วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

ญี่ปุ่น ภาค 2 ตะลุยเดี่ยว เที่ยวโตเกียว ตอน 6.1 เรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไปด้วยกัน ผ่าน"พิพิธภัณฑ์รถไฟ (Railway Museum)" จังหวัดไซตามะ [Part I]


วันนี้เป็นวันที่ 6 ของทริปแล้ว วันนี้สบายๆ แพลนที่วางไว้ 5 วันที่ผ่านมาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไปสถานที่ที่สำคัญเมื่อมาที่โตเกียวแล้วครับ วันนี้ซึ่งเป็นวันเกือบสุดท้าย แต่ก็คือวันเที่ยววันสุดท้ายจริงๆ เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว วันนี้ที่แพลนไว้จึงเป็นการไปเที่ยวชมแบบไม่เดินมากนัก หาสถานที่ที่อยู่ได้นานๆ แล้วค่อยมาเก็บตกอีกครั้งในตัวเมืองโตเกียวในช่วงบ่ายและเย็นครับ ผมจึงเลือกนั่งรถไฟไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียว ไปยังจังหวัดไซตามะ ใช้เวลาเพียง 37 นาที ไปหาความรู้ทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นมาใส่สมองบ้าง จะได้รับทราบที่มาที่ไปในการก่อกำเนิดการคมนาคมแบบรางที่ทันสมัยอย่างในปัจจุบันนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจาก พิพิธภัณฑ์รถไฟ หรือ Railway Museum
หลังจากเสร็จสิ้นจากพิพิธภัณฑ์รถไฟ ผมก็จะกลับมาเก็บตกย่านอะกิฮาบาร่า(Akihabara) และกินซ่า(Ginza) ตามลำดับต่อไปครับ อ้อ....ไม่ลืมที่จะซื้อแก้วสตาร์บัคส์จากเพื่อนร่วมงานที่ขอมาทางเมสเสนเจอร์ครับ อิอิ
ปล.ตอนย่อยนี้รูปเยอะ ใครไม่ชอบรถไฟผ่านได้นะครับ

DAY6 (14 มกราคม 2559) : ไปชมพิพิธภัณฑ์รถไฟ (Railway Museum) - เก็บตกโตเกียว (Akihabara - Ginza - ตลาด Ameyoko) - ซื้อแก้วสตาร์บัคส์


เช้าวันนี้ตื่นสายครับ เพราะโปรแกรมเที่ยวไม่หนักแล้ว สบายๆ ไม่ต้องออกแต่เช้า(ซึ่ง 4 วันที่ผ่านมาก็ไม่ได้ตื่นเช้าอะไรมากนัก ฮ่าๆๆ) ออกจากที่พัก 10 โมงกว่า เหมือนเดิมคือจากที่พักเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีอิริยะ(Iriya) แล้วไปลงสถานีอูเอโนะ(Ueno) ซึ่งเป็นชุมสายรถไฟ JR เหมือนกัน จากสถานีนี้เลือกนั่งรถไฟ JR สาย Takasaki Line for KAGOHARA เพื่อไปลง OMIYA(SAITAMA) ที่มีวงเล็บว่าไซตามะเพราะมีโอมิยะหลายที่ครับ เลยต้องเลือกว่าอยู่ที่ไซตามะด้วยไม่งั้นพาไปที่อื่นผิดทางตายเลย และจากสถานีโอมิยะ ให้เปลี่ยนรถไฟโดยใช้รถไฟสาย New Shuttle for UCHIJUKU ไปลงสถานี TETSUDOHAKUBUTSUKAN(ONARI) (ชื่อจะยาวไปไหน??) เพียงแค่สถานีเดียวเท่านั้นตามเส้นทางจาก Hyperdia ด้านบน และที่ไม่เหมือนใครอีกอย่างกับเส้นทางรถไฟสายนี้คือ เป็นรถไฟที่ใช้ล้อยาง(Rubber Tyred) ครับ โดยใช้ไฟมาเลี้ยงจากด้านข้างรางแทนที่จะเป็นสายไฟด้านบน เนื่องจากเส้นทางนี้คนไม่เยอะมากจึงไม่เหมาะที่จะลงทุนแบบรางเหล็กที่เงินลงทุนสูงเพราะจะไม่คุ้มทุน


10.53 น. ก็มาถึงสถานีอูเอโนะ หาทางเข้าชานชาลาของสาย Takasaki Line อยู่ตั้งนาน เพราะไม่เคยขึ้นมาก่อนเลยงงๆ สุดท้ายก็เจอจนได้ ขึ้นมาด้านบนครับ เลือกชานชาลา 5 หรือไม่ก็ 6 ที่เป็นสีส้มนะครับ


ขบวนนี้มาจอดรอแล้ว รถไฟ JR หน้าตาจะเป็นแบบนี้ซะส่วนใหญ่ถ้าเป็นสายท้องถิ่นนะครับ มีโลโก้ JR ไม่ผิดแน่ๆ


ใช้เวลานั่ง 26 นาทีก็มาถึงสถานีโอมิยะแล้ว ลงที่สถานีนี้แล้วเปลี่ยนสายไปตามป้ายที่เขียนว่า New Shuttle หรือ Railway Museum ก็ไปตามทางเดียวกันครับ


นี่เลย ใช้บัตร PASMO แตะผ่านเข้าไปที่สถานีเลยครับ


อย่างที่บอกไปคือ จะมีสายไฟด้านข้างรางเพื่อให้พลังงานไฟฟ้ากับรถไฟครับ ต่างกับรถไฟทั่วไปที่ใช้ไฟฟ้าจากสายไฟด้านบน


รอที่สถานีไม่นานนัก(รถไฟวิ่งทุก 10 นาที) ขบวนถัดไปก็มาถึงแล้ว สังเกตด้านบนของรถไฟแทบจะเกือบถึงขอบเพดานอาคารแล้วนะครับ เหลือระยะนิดเดียวเอง


ภายในรถไฟครับ แสงน้อยไปหน่อย อ้อ...รถไฟสายนี้แล่นขนานไปกับรถไฟชินคันเซ็น Tohoku และ Joetsu ด้วยระยะทาง 12.7 กม.


ถึงแล้วครับ สถานี TETSUDOHAKUBUTSUKAN(ONARI) ใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้น พอลงมาจากสถานีก็จะเจอกับภาคตัดของยางล้อรถของรถไฟสายนี้เลยครับ พร้อมกับระบบถ่ายกำลังที่อยู่ทางด้านขวามือ ถือได้ว่าเริ่มพิพิธภัณฑ์รถไฟย่อยๆเมื่อออกจากสถานีเลยครับ


แล้วก็เดินไปตามทางใต้รางรถไฟนี้ สองข้างทางจะมีอะไรให้เราดูบ้างน้าาา


เริ่มเลยครับ ทางซ้ายมือตั้งโชว์ล้อรถไฟขนาดใหญ่มาก เป็นล้อของรถไฟเครื่องจักรไอน้ำสมัยก่อน สังเกตจะมีเพลายื่นออกมาด้านข้างคล้ายๆข้อเหวี่ยงเพื่อรับแรงจากกระบอกสูบของไอน้ำอีกทีเพื่อให้ล้อหมุนครับ


ต่อมาด้านขวามือแสดงภาคตัด(Section) ของการขุดอุโมงค์เพื่อให้รถไฟแล่นลอดแม่น้ำไปยังอีกฝั่งหนึ่ง


แล้วก็มีหัวรถจักรไอน้ำพร้อมกับควันและเสียงหวูดรถไฟเป็นจังหวะเพื่อแสดงว่ารถไฟกำลังจะแล่นมาแล้ว ระวังด้วย ฮี่ๆ
=========================
The head of JNR Class D51 Steam Locomotive


Time Table หรือตารางรถไฟ เอามาจำลองบนพื้นทางเดิน น่ารักมากๆ
=========================
Shinkansen timetable used in begining of service


กลับมาด้านซ้ายมือ อันนี้เป็นหัวรถไฟลายน่ารักดีครับ
=========================
Nakayoshi tram


อ่า...แล้วก็มาถึงตรงนี้ ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์รถไฟ ที่ผ่านมาคือไม่เสียเงิน แต่ภายในนี้เสียค่าเข้าแล้วนะครับ สัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์นี้คือล้อรถไฟ 3 อันพร้อมแกนเหล็กระหว่างล้อยึดถึงกัน


ก่อนเข้าจะมีตู้ขายตั๋วทางด้านซ้ายมือ ตั๋วมี 3 ราคา ผู้ใหญ่, เด็กโต, และเด็กเล็ก (1,000, 500, 200) ผมจ่ายราคาเด็ก 555 ไม่ใช่หรอกครับ และจ่ายได้ทั้งเงินสดและบัตร IC ทั้ง SUICA และ PASMO ผมจ่ายด้วยเงินสดเก็บเงินในบัตรพาสโมไปจ่ายค่ารถไฟดีกว่า


ได้บัตรมาแล้วครับ สวยทีเดียว สีเขียว บัตรผู้ใหญ่ ราคา 1,000 เยน



เดินผ่านทางเข้ามาแล้วฝั่งซ้ายมือจะมีร้านขายอาหารซึ่งแพงมาก ไม่กล้าเข้าไปทานหรอก และก็มีร้านขายของที่ระลึก และการทดลองบังคับรถไฟด้วยนะ


ส่วนทางขวามือจะมีบันไดเลื่อนขึ้นชั้นบนและชั้นนี้เองก็มีแสดงรถไฟสมัยเก่าแล้ว


ผมเริ่มจากฝั้งซ้ายมือก่อนครับ มีให้ทดลองบังคับหัวรถไฟตามรุ่นรถไฟต่างๆ


มาที่ขบวนแรกเลยละกัน ผมถ่ายการบังคับ(Simulation) โดยคนอื่นมาให้ดู เหมือนจริงมั้ยครับ?


มาดูอีกขบวนหนึ่ง อันนี้จอใหญ่มาก กำลังทำความเร็วที่ 46.8 กม./ชม. เหลือระยะทางอีก 1,422 กม.


แล้วก็กลับมาดูพิพิธภัณฑ์รถไฟด้านฝั่งขวามือกัน เจอกับตู้รถไฟ(ห้ามเรียกโบกี้นะครับ หลงเรียกผิดตั้งแต่เด็กเลย) อันแรกเลย เป็นรุ่น TR73 (เพื่อนๆสามารถดูข้อมูลรุ่นรถไฟที่ถูกต้องได้จากเว็บทางการของพิพิธภัณฑ์รถไฟไซตามะนี้ครับ)
=========================
Class Maite 39 Passenger Carriage
Tokaido Main Line first-class observation car with stately interior decorated in a Momoyama period motif.
●Number: Maite 39 11
●Year manufactured: 1930


เดินเข้ามาเรื่อยๆจะเจอกับตู้รถไฟสมัยก่อนรุ่นต่างๆเยอะมากเลยครับ ค่อยๆดูกันไปละกัน ผมก็ไม่มีความรู้ซะด้วยแต่เก็บภาพมาเยอะพอควรเลยอยากแชร์กันครับ อาจไม่มีรายละเอียดมากนัก อันนี้เป็นหัวรถจักรสมัยเก่าเลย
=========================
Zenko Steam Locomotive
This steam locomotive was used by Nippon Railway and was known as "Zenko."
●National Railway Monument
●Number: 1292
●Year manufactured: 1881


รูปอธิบายสมัยแรกที่ญี่ปุ่นได้เริ่มนำระบบรางเข้ามาใช้ในการคมนาคมขนส่ง เป็นรูปวาดสมัยก่อนที่คลาสสิคทีเดียวครับ ก่อนที่จะมาเป็นรถไฟในสมัยปัจจุบันนี้


อันนี้เป็นแผนผังสถานีรถไฟสถานีแรกที่ Shimbashi Station ตอนที่มีพิธีเปิด เรียกได้ว่าสถานีชิมบาชิถือเป็นชุมทางรถไฟแรกของญี่ปุ่นเลยครับ ยิ่งใหญ่อลังการทีเดียว มีทั้งอาคารและลานกว้าง มีอุปกรณ์สำหรับงานซ่อมบำรุงรถไฟ คลังพัสดุ ที่เก็บถ่านหิน และศูนย์วิศวกรรมที่ใช้สำหรับจ้างวิศวกรต่างชาติในการสร้างทางรถไฟในญี่ปุ่นด้วยครับ


ส่วนอันนี้เป็นแบบจำลองจากผังที่เป็นรูปวาดด้านบน อารมณ์คงคล้ายๆกับหัวลำโพงตอนเริ่มสร้างในบ้านเรานะครับ


อันนี้เป็นอุปกรณ์ในการให้สัญญาณกับรถไฟซึ่งสั่งตรงมาจากเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษเลยครับ


อันนี้เป็นการแสดงหลักการที่เรียกว่า Block System เพื่อไม่ให้รถไฟ 2 ขบวนที่วิ่งตามกันมาเกิดชนกันขึ้น โดยใช้อุปกรณ์สีส้มๆ และเครื่องโทรศัพท์ที่วางอยู่นี้


เริ่มเก็บภาพด้านกว้างอีกครั้ง ภายในใหญ่โตกว้างขวางมาก คิดที่จะเดินให้ทั่วคงยากแล้วหล่ะ
ตู้รถไฟด้านขวา
=========================
Class ED40 Electric Locomotive
First Japanese-built electric locomotive. Used on the Abt rack-and-pinion railway between Yokokawa and Karuizawa on the Shinetsu Main Line.
●Minor National Railway Monument
●Number: ED40 10
●Year manufactured: 1921

ตู้รถไฟด้านซ้าย
Class ED17 Electric Locomotive
Electric locomotive imported from the United Kingdom in preparation for the electrification of the Tokaido Main Line.
●Number: ED17 1
●Year manufactured: 1923


อ่านไม่ค่อยชัดในคำแรก ... Railway of Hokkaido ตกแต่งสวยทีเดียวครับ
=========================
Kaitakushi Passenger Carriage
Special, US-built passenger car used during the development of Hokkaido.
●National Railway Monument
●Number: Kotoku 5010
●Year manufactured: 1880


ภาคตัดของหัวรถจักรไอน้ำ
=========================
Class 9850 Mallet Steam Locomotive
Only remaining Mallet locomotive in Japan. Used to cross Gotemba on the Tokaido Main Line.
●Number: 9856
●Year manufactured: 1913


ตรงนี้ถ้ากดปุ่มก็จะเป็นกลไกลสาธิตการยกสะพานทางรถไฟด้วยปั้นจั่นทั้ง 2 ข้างให้เรือที่แล่นมาผ่านไปได้ เห็นแล้วก็หวนนึกถึงพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ท้องฟ้าจำลอง เอกมัยนะครับ มีแบบนี้ให้เล่นตอนนั้นตื่นตาตื่นใจมากๆสำหรับวัยเรียนของผมสมัยนั้น จวบจนตอนนี้ได้เป็นวิศวกรสมใจอยากแล้ว อยากย้อนเวลาไปจริงๆเลยครับ 


อีกหัวรถไฟ รุ่น EF5889
=========================
Class EF58 Electric Locomotive
A standard, post-war electric locomotive that enjoyed great popularity.
●Number: EF58 89
●Year manufactured: 1956


บอร์ดนี้แสดงทางรถไฟที่แล่นผ่านภูเขา(เจาะอุโมงค์), แม่น้ำ และช่องแคบ ว่ามีที่ไหนในญี่ปุ่นบ้าง


ภาพมุมกว้างของพิพิธภัณฑ์รถไฟชั้น 1


ชาวญี่ปุ่นก็ถ่ายเซลฟี้ด้วย
=========================
Class ED17 Electric Locomotive
Electric locomotive imported from the United Kingdom in preparation for the electrification of the Tokaido Main Line.
●Number: ED17 1
●Year manufactured: 1923


หัวรถจักรไอน้ำ ฉึกฉัก ปู๊นๆ....
=========================
Class C57 Steam Locomotive
Standard locomotive used to haul express and limited express passenger trains.
●Number: C57 135
●Year manufactured: 1940


แอบเข้ามานั่งพักในตู้รถไฟตู้นี้สักพัก เดินเมื่อยๆ ขนาดเดินอยู่ภายในที่เดียวนะเนี่ย
=========================
Class Nade 6110 Electric Railcar
National Railway Monument Oldest Japanese-made, truck-equipped, large-scale rail car. Used in the Tokyo area.
●National Railway Monument
●Number: Nade 6141
●Year manufactured: 1914


อ่า...หัวรถจักรไอน้ำขบวนนี้ C57135 จะมีโชว์หมุนตัวและเปิดหวูดในอีก 1 ชม.นะครับ ถือว่าเป็นพระเอกของงานนี้เลย
=========================
Class C57 Steam Locomotive
Standard locomotive used to haul express and limited express passenger trains.
●Number: C57 135
●Year manufactured: 1940


หัวรถไฟรุ่น EF551 เริ่มมีพัฒนาการแบบลู่ลมแล้วครับ
=========================
Class EF55 Electric Locomotive
This streamlined locomotive was used on the Tohoku Main Line limited express "Fuji" run and other passenger trains.
●Year manufactured: 1936


2 หัวรถไฟ ซ้ายมือ 6107M  แบบท้องถิ่น และ ด้านขวามือ TOKI เป็นรถไฟ Limited Express แบบแรกของญี่ปุ่นเลย
=========================
ตู้รถไฟซ้ายมือ
Class Kumoha 455 Electric Railcar
Long-distance railcar with a universal motor that was used in most of the country.
●Number: Kumoha 455-1
●Year manufactured: 1965

ตู้รถไฟขวามือ
Class Kuha 181 Electric Railcar
Based upon the Class 151, Nippon Railway's first limited express railcar. Equipped with a more powerful main motor for steep grades. Used on the Joetsu Line.
●Number: Kuha 181-45
●Year manufactured: 1965


เดินถัดมาฝั่งซ้าย ชื่อ HIBARI รุ่น 485 series Limited Express
=========================
Class Kuha 481 Electric Railcar
Lead carriage used on limited express trains on most lines throughout the country. Could handle all forms of power sources.
●Number: Kuha 481-26
●Year manufactured: 1965


ถัดมาอีก หัวรถไฟนี้สีแดงแปร๊ดดด ชื่อว่า AKEBONO ED75775
=========================
Class ED75 Electric Locomotive
A standard locomotive used on most of the AC-powered lines in Japan.
●Number: ED75 775
●Year manufactured: 1975


ด้านข้างของ TOKI สังเกตโลโก้เดิม JNR ก่อนจะมาเป็น JR ในสมัยปัจจุบัน



เข้าไปข้างในกันครับ มองจากด้านหลังเบาะ สะอาดสะอ้านตามลักษณะเฉพาะของรถไฟชินคันเซ็นญี่ปุ่น


มุมนี้มองจากด้านหน้าเบาะ


หัวรถไฟชินคันเซ็น(Bullet Train) นี้จะมีการสาธิตตอนบ่าย 2 โมง
=========================
Series 222 Shinkansen
The 200 series of shinkansen trains was a new model built for use on the Tohoku and Joetsu shinkansen lines.
●Number: 222-35
●Year manufactured: 1982


ด้านข้างอีกฝั่งของ TOKI Shinkansen โดยด้านข้างจะมีการแสดงที่นั่งผู้โดยสารและการพัฒนาการของรถไฟจากอดีตจนถึงรถไฟความเร็วสูง


รถไฟท้องถิ่นวิ่งไปสถานี MITAKA ขบวน 45A
=========================
Class Kumoha 101 Electric Railcar
Nippon Railway's first high-performance commuter carriage. Used on commuter lines in the capital region and the Kansai area.
●Number: Kumoha 101-902
●Year manufactured: 1957


อันนี้เป็นตู้รถไฟแบบตู้นอน (Modern Series 20 Carriages Popular with Long-Distance Travellers)
=========================
Class Nahanefu 22 Sleeping Car
First dedicated sleeper car for limited express passenger trains. Bogie were equipped with pneumatic springs, and the car had double-paned windows for sound-proofing.
●Number: Nahanefu 22-1
●Year manufactured: 1964


ภายในเป็นตู้นอนที่พับเก็บได้ 2 ชั้น เรียงตัวตามขวางของตัวรถคล้ายๆในรถไฟแบบอินเดียว ส่วนไทยเรียงตัวในแนวขนานไปกับตัวรถ


หัวรถจักรไอน้ำ C515
=========================
Class C51 Steam Locomotive
Japan's first high-speed steam locomotive, and equipped with 1750mm drive wheels.
●Number: C51 5
●Year manufactured: 1920


แล้วก็ได้เวลาเดินเข้าไปในห้องแสดงรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น
=========================
Series 21 Shinkansen (Series 0 Shinkansen)
One of 360 cars built for the opening of the Tokaido Shinkansen in 1964, this was the lead car on Osaka-bound trains.
●Number: 21-2
●Year manufactured: 1964


เป็นรูปภาพตอนทำพิธีเปิดเดินรถไฟชินคันเซ็นครั้งแรก


มองจากด้านท้ายไปด้านหน้าทางเข้า


แล้วก็ออกมาจากห้องแสดงชินคันเซ็น จะเจอกับข้างนอกที่มีตู้รถไฟจอดอยู่ ไม่ไหวหนาวครับ กลับเข้าไปข้างในดีกว่า


เจอกับรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นสมัยแรกอีกขบวน
=========================
Series 21 Shinkansen (Series 0 Shinkansen)
The front end of a lead car from the first shinkansen series to go into service in Japan.
●Number: 21-25
●Year manufactured: 1964


ตรงนี้เป็นตู้รถไฟขนสินค้า
=========================
Class Remufu 10000 Refrigerator Wagon
This refrigerated freight car was fitted with a conductor's room and used to haul fresh seafood from Kyushu to the Tokyo area.
●Number: Remufu 10000
●Year manufactured: 1966


นี่ก็เช่นเดียวกัน ขนสินค้าที่มีน้ำหนักมากๆ เช่นตู้คอนเทนเนอร์ และแท๊งค์บรรจุของเหลว
=========================
Class Koki 50000 Container Wagon
These container cars ran freight under the slogan "from door to door" and revolutionized freight transport in Japan.
●Number: Koki 50000
●Year manufactured: 1966


ตู้รถไฟแบบเก่าอีกขบวนหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไปชมชั้น 2 ต่อไปครับ 
=========================
Class Kiha 41300 Railcar
First true large-scale gasoline-powered railcar. After being retired by Nippon Railway, was used on the Enshu and Tsukuba railway lines.
●Number: Kiha 41307
●Year manufactured: 1933

เดี๋ยวตามไปชมในตอนย่อยต่อไปนะครับ พิพิธภัณฑ์รถไฟยังไม่จบครับ --> ชมพิพิธภัณฑ์รถไฟต่อตอน 2


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น