วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

ญี่ปุ่น ภาค 2 ตะลุยเดี่ยว เที่ยวโตเกียว ตอน 5.2 ล่องเรือโจรสลัดโต้ลมหนาวไปตามทะเลสาบฮาโกเน่ หรือ ทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi)


ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ ตอนย่อยนี้จะพาไปล่องเรือโจรสลัดไปตามทะเลสาบฮาโกเน่ หรือชื่อทะเลสาบจริงๆคือ ทะเลสาบอาชิ/อะชิ (Lake Ashi)  ทะเลสาบอาชินี้มีท่าเรือสำคัญๆ 3 ท่าเรือโดยท่าเรืออีกปลายหนึ่งทางตอนใต้ของทะเลสาบสามารถลงท่าและไปเดินเที่ยวละแวกใกล้ๆได้ครับ พอจบล่องเรือแล้วก็กลับสถานีรถไฟชินจูกุอีกครั้งแล้วหาอะไรทานครับ ตอนนี้รูปเยอะระวังจะโหลดนานนะครับ


จะไปล่องทะเลสาบอาชิ เรามาดูเส้นทางที่เรือวิ่งพร้อมระยะเวลากันสักหน่อย จะได้เข้าใจมากขึ้นครับ โดยจะมีท่าเรือสำคัญๆ 3 ท่าเรือคือ ท่าเรือโทเกนได(ท่าที่ผมกำลังจะลงเรือ) ท่าเรือฮาโกเน่มาจิ และท่าเรือโมโตะฮาโกเน่ ซึ่ง 2 ท่าเรือสุดท้ายคือท่าเรือที่อยู่อีกปลายหนึ่งของทะเลสาบอาชิ(ทางตอนใต้)


เกือบๆบ่าย 2 โมงก็พร้อมลงเรือที่ท่าเรือโทเกนได ซึ่งอยู่ต่อจากสถานีกระเช้าโทเกนได อากาศเย็นๆแสงแยงตามากๆครับ ณ ช่วงเวลานี้


นี่ครับ เรือโจรสลัดที่มารับเรา เรือนี้มีชื่อว่า Victory ได้ถูกออกแบบตามเรือรบวิคตอรีซึ่งถูกสร้างขึ้นในประเทศอังกฤษสมัยศตวรรษที่ 18 ได้รับชัยชนะหลายต่อหลายครั้งในสงครามกลางทะเลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และปัจจุบันนี้ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงไว้เป็นที่ระลึกและสัญลักษณ์ของชาวอังกฤษ 
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.hakone-kankosen.co.jp/foreign/en/recommend/victory.html


 
หันไปมองด้านซ้ายมือ มีท่าเรืออีกท่า และเรืออีกแบบจอดอยู่ครับ ตอนแรกคิดว่าเป็นเรือเอกชนอีกบริษัทหนึ่ง แต่จริงๆแล้วคือเรือของ Odakyu นี่หล่ะครับ แต่จอดอีกท่าเพื่อรอรับคนเฉยๆ เรือลำนี้มีชื่อว่า Vasa สิงห์ยุโรปเหนือ ได้ถูกออกแบบตามเรือ Vasa ซึ่งเป็นเรือที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า Gustavus Adolphus แห่งสวีเดนที่มีอิทธิพลต่อแถบยุโรปเหนือเป็นอย่างมากในสมัยศตวรรษ 17 ตอนต้น และได้รับฉายาว่า “สิงห์ยุโรปเหนือ” เรือ Vasa ประดับด้วยประติมากรรมอันหรูหรา
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.hakone-kankosen.co.jp/foreign/en/recommend/vasa.html


แสงแยงตามากๆครับ ถ่ายแล้วย้อนแสงพอดีเลย ได้เวลาลงเรือแล้วครับ


เข้ามาก็เจอเลย "ขุมทรัพย์โจรสลัด" อิอิ


ใครจะว่ายน้ำในทะเลสาบก็เชิญเปิดประตูด้านหน้านี้ได้เลย 555 ไม่ใช่นะครับ เป็นประตูฉุกเฉินหนีไฟ


ขึ้นมาชั้น 2 แล้ว ชั้นสำหรับคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ซื้อตั๋วเพิ่มแบบ First class จริงๆไม่จำเป็นเลยนะครับ แค่ชั้นเฟิร์สคลาสหรูหราเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง อยู่ชั้น 1 ครับ


เรือเริ่มเคลื่อนตัวแล้ว กำลังหมุนตัวเพื่อเอาหัวไปอีกฝั่งหนึ่งน้ำกระจายโดยรอบ ที่เห็นเป็นท่าเรือเล็กๆ


เรือออกจากท่าแล้ว มองเห็นกระเช้าที่มาจากสถานี Ubako อยู่ด้านบน


ตรงนี้ที่เห็นน่าจะเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ชื่อว่า 芦ノ湖畔 蛸川温泉 龍宮殿 หาภาษาอังกฤษไม่เจอแฮะ ราคาคืนละ 18,000 บาทไม่ถูกเลยนะเนี่ย


กลับมาภายในเรือ มีเจ้าหน้าที่แต่งตัวในชุดทหารสมัยก่อน มาขายหรือให้เล่นเกมอะไรก็ไม่รู้ครับ พูดแต่ภาษาญี่ปุ่น ฟังไม่ออก


กลับมาชมวิวด้านนอกเรืออีกครั้ง เรือโจรสลัดลำสีแดงกำลังแล่นสวนเลยครับ เรือนี้มีชื่อว่า Royal II เป็นเรือที่ใหม่ที่สุดครับ เริ่มให้บริการเมือ 20 มีนาคม 2013 เรือนี้ได้ถูกออกแบบตามเรือรอยัล หลุยส์ ซึ่งเป็นเรือรบระดับเฟิร์สคลาสที่ถูกสร้างขึ้นในประเทศฝรั่งเศสเมื่อศตวรรษที่ 18 และได้ทำหน้าที่เป็นเรือธงให้กับกองเรือรบฝรั่งเศส พยายามออกแบบให้มีบรรยากาศในยุคสมัยนั้น ไม่ว่าเป็นรูปบนหัวเรือ การตกแต่งประดับทั้งข้างในและข้างนอกเรือ และระเบียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ท้ายเรือ
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.hakone-kankosen.co.jp/foreign/en/recommend/royal2.html


ส่วนอาคารใหญ่ๆที่เห็นนี้น่าจะเป็นโรงแรม Odakyu Yamano Hotel ราคา 13,800 บาท/คืน ถูกกว่าโรงแรมก่อนหน้านี้อีก แต่ก็ยังแพงอยู่ดี


ชมคลื่นน้ำท้ายเรือกันบ้างครับ ทำมาเป็นแบบอนิเมชั่น


ซูมไปดูใกล้ๆ เห็นมีเรือแล่นไปหรือกำลังแล่นมาก็ดูไม่ออกแฮะ


จวนจะถึงท่าเรือฮาโกเน่มาจิแล้วครับ ธงญี่ปุ่นปลิวไสวต้องลมหนาวๆ บรื๋อๆ


คนมายืนรอต่อแถวเตรียมลงเรือกันเยอะเลยครับ ส่วนผมก็จะลงที่ท่านี้


ลงมาแล้วครับ ใช้เวลา 30 นาทีจริงๆจากท่าเรือโทเกนไดมาท่าเรือฮาโกเน่มาจิ อากาศหนาวเย็นมากๆ


มองย้อนไปทางที่เดินมาก่อนออกจากท่าเรือ เห็นฟูจิซังด้วยครับ


หนาวแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ต้องกาแฟร้อนๆ แบบกดเองนี่แหล่ะ ขายที่ท่าเรือครับ เลือกแบบ Blend Coffee พอได้ไออุ่นเลยครับ


จิบกาแฟร้อนไป ก็ชมวิวเรือที่ผมนั่งมาไป ตอนนี้กำลังแล่นออกจากท่าเรือฮาโกเน่มาจิไปท่าเรือโมโตะฮาโกเน่ ฟูจิซังแบบสวยๆอีกแล้ว


ไม่พอใจ ซูมไปดูใกล้ๆเลย ฟูจิซัง ฟินเว่อร์.....


เดินดูอะไรไปเรื่อย ใกล้ๆกันก็เป็นท่ารถบัสครับ


ร่องรอยหิมะที่เคยตกใช่มั้ยเนี่ย หรือน้ำค้างแข็งจากเมื่อคืน หนาวเย็นจริงๆ


เดินวนมาเจอหน้าร้านนี้ครับ มีตุ๊กตาหมีพูห์และลิงสีดำ ชื่ออะไรไม่รู้สิครับ ไม่ได้ติดตามเท่าไหร่


เดินวนกลับมายังริมทะเลสาบอาชิ แถวนี้เขาโด่งดังเรื่องวิ่งมาราธอนครับ มีรูปปั้นนักวิ่งมาราธอนอยู่ตรงนี้ ริมทะเลสาบอาชิ


ตรงนี้เป็นร้านกาแฟและอาหาร ดูยิ่งใหญ่ดี แต่ไม่ได้เดินเข้าไปหรอกครับ


กลับมาแถวท่าเรือฮาโกเน่มาจิ ไม่รู้จะไปไหนจริงๆ อากาศก็หนาว ขาก็ปวด เดินไปได้ไม่ไกลเลยครับผม


หนาวมากๆ ทนไม่ไหว เข้ามานั่งรอคิวลงเรือกลับดีกว่า ป้ายบอกว่า เรือรอบสุดท้ายของวันคือรอบเวลา 15.30 น. ก็คือรอบที่จะถึงนี่หล่ะครับ ตอนนี้เวลา 15.04 น. เกือบซวยแล้ว ไม่ได้ดูตารางเวลาเรือมาซะด้วย 555
ปล.ตารางเรือจากท่าต่างๆ และค่าโดยสาร(ไม่ใช้พาส)


เรือที่จะลงใกล้มาถึงท่าแล้วครับ ได้ขึ้นเรือ Royal II ซะด้วยแฮะ ผมนี่ได้ยืนเป็นคิวแรกเลยนะครับ กลัวเหมือนกัน สงสัยคงคิดว่าผมเป็ฯคนญี่ปุ่นมั้ง 555


มาถึงท่าหล่ะครับ รอให้คนออกจากเรือจนเสร็จก่อนครับ ถึงจะลงเรือได้


คนออกจากเรือหมดแล้ว ได้เวลาลงเรือกลับแล้วครับ คนแรกของแถวเลยยยย


ขึ้นมาชั้น 2 เหมือนเดิม ตำแหน่งที่นั่งก็ใกล้เคียงกับของเดิมด้วยสิครับ


หันมองไปทางซ้ายมือ เห็นฟูจิอีกแล้ว ผ่านหน้าต่างของเรือ


อดไม่ได้ที่จะต้องซุมเข้าไปดูฟูจิซังใกล้ๆอีกแล้ว ครั้งนี้ชัดฝุดๆ


ระหว่างทางเจอเสาโทริอิสีส้ม คือศาลเจ้าจินจะ (Hakone Jinja Shrine)


และก็มาถึงที่ท่าเรือโมโตะฮาโกเน่ (Motohakone) ท่านี้คนลงกันพรึบเลยครับ ส่วนผมไม่ลงแล้ว จะนั่งกลับไปที่ท้าเรือโทเกนได ไปนั่งกระเช้าต่อให้คุ้มอ่ะ


ดูสิครับ คนหายไปตรึมเลย


ที่นั่งที่เหลือเลยโล่งๆ แต่ก็มีคนเข้ามานั่งแต่ไม่เต็มนะครับ


บอกลาโมโตะฮาโกเน่กันแล้ว


สวนกับเรือ Victory อ้าว...ไหนบอกรอบสุดท้ายแล้วไง งงมาก จริงๆเป็นเรือรอบสุดท้ายจากท่าเรือโทเกนไดเช่นกันครับ มาถึงท่าเรือฮาโกเน่มาจิแล้วจอดรอยันเช้า

  
ในที่สุดเรือก็มาถึงท่าโทเกนได เริ่มแสงน้อยแล้วหล่ะ รีบออกจากเรือ เดี๋ยวไปขึ้นกระเช้าไม่ทัน


เดินไปที่อาคารท่าเรือโทเกนได


เอ้ย...ในที่สุดก็ไม่ทัน เขาปิดกระเช้าแล้วครับ เฉยเลย มาไม่ทัน ทำไมมันปิดเร็วจังแฮะ อดขึ้นรอบ 2 เลยอ่ะ ฮือๆ เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ด้วยความสงสัย เขาบอกปิด 15.30 น. โอยยย ซวย เลยต้องมาขึ้นรถบัสสายโอดาวาระคันนี้แทนครับ


ไม่เสียเงินเพิ่มนะครับ พาสฟรีฮาโกเน่ครอบคลุม แต่ขณะที่นั่งอยู่ในรถบัสผมคิดในใจ ถ้าลงโอดาวาระก็ไม่คุ้มอ่ะ เลยหาวิธีจะลงไหนดี พอดีถนนมันขนานเส้นทางรถไฟสาย Tozan line บางช่วงครับ เลยตัดสินใจลงที่สถานีนี้ Ohiradai station แต่เชื่อมั้ย อันตรายมากๆๆๆๆ เพราะทางคดโค้ง มองไม่เห็นรถที่ขับลงมาจากเขา แถมรถขับเร็วด้วย ผมข้ามถนนไม่ได้สักที ทางม้าลายก็ไม่มีครับ เกือบโดนรถชนแหน่ะ เสียวมากๆ หาจังหวะที่รถว่างโล่งๆถึงจะข้ามไปอีกฝั่งสถานีได้ ใจหายเลยครับ


นี่ครับ จากสถานีก็เดินลงบันไดมาอีก แล้วจะถึงชั้นชานชาลาครับ มีรถไฟกำลังแล่นมาอยู่เลย แต่ก่อนขึ้นก็ดูกันก่อนนะครับว่าฝั่งไหน ขึ้นผิดฝั่งซวยอีก แทนที่จะใกล้กลับไกลไปอีก


ขึ้นรถไฟไปเสร็จ รถไฟก็ยังไม่แล่นนะครับ รออีกนานเลย นี่ป้ายสถานี Ohiradai ตรงไปจะเป็นจุดสลับทิศทางการเดินรถไฟ หรือ Switchback ครับ จริงๆผมลุ่นๆอยู่ว่าขบวนนี้จะวิ่งไปทางไหน ถ้าวิ่งไปอีกทางที่เขียนว่า Miyanoshita ก็ย้อนกลับไปทางเดิมอ่ะ 


ตั๋วฟรีพาสกับมือถือ ดูแผนที่จาก Google Map ตลอด ช่วยได้จริงครับ เทคโนโลยี่สมัยนี้


นั่งไปเรื่อยๆ ฉึกฉักๆๆๆ ณ เวลา 17.07 น. ก็มาถึงยังสถานี Hakone-Yumato แล้วครับ ได้เวลาลงจากรถไฟ


ชอบรถไฟขบวนที่นั่งนี้ สีส้มๆ ใหม่มากๆ ไม่เหมือนขบวนที่นั่งขามา มุมนี้หัวขบวนครับ


อันนี้ภายนอกขบวนแบบเต็มๆ โค้งสวยงามพอดีเลย ชอบๆ


แล้วก็ตัดไปตอนลงที่สถานีโอดาวาระ (Odawara) ด้วยขบวนสีแดงส้มเช่นกัน จากสถานี Hakone-Yumoto มา


เดินต่อไป ดูตามป้ายเวลารถไฟที่กำลังจะมาถึง ของผมต้องขึ้นขบวน Express ปลายทางสถานีชินจูกุ เวลารถไฟออก 17.38 น.ชานชาลาที่ออกฝั่งขวามือตามลูกศรชี้นะครับ ตอนนี้เวลา 17.24 น. เหลืออีกหลายนาทีอยู่ครับ


อ่าาา ได้ขึ้นรถไฟแล้วครับ หลับได้เลย เพราะใช้เวลา 91 นาทีด้วยกัน ถึงจะถึงสถานีชินจูกุ แถมช่วงเย็นเลิกงานด้วย ชาวญี่ปุ่นขึ้นกันเยอะมาก ช่วงนี้อาการปวดเข่าเข้ามาอีกแล้วแฮะ ปวดมากๆ ดีนะมียาพาราฯพกไว้ในกระเป๋ากับน้ำดื่ม ซัดไป 2 เม็ดครับ ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นตายแน่ๆ ปวดมากๆครับ เคยเกิดขึ้นแบบนี้ตอนนั่งในรถตู้จากวังเวียงไปหลวงพระบาง และนั่งรถบัสเล็กจากดาลัดไปมุยเน่ครับ


19.09 น. ก็มาถึงสถานีชินจูกุอย่างปลอดภัย ด้วยขบวนนี้จ้า มาถึงเสร็จก็จะวิ่งกลับไปอีก แต่คงไม่ใช่สายเดิมหรือเปล่าไม่แน่ใจครับ


เดินออกจากชานชาลาของ Odakyu ไปทางป้ายสีเขียวด้านหน้าโน่นซึ่งเป็นทางออกครับ


เดินออกมาสูดอากาศเย็นๆหนาวๆที่ด้านนอกอาคารอีกครั้ง จำตึกจรวดนี้ได้มั้ยครับ 2-3 วันก่อนก็มา อิอิ


หนาวมากๆ เลยเดินกลับเข้ามายังอาคารภายใน หาอาหารเย็นทานก่อนครับ มีร้านหลายร้านให้เลือกทาน เอาร้านนี้ดีกว่า ร้านราเมงราคาไม่แพง


ยื่นตั๋วแล้วรอรับอาหารเลยจ้าาา หิวๆ


ได้มาละ หน้าตาเป็นแบบนี้ สังเกตช้อนนะครับ เอกลักษณ์มากๆ น้ำดื่มฟรี รสชาติอร่อยมาก ฟินสุดๆ ซู๊ดปากกันทีเดียว อิอิ ชามนี้เบ็ดเสร็จ 320 เยน


ของคาวหมดไป ได้เวลาของหวานครับ นี่เลยร้านนี้ ขนมครีมพัฟ Beard Papa's ตอนอยู่ในไทยไม่เคยทาน มาทานที่ร้านต้นตำหรับละกัน อร่อยดี ซื้อมา 1 ชิ้นไส้สตอเบอรี่ 230 เยน


ทานอาหารเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้ว แต่ยังไม่กลับที่พักนะ ไปหาวิวกลางคืนสวยๆชมดีกว่า แสงสีสวยงามของโตเกียวที่ยังไม่ได้มาชมตอนกลางคืน แล้วมาต่อกันในตอนหน้าครับ ว่าจะไปที่ไหน

[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น