[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]
จากตอนย่อยก่อนที่เสร็จจากฮาราจูกุก็เดินลงบันไดที่สถานีรถไฟฮาราจูกุไปครับ แอบเห็นป้ายแสดงว่าให้ชิดขวา (Keep to the Right Here) ก็เลยถ่ายมาเพราะแปลกใจว่า ที่อื่นๆที่ไปมาให้ชิดซ้าย แต่มาที่สถานีนี้ดันให้ชิดขวา งงๆแฮะ แต่ก็คงด้วยเหตุผลที่ด้านขวามีราวให้จับยางตลอดแนว ส่วนด้านซ้ายขาดเป็นช่วงๆนะครับ
เอาหล่ะครับ อย่างที่เคยบอกไว้ ว่าใช้แอ๊พ Tokyosubway หาเส้นทางจากสถานี Meiji-jingumae"Harajugu" เพื่อจะไปลงสถานี Shinjuku ก็ได้ผลดังนี้ คือเปลี่ยนรถ 1 ครั้งที่ Shinjuku-sanchome ทั้งหมดใช้เวลาแค่ 13 นาทีเท่านั้นครับ ขึ้นรถไฟมาด้วยกันเลย
พอมาถึงที่สถานีชินจูกุ โอยยย ตามที่ร่ำลือจริงๆ ป้ายบอกทางเยอะไปหมดเลย ไปตามป้ายไหนดีละ มีข้อแนะนำจากติวเตอร์ตู่นะครับ(link นี้ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/09/E12613633/E12613633.html) คือให้หาป้ายที่เขียนว่า West Exit (ทางออกทางทิศตะวันตก) หรือเขียนว่า Odakyu Line เพราะเราจะไปซื้อพาสฮาโกเน่ที่รถไฟเจ้านี้ขายเลย
แล้วเดินมาก็จะเจอป้ายนี้ครับ JR Line, Odakyu Line ซึ่งก็เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายครับ รับรองไม่หลง เพราะผมหลงมาหลายรอบแล้ว 555 จำไว้ หาป้ายที่เขียน Odakyu Line เท่านั้น
เจอแล้ว เคาน์เตอร์ขายตั๋วและพาสฮาโกเน่อยู่ทางขวามือ Odakyu Travel เข้ามาซื้อพาสฮาโกเน่ที่นี่ได้เลยครับ แต่ผมไปเจอเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่อยู่ถัดไป เลยสะดวกที่จะซื้อพาสฮาโกเน่ผ่านเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติมากกว่า เพราะใช้บัตร PASMO ได้ แต่ยังไม่ได้ซื้อตอนนี้นะครับ เล็งๆไว้ก่อน ไว้มาอีกครั้งในวันที่เดินทางไปฮาโกเน่ครับ ยังไม่รู้เลยว่าวันไหน เผื่อมีเปลี่ยนแผนได้เสมอ
จากเคาน์เตอร์ขายตั๋วเมื่อเดินต่อไปก็จะเจอกับทางเข้าตรงนี้ครับ Odakyu Line West Ground Gate
เมื่อซูมเข้าไปก็จะเจอดังภาพครับ ถ้าใครซื้อตั๋วแบบ Romancecar ก็ต้องมาที่ชานชาลาซ้ายมือ 2, 3 ส่วนแบบ Rapid Express ก็ด้านขวามือ ชานชาลา 4, 5 ครับ สำหรับผมคงแบบนี้นะ ไม่เอาหรอก Romancecar มาคนเดียวแถมแพงด้วย
เหนื่อยมากๆครับ เดินขาลากเลยที่ศาลเจ้าเมจิ เลยมานั่งพักที่บันได พอมองมาที่รองเท้าตัวเองถึงกับตกใจ เฮ้ย...ทำไมฝุ่นคั่กอย่างนี้นะ อ๋อ...ฝุ่นจากทางเดินเข้าศาลเจ้าเมจินั่นเอง ฝุ่นเยอะมากๆ ติดรองเท้าเต็มไปหมดเลย ฮือๆ
หายเหนื่อยหน่อยก็เดินสำรวจภายนอกสถานีชินจูกุแล้ว ออกมาก็เจอกับอากาศเย็นยะเยือกเลย บ่ายแก่มากๆแล้ว มีห้าง Keio อยู่ใกล้ๆครับ
พอแสงใกล้ๆจะหมด ก็จะเห็นตึกเปิดไฟสวยงาม ที่เห็นเป็นตึก ODAKYU HALC แสดงว่า เจ้า ODAKYU เจ้าของสายรถไฟที่ผมจะขึ้นไปฮาโกเน่นี่รวยไม่ใช่เล่นเลยนะครับ ยักษ์ใหญ่ถิ่นชินจูกุเลยหล่ะ
ตึกอะไรเอ่ย รูปร่างเป็นวงรีคล้ายๆจรวด แปลกดีครับ จำไว้นะครับ เดี๋ยวเราจะเห็นเจ้าตึกนี้อีกครั้งในตอนต่อไป
อันนี้ผมเห็นเด็กหลายึนมายืนซื้ออะไรสักอย่างจากร้านเคลื่อนที่นี้ ไม่ทราบจริงๆครับว่ามันคืออะไร
MYLORD เป็นอีกห้างที่อยู่ใกล้ๆกัน เปิดไฟสวยงามแล้ว ได้เวลาสำรวจโลกกลางคืนแห่งแสงสี
บันไดทางขึ้นจะมีการประดับไฟเป็นลูกกลมๆ สีฟ้าและสีทอง สวยงามมากๆเลยครับ
อีกมุมหนึ่ง คนญี่ปุ่นเขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอก ผมคนเดียวนั่นแหล่ะที่ตื่นเต้นครับ อิอิ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เข้ามาในห้างใต้ดินอีกครั้ง เล็งๆไว้คือร้านนี้ น่าทานและราคาก็ไม่ได้แพงมากมายอะไรนัก เลือกเมนูที่ต้องการไว้ก่อน แล้วค่อยจำตัวเลขไปกดที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ
อยากทานข้าวหน้าปลาดิบขึ้นมา!!! จัดไป กดที่เครื่องอัตโนมัติแล้วเอาตั๋วให้พ่อครัว รอรับไม่กี่นาทีครับ
นั่นไง มาเสริฟแล้ว ชุดข้าวหน้าปลาดิบรวม ซึ่งมีซุปมิโสะและสลัดมาด้วย เสร็จโจร!!!
ซูมใกล้ๆ น่ากินมากๆๆๆๆ ลงมือเลยนะครับ อิอิ
และนี่ก็คือผลงานครับ 555 เกลี้ยงเลย หิวและอร่อยมาก ลืมบอกราคา 680 เยน ใช้บัตรพาสโม่จ่ายครับ
โอเคครับ ทานอิ่มกลับมามีแรงอีกครั้ง กระดูกกระเดี้ยวของขาก็ดีขึ้นแต่ยังปวดขาอยู่นะครับ เดี๋ยวไปชมวิวเมืองโตเกียวยามค่ำคืนในตอนต่อไป ณ ศาลาว่าการกรุงโตเกียว
[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น