[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 4.5] [ตอน 5] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 7.1] [ตอน 7.2] [ตอน 8]
จากหน้าร้านแฟมิลี่มาร์ทก็เดินลงทางใต้ดินไปเลย เพราะอยู่ใกล้ทางลงสถานีรถไฟใต้ดินอิริยะมากๆ แล้วจากนั้นก็นั่งรถไฟไปตามตารางนี้ครับ นั่งรถไฟ 3 ขบวน เพื่อไม่ให้เสียเวลา 2 ขบวนแรกจะไม่มีรูปนะครับเพราะเป็นรถไฟใต้ดินโตเกียวที่คุ้นเคยกัน มาเริ่มที่สถานี YOYOGI-UEHARA กันเลย โดยเปลี่ยนไปขึ้นสาย Odakyu Odawara Line Exp. for KARAKIDA คุ้นๆ Odakyu มั้ยครับ ถ้าคุ้น มันคือสายที่ไปฮาโกเน่ ไปชิมไข่ดำยังไงหล่ะครับ อิอิ จะ For อะไรก็ได้นะครับ ขอให้ลงที่สถานี NOBORITO เป็นพอ เพราะมีหลายสายมากๆที่ลงสถานีนี้ (เห็นชื่อสถานีก็ให้นึกถึงสถานีโนโบริเบตสึ(Noboribetsu Station) หุบเขานรกที่ฮอกไกโดอีกแล้ว คิดถึง)
ตัดฉับมาที่สถานี YOYOGI-UEHARA รอรถไฟกันครับ เห็นคนญี่ปุ่นนั่งบนกระเป๋าคนนี้แล้วตลกดี 555
เพียง 10 นาทีก็ถึงสถานี NOBORITO กันแล้ว เดินไปตามป้ายทางออกเลยครับ
แล้วให้เดินมาตรงอาคารนี้ครับ เป็นอาคารของสถานีรถไฟ JR ที่เชื่อมต่อกับสาย Odakyu
10.04 น. ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย มองหาร้านอาหาร นี่เลยร้านโซบะในสถานี JR น้ำซุปร้อนๆ อร่อยดี มีกุ้งเทมปุระด้วย
เบื้องหลังจากลวกบะหมี่ครับ
แล้วก็เดินลงมาตามบันได จะเจอป้ายรถบัสป้ายนี้ จะมีป้ายบอกตลอดนะครับ โดยจะเขียนว่า ไป Fujiko F Fujio Museum(川崎市 藤子・F・不二雄ミュージアム) ไม่ผิดแน่ๆ ลายการ์ตูนโดเรม่อนที่ข้างรถก็ทำให้แน่ใจอีกเช่นกัน ใช้บัตรพาสโม่ได้ เลยจำค่าโดยสายไม่ได้ครับ
เส้นทางรถบัสคาวาซากิที่รับส่งระหว่างสถานี Noborito ไปพิพิธภัณฑ์ฯ เป็นดังแผนที่ด้านบนครับ
การมาพิพิธภัณฑ์โดเรม่อนนั้นต้องจองล่วงหน้าและชำระเงินมาก่อนนะครับ จะที่ร้าน Lawson หรือทางเน็ตก็ตามที ไม่รับ Walk in เพื่อจำกัดคนในแต่ละวันได้ครับ ผมเองอย่างที่บอกคือจองมาแล้วล่วงหน้าและชำระเงินมาแล้วด้วย จากเว็บไซท์นี้ครับ How to buy tickets in your country คนละ 1000 เยน ส่วนเว็บไซท์ทางการคือ http://fujiko-museum.com/english/
มาต่อแถวเร็ว อิอิ ตอนนี้เวลา 10.26 น. เขาเขียนบอกว่า ให้เข้าได้ไม่เกินเวลารอบที่เราจองมาคือ ผมจองรอบ 10.00 น.มา เข้าได้ไม่เกิน 10.30 น.หลังรอบเวลา 30 นาที
มีข้อความต้อนรับเป็นภาษาไทยด้วยครับ
แล้วก็ถึงคิวเข้าไปด้านใน ตรวจสอบ voucher อะไรเรียบร้อยก็ได้ชุดหูฟังแบบมือถือมาด้วย 1 ชุด ผมเลือกภาษาอังกฤษมา(ไม่มีภาษาไทย) เอาไว้กดฟังตาม station ต่างๆข้างใน โดยเลือกหมายเลข station ที่เรากำลังไปดู แล้วหลังจากนี้ไปก็ห้ามถ่ายรูปนะครับ 1 ชั่วโมงเต็มๆในการเข้าชมด้านใน ก็มีประวัติและอะไรเยอะแยะเลยครับ คนที่เป็นแฟนโดเรม่อนไม่ควรพลาดเลย ถือว่าคุ้มมากๆครับ
ออกมาด้านนอกเวลา 11.32 น. เจอโดเรม่อนกำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่
แอบดูหน่อยซิ แหม..ก็การ์ตูนโดเรม่อนนั่นเอง 555 แถมกินขนมและชาเขียวร้อนด้วยนะเรา อิจฉา
อีกมุมหนึ่งที่แสดงของเล่นจากโดเรม่อน
แล้วก็เดินขึ้นไปชั้น 2 ครับ เปิดประตูไปยังลานโล่งภายนอก เจอกับปาร์แมนนอนผ่อนคลายที่เนินสนามหญ้า
เดินไปต่อไปเลยครับ มีอุปกรณ์โดเรม่อนอยู่เยอะ
เด็กน้อยแอบกับตัวโดเรม่อน
และก็มาแอบในท่อน้ำคอนกรีตแบบนี้ จำได้ตอนเด็กๆก็ชอบไปซ่อนในท่อน้ำนะครับ 555
ประตูวิเศษโดเรม่อน ใครๆก็อยากเข้าไป
โดเรม่อนย้อนไปยุคไดโนเสาร์ใช่มั้ย
แล้วก็ได้เวลากลับแล้วครับ ขึ้นมาในรถบัส โห....เวลาเที่ยงตรง คนเข้าคิวรอเข้าพิพิธภัณฑ์ฯเยอะมากกกกก ดีที่ผมเลือกรอบ 10 โมง
ลงจากรถที่ป้ายสถานี Noborito ก็เก็บภาพลายโดเรม่อนที่ข้างรถอีกครั้ง แต่คนละลายกันคันขามา
เดินผ่านทางเข้าสถานี JR Noborito แต่ไม่ได้ใช้บริการ เนื่องจากมันไม่อยู่ในลิสท์ที่กลับสถานีอุเอโนะครับ ผมกลับไปใช้สาย Odakyu ตามเดิม
พอกลับมาถึงสถานีอุเอโนะก็หาอะไรทานก่อน แล้วก็สอบถามไปยังพี่และน้องว่าอยู่ที่ไหนแล้ว ได้ความว่ามาทานอาหารที่สถานีุเอโนะแล้ว ก็เลยนัดหมายว่าให้ไปเจอที่หน้าสถานีเคเซอุเอโนะตอนเวลา 15.30 น.เลย
ตัดฉับมาที่สถานีเทอร์มินอล 2 สนามบินนาริตะแล้ว มาส่งน้องที่จะกลับไทย
น้องเช็คอินเสร็จก็เดินหาของฝากกันอีกยกใหญ่ ก่อนจะกลับกันจริงๆ
ที่เหลือ 2 คนกลับมาถึงอุเอโนะ ต่างแยกย้ายกันไปเดินช็อป ผมหิวเลยมาที่ร้านเดิม ร้าน Unato
ไม่พ้นเมนูข้าวหน้าปลาไหลย่าง แต่แถมเบียร์เย็นๆมา 1 แก้ว แล้วก็กลับที่พักต่อไป
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น