วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

ญี่ปุ่น เมื่อยามซากุระผลิบาน ตอน 4.1 เดินทางไปนิกโกะ ดินแดนมรดกโลก(Nikko World Heritage Site) เพียงคนเดียว


ได้รับข่าวไม่ดีจากพี่ที่ไปด้วยกัน เขาเมสเซ็นเจอร์มาบอกตอนเวลา 21.44 น. เมื่อวานนี้ว่าน้องที่ไปด้วยกันนั้นไม่สบาย สงสัยเดินเยอะตลอดทั้งวัน เลยขอตัวไม่ไปในวันพรุ่งนี้ซึ่งก็คือวันนี้(30 มีนาคม 2561) โดยพี่ที่เมสเซ็นเจอร์มาบอกนั้นเขาก็ขอไม่ไปด้วยเพราะจะอยู่ดูแลน้องที่ไม่สบายเนื่องจากอยู่บ้านพักเดียวกัน ก็โอเคครับ ก็ขอให้น้องเขาหายไวๆละกัน เพราะจะมีเดินทางกลับในวันที่ 31 มีนาคม 61 ด้วย กลัวจะมีปัญหา

ตอนนี้เลยจะมีผมฉายเดี่ยวไปตามแพลนที่วางไว้คนเดียว โดยตามแพลนคือ วันนี้จะไปนิกโกะ ซึ่งอย่างที่บอกไว้คือ ได้จองซื้อ Nikko City Area Pass (ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 61 เป็นต้นไปได้เปลี่ยนชื่อและราคาเป็น "NIKKO PASS world heritage area" ราคา 2,000 เยน) ไว้ล่วงหน้าแล้ว คือ 3 ใบด้วยกัน แต่จะไปรับพาสจริงและใช้จริงเพียงแค่ 1 ใบก็คือของผมเท่านั้น วันนี้รูปจะเยอะมากๆ ครับ ดังนั้นเช่นเดิม จะแยกเป็นตอนย่อยๆหลายตอน โดยตอนแรกจะเป็นการเดินทางจากสถานีรถไฟอาซากุสะ(ชั้น 2 ห้าง Ekimise) ไปสถานีรถไฟโทบุ-นิกโกะ(Tobu-Nikko Station) สถานีปลายทางเพื่อเข้าชมมรดกโลกนิกโกะกันต่อไป

แพลนเดิมที่วางไว้คือ ต้องมาขึ้นรถไฟโทบุ(Tobu Line) ที่สถานีอาซากุสะ ชั้น 2 ของห้าง Ekimise สถานีต้นทางเพื่อไปยังไปนิกโกะ โดยตารางเวลาที่ดูไว้นั้นคือ ออกจากสถานีอาซากุสะ เวลา 6.44 น. และนั่งยาวไม่เปลี่ยนขบวนไปถึงสถานีปลายทางสถานีโทบุ-นิกโกะ(Tobu-Nikko Station) เวลา 9.16 น. ตามกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลืองที่ทำไว้ เลือกขบวนเช้าๆจะได้ไปถึงเร็วๆ จะได้มีเวลาอยู่ที่นิกโกะนานๆ ผมเลยต้องตื่นเช้ามากๆเพื่อนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีอิริยะมาลงสถานีอุเอโนะแล้วต่อสายกินซ่าไปลงสถานีอาซากุสะ เพื่อไปยังชานชาลาชั้น 2 ของรถไฟโทบุต่อไป 
ปล.1 กดรูปเพื่อดูภาพขยายใหญ่


กระหืดกระหอบวิ่งจนมาถึงหน้าทางเข้าสถานีอาซากุสะ สายโทบุ เวลา 6.32 น. ยังมีเวลาอีก 12 นาทีกว่ารถไฟจะออก แต่มองหาที่แลกตั๋วจริงก็ไม่เจอ(Print Voucher มาแล้วจากไทย) เจอแต่เคาน์เตอร์ปิดไปแล้ว เลยไปถามเจ้าหน้าที่ข้างบน เขาบอกว่าต้องมาแลกที่ Tourist Information Center ชั้นล่าง และเปิดเวลา 7.20 น. คือซวยแล้ว เปิดหลังจากขบวนที่แพลนจะขึ้นเวลา 6.44 น. ทำไงได้ แต่สงสัยว่าทำไมไม่เปิดเช้าๆก่อนรถไฟออกรอบเช้าสุดในแต่ละวันนะ อย่างนี้ก็แสดงว่า ต้องมาแลกใน 1 วันก่อนวันเดินทางจริงนะสิ โห...อย่างกับ JR Pass เลย เซ็งครับ ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ก็ต้องรอจนออฟฟิศเปิดทำการ และทำใจขึ้นขบวนในเวลาถัดไป...


ผมไปหาที่นั่งที่บนชั้น 2 ชั้นชานชาลา แต่ยังไม่ได้เข้าชาลา(เพราะเข้าไม่ได้ไม่มีตั๋ว) รอเวลาใกล้ๆ 7.20 น. ค่อยลงมารอหน้าออฟฟิศ พอเวลา 7.15 น. ก็เดินลงมารอ โห....มีคนมารอก่อนอยู่ 2 คน เร็วจริงๆ ขนาดว่าเรามาเร็วแล้วนะ โอเคไม่เป็นไร ยืนรออีกไม่ถึง 5 นาที ก็เปิดประตู(อย่าไปคาดหวังว่าคนญี่ปุ่นถ้ามาถึงออฟฟิศแล้วคงมาเปิดก่อนเวลามั้ง ไม่มีทาง!


ในที่สุด คิวที่ 3(หลังจากรอคิวที่ 1 และ 2 สอบถามเจ้าหน้าที่จนเริ่มโมโหว่าเมื่อไหร่จะเสร็จสักทีว้าาา กลัวรถไฟจะออกไปอีก) ก็ได้พาส NIKKO CITY AREA PASS จริงมาเรียบร้อยแล้วจำนวน 3 ใบๆละ 2.670 เยน เพราะจ่ายเงินไปแล้วทั้งหมดผ่านบัตรเครดิต เลยเอามาหมด เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามว่าอีก 2 ท่านมาด้วยมั้ย พาสนี้จะมีวันใช้งานได้ 2 วัน(2 Days Pass) คือวันที่ 30 มีนาคม 61 ถึง วันที่ 31 มีนาคม 61 ไปและกลับสำหรับคนไปค้างที่นิกโกะนั่นเอง แต่ผมไปแค่วันเดียวคือเช้าเย็นกลับ คล้ายๆพาสฮาโกเน่(Hakone Free Pass) ที่ใช้ได้ 2 วันด้วยกัน อีกวันให้ไว้สำหรับวันกลับ

อ้อ...พาสนี้มีคุณสมบัติคร่าวๆ คือ ใช้ขึ้นจากสถานีอาซากุสะ หรือสถานีโตเกียวสกายทรี 2 สถานีนี้เท่านั้นจากโตเกียว แล้วไปถึงสถานีชิโมะอิมาอิชิ(Shimo-Imaichi Station) ไปกลับแค่รอบเดียวเท่านั้น! หลังจากสถานีนี้ที่รถไฟสายโทบุแล่นใช้ขึ้นได้ไม่จำกัดในระยะเวลาที่พาสครอบคลุม คือระหว่างสถานี Shimo-Imaichi ไปสถานี Tobu-Nikko หรือไปสถานี Shin-Fujiwara  ส่วนรถบัสโทบุจะขึ้นได้ไม่จำกัดเที่ยวในพื้นที่ที่เป็นมรดกโลกนั่นคือในตัวเมืองแค่นั้นนะครับ


เจ้าหน้าที่บอกเวลาที่รถไฟจะออกขบวนถัดไป ซึ่งก็คือเวลา 08.13 น. ในตารางเวลารถไฟโทบุด้านบนที่ใส่กรอบสีเขียวไว้ โดยจะต้องต่อรถไฟ 2 ครั้งด้วยกัน โห....เหนื่อยเลย จากเดิมที่นั่งยาวกลายมาเป็นต่อ 2 ครั้ง เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นกับตัวเอง เพราะตารางเวลาของรถไฟโทบุมันอ่านยากจริงๆ เลยหาจาก Hyperdia.com/en เพื่อดูว่าจะมีให้เห็นเหมือนกันมั้ย ก็ปรากฎว่ามีจริงๆ ดูง่ายกว่าตารางเวลาเดิมมากๆ อย่างนี้ก็สบายลงสถานีไหนเวลาอะไร ต่อรถไฟอีกขบวนเวลาอะไร คือตั้งแต่ใช้งาน Hyperdia มาเนี่ย(ปี 2014) เว็บนี้เขาใช้ดูเที่ยวรถไฟในญี่ปุ่นได้แทบจะ 100% จากรถไฟทุกเจ้าในญี่ปุ่นเลยนะครับ สากกระเบือยันเรือรบจริงๆ ขอคารวะ Hyperdia ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆครับ


เรามาดูแผนที่กูเกิ้ลแสดงเส้นทางที่ขึ้นรถไฟจริง 3 ขบวนจากสถานีอาซากุสะไปสุดทางที่สถานีโทบุ-นิกโกะ ตามตารางเวลา Hyperdia ด้านบนครับ


พอมีพาสแล้วก็เข้าไปในชานชาลาได้ โดยรถไฟขาไปจะออก track 1 ครับ ด้านขวามือ จะสังเกตเห็นว่า ทางรถไฟมันจะโค้งขวาไปข้างหน้า ซึ่งมันจะโค้งไปข้ามแม่น้ำสุมิดะนั่นเอง


รถไฟมาแล้ว ผมต้องนั่งไปลงสถานี KITA-KASUKABE อีก 2 สถานีถัดไปแค่นั้น ใช้เวลาเพียง 5 นาที งงว่าทำไมซื้อพาสแล้วต้องเปลี่ยนรถไฟหลายต่อก็ไม่รู้


ได้เวลารถไฟออกจากสถานีอาซากุสะแล้ว กำลังข้ามแม่น้ำสุมิดะ เห็นซากุระตรงสวนริมแม่น้ำมั้ยครับ เดี๋ยวกลับจากนิกโกะ ถ้ามีเวลาจะมาเดินชมเส้นทางสายซากุระที่นี่อีกจุด


เปลี่ยนขบวนรถไฟเป็นขบวนที่ 2 แล้วที่สถานี HIKIFUNE, 2 สถานีจากสถานีอาซากุสะเอง แต่ด้วยความฉุกละหุกและเวลาเปลี่ยนน้อย เลยไม่มีเวลาถ่ายรูปตอนขวนที่ 2 มาจอด เวลาผ่านไป 1 ชม.ก็ได้เห็นธรรมชาติของต่างจังหวัดแบบไร่นาที่เตรียมปลูกพืชต้อนรับฤดูใบไม้ผลิกันแล้ว


ภายในขบวนรถไฟขบวนที่ 2 ครับ สีม่วงสวยดี


เวลา 9.20 น.ก็ได้เวลาลงจากรถไฟขบวนที่ 2 แล้วที่สถานี MINAMI-KURIHASHI


มีเวลาที่สถานีนี้ถึง 7 นาทีในการขึ้นรถไฟขบวนที่ 3 ต่อไป


9.27 น. รถไฟขบวนที่ 3 มาถึงแล้ว เป็นสาย Tobu Nikko Line Exp. for TOBU-NIKKO จะนั่งขบวนนี้จนไปถึงสถานีโทบุ-นิกโกะ สถานีปลายทางเลย


เข้าใกล้ธรรมชาติไปเรื่อยๆ


10.44 น.ก็มาถึงสถานีโทบุ-นิกโกะ(Tobu-Nikko Station) กันแล้ว เดินออกชานชาลากัน


มุมนี้สวยครับ รถไฟ 2 ขบวนลายเดียวกัน จอดชิดกันระยะเดียวกัน เหมือนกับคู่แฝดกันเลย ต่างกันแค่ตัวเลขกำกับขบวนเท่านั้น


ออกจากชานชาลามา ใครหิวอะไรก็มาแวะทานภายในตัวสถานีก่อนได้ครับ มีร้านอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกเยอะแยะเลย


ออกมาด้านนอกตัวสถานีโทบุ-นิกโกะแล้ว เขาว่าเป็นอาคารหลังคาแบบเก่า อนุรักษ์ไว้ตามพื้นที่ที่เป็นมรดกโลกแห่งนี้
ปล.จะสังเกตเห็นก้อนหินทางด้านซ้ายมือของรูปและมีสายเชือกอยู่ 2 เส้นมัดโยงกับถ้วยตักน้ำไว้ นั่นคือน้ำที่ให้นักท่องเที่ยวดื่มได้ฟรี บางข้อมูลบอกว่าเป็นน้ำอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ผมออกมาจากสถานีก็เดินหาจุดนี้ แต่ดันหาไม่เจอ ไปเจอกองหินอีกกอง แล้วไปหาดูว่ามีน้ำให้ดื่มมั้ย ปรากฎว่าไม่มี(ก็แหง๋ เพราะมันไม่ใช่จุดนี้) เลยอดดื่มเลย แต่พอมาดูรูปตอนจะเขียนบันทึกเดินทาง อ้าว...อยู่ตรงหินอันนี้นี่หน่า มิน่าทำไมหายังไงก็ไม่เจอ ตาถั่วนั่นเอง...


นี่ครับ กองหินที่ผมมองหาจุดที่ให้ดื่มน้ำฟรี หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ที่ไหนได้ มันไม่ใช่ตรงนี้ มันอยู่ในรูปด้านบน!


แล้วก็เดินต่อไปที่ป้ายรถบัสหน้าสถานี จะมีป้าย 2A, 2C และ 2B ทั้ง 3 ป้ายไปในสถานที่ปลายทางที่ต่างกันออกไป แต่ทั้ง 3 ผ่านสะพานชินเคียว(Shinkyo) ทุกป้าย แต่ป้าย 2C คือรถบัสสายชมวิวมรดกโลก(World Heritage Sightseeing Loop-Bus) ซึ่งวนไปจุดอื่นก่อนที่จะกลับมาที่ป้ายสะพานชินเคียว ฉะนั้น...ถ้าใครจะไปสะพานชิวเคียว(Shinkyo) ก่อน แนะนำให้ขึ้นที่ป้าย 2A

เพื่อไม่ให้งง เพราะผมเคยงงมาแล้วนั่นเอง 555 เลยเอารูปเส้นทางรถบัสที่ออกจากหน้าสถานีโทบุ-นิกโกะมาทำความเข้าใจกัน มี 4 เส้น 4 สีด้วยกัน สีส้มคือเส้นทางของรถบัสชมวิวมรดกโลกที่แล่นเป็นวงกลมครับ สังเกตว่ามันจะแล่นออกจากสถานีโทบุ-นิกโกะ แล้วไปอ้อมไปทางขวามือไปจอดป้ายโรงแรมเซอิโคเอ็นมาเอะแล้ววนภายในโซนมรดกโลก ค่อยออกมาแล้วแวะจอดป้ายสะพานชิวเคียวที่สุดท้ายก่อนกลับมาที่สถานีโทบุ-นิกโกะอีกครั้ง ทำให้ถ้าจะไปสะพานชินเคียวก่อนนั้นมันไม่ได้นั่นเอง


แล้วก็มารอที่ป้ายรถบัส 2A ป้ายนี้ ที่เขียนว่า For Yumoto Onsen คือสุดสายที่ป้าย Yumoto Onsen สังเกตว่า เราจะเห็นท้ายรถบัส World Heritage Bus ทางด้านซ้ายมือของป้าย 2A นั่นคือป้าย 2C นั่นเอง แต่ถ้าใครจะไปชมมรดกโลกที่วัดรินโนจิก่อนก็ขึ้นรถบัสป้าย 2C ได้ครับ รถจะออกถี่ทุกๆ 10 นาทีเลย พาสที่ซื้อมาขึ้นได้ฟรีไม่เสียเงิน


ส่วนผมรอที่ป้าย 2A ดีกว่า เพราะจะไปสะพานชิวเคียวก่อนอันดับแรก แล้วค่อยเดินเข้าไปในโซนมรดกโลกข้างในต่อ  ตอนนี้เวลา 10.48 น. รอบล่าสุดรถออกไปแล้วคือ 10.45 น. งั้นรอบต่อไปคือ 11.10 น. ตั้ง 22 นาทีเลย งั้นเดินไปหาอะไรทานก่อน


ไม่พลาดตามลายแทง ร้านซาลาเปาฟองเต้าหู้ทอดซากาเอยะ ตรงฝั่งด้านโน้นนี้ไง ข้ามทางม้าลายไปเลยครับ ร้านอยู่ขวามือสุด


สอบถามคนขายน้องผู้หญิงว่าใช่มั้ยตามแผนที่กูเกิ้ลก็ใช่จริงๆ งั้นสั่งมาเลย 1 อันก่อน เป็นซาลาเปาฟองเต้าหู้ทอด ข้างในมีไส้ถั่วแดง โดยทอดแล้วโรยเกลือด้านนอกอีกทีพอเค็มๆ


สนนราคา 200 เยน นี่ไง ขนาดพอดีคำ ดูน่าทานเชียว เหลือแต่ว่าชิมแล้วจะอร่อยอย่างที่แนะนำกันมั้ย


เฮ้ย....กัดไปแล้ว ฟินสุดๆ ชอบมากๆครับ อร่อยอ่ะ ได้รสหวานจากถั่วแดง รสมันจากฟองเต้าหู้ รสเค็มจากเกลือที่โรยด้านนอก มันเข้ากันมากๆ พอหมด...ไม่รีรอสั่งอีก 1 อัน 555 อร่อยมั้ยหล่ะครับ คอนเฟิร์ม ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าอร่อยมากๆ


และก็เหมือนกับที่อ่านมา คือ เขาเอาน้ำชาร้อนมาเสริฟให้ฟรีด้วยครับ ต้องขอบคุณมากๆเลย อร่อยๆ แนะนำครับ  แล้วมาอ่านกันต่อในตอนหน้า จะนั่งรถบัสไปลงสะพานชินเคียว(Shinkyo bridge) กันแล้วครับ และเข้าสู่โซนมรดกโลกอย่างแท้จริง

[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 8]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น