่าง ก็ถามกันว่าเห็นหรือยัง สักพักช่วง้วลา 15.20 น. ก็เริ่มเห็นแล้ว พี่เขาถ่ายรูปก่อน แล้วสักพักผมก็เห็นแต่ต้องชะโงกไปดู จนสุดท้ายขอแลกที่นั่งกันสักแปป เลยได้วิวนี้มาครับ แม้จะติดตัวเครื่องยนต์เองก็ตาม แต่ก็ถือว่าสุดๆแล้ว


เครื่องบินแล่นเร็วจนวิวภูเขาไฟฟูจิค่อยๆโดนเครื่องยนต์บดบังไป ดังวิวนี้ครับ ผมถ่ายมา 4 ช็อตด้วยกัน ถือว่าวิวสุดยอดสำหรับผมแล้ว ถือว่าคุ้มแล้วครับ ขามาไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่ได้มาเห็นขากลับก็ถือว่าสุดยอดมากๆแล้ว


เวลาประมาณ 16.37 น.พนักงานก็มาเสริฟอาหารที่จองไว้ครับ ข้าวแกงเขียวหวานไก่นั่นเอง

ก็เป็นอันว่าจบทริปญี่ปุ่น เมื่อยามซากุระผลิบาน ด้วยระยะเวลา 8 วัน 7 คืน ได้มายลโฉมดอกซากุระจริงๆที่ญี่ปุ่นก็คราวนี้ หลังจากที่ได้แต่ชมซากุระเมืองไทยที่น่านเมื่อปี 50 ต่อ 51 ดังที่ได้กล่าวไป และก็ได้ไปทั้งนิกโกะ, พิพิธภัณฑ์โดเรม่อน และเมืองซาวาระ จังหวัดชิบะ ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในทริปเดียวก็คุ้มสุดๆแล้ว แถมขากลับได้เห็นวิวฟูจิซังบนเครื่องบินอีกด้วย ไม่คุ้มก็ไม่เรียกว่าอะไรแล้วครับ 

สรุปผมได้มาญี่ปุ่น 4 ครั้งด้วยกัน มาครั้งแรกใบไม้เปลี่ยนสี ครั้งที่ 2 มาโตเกียว ครั้งที่ 3 ที่ผ่านมาหมาดๆ ไปตะลุยฮอกไกโดหน้าหนาว และครั้งนี้ล่าสุดมาฤดูใบไม้ผลิ เรียกได้ว่าเกือบครบทุกฤดูแล้ว เหลือร้อนกับฝนซึ่งคงไม่มาหรอกนะครับ แค่นี้ผมว่าครบสำหรับผมแล้ว ถ้าได้มาญี่ปุ่นอีก็ถือว่ากำไรแล้ว ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านมาจนบรรทัดนี้ โชคดีมีความสุขกับการเดินทางครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น