วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

ญี่ปุ่น ภาค 2 ตะลุยเดี่ยว เที่ยวโตเกียว ตอน 2.3 ไปชมหุ่นกันดั้ม (Gundam), สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ณ โอไดบะ (Odaiba) เมืองใหม่ที่เกิดจากการถมทะเลของโตเกียว


เอาหล่ะ หลังจากไปชมความสูงชะลูดของโตเกียวสกายทรีในตอนก่อนแล้ว ตอนนี้จะพาไปเที่ยวโอไดบะ เมืองใหม่ของญี่ปุ่นที่เกิดจากการถมทะเลบริเวณอ่าวโตเกียว ในอดีตสร้างเพื่อป้องกันศัตรูที่มาจากทางทะเล แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นเป็นเมืองแห่งท่าเรือ จนกระทั่งเป็นศูนย์กลางทางการค้า ย่านบันเทิง ที่อยู่อาศัย และพักผ่อน ผมใช้เวลาอยู่ที่เมืองใหม่นี้จากบ่ายยันค่ำเลยครับ เพราะมีที่ให้เดินชมและอื่นๆอีกมากมาย ใครแพลนมาที่นี้อย่างต่ำต้องครึ่งวันบ่ายนะครับ จะได้ถ่ายไฟและแสงสวยๆ ยามค่ำคืนครับ


จากโตเกียวสกายทรีก็เดินหาสถานีรถไฟใต้ดินก่อน คนละสถานีกับตอนขามา สถานีนี้ชื่อว่า Oshiage มีช่องรอรถไฟแบบเฉพาะผู้หญิงอย่างเดียวด้วยนะครับ แล้วใช้ Hypedia เลือกเส้นทางให้(ที่ไม่ใช้แอ๊พ Tokyosubway เพราะมันใช้เส้นทางที่ใช้เวลานานถึง 42 นาที) ได้เส้นทางดังนี้
OSHIAGE --> KIYOSUMI-SHIRAKAWA โดยใช้เส้น  Hanzomon Line
KIYOSUMI-SHIRAKAWA --> TSUKISHIMA โดยใช้เส้น Oedo Line
TSUKISHIMA --> TOYOSU โดยใช้เส้น  Yurakucho Line
ใช้เวลาทั้งสิ้น 22 นาที


แล้วก็เดินออกมาด้านนอก จะเจอสะพานข้ามถนนแบบนี้ ก็เดินขึ้นไปเลย ข้างบนจะเป็นสถานี Toyosu ครับ


ดูแผนที่สถานีรถไฟและสถานที่สำคัญๆ ได้ตรงนี้เพื่อจะได้รู้ตำแหน่งต่างๆก่อนครับ 
เครดิต : www.japan-guide.com


คราวนี้บัตร 3 day pass ของรถไฟใต้ดินโตเกียวใช้ไม่ได้แล้วนะครับ เพราะอยู่นอกเหนือเส้นทางและอีกอย่างไม่ใช่รถไฟใต้ดินแล้ว เป็นรถไฟลอยฟ้าแบบ BTS ที่ชื่อสาย Yurikamome สถานี Toyosu ต้นสถานีใช้บัตร PASMO แตะเลยครับ


วิวด้านขวามือ จะเจอกับสะพาน 有明通りข้ามแม่น้ำอยู่


ด้านซ้ายมือจะเป็น Tokyo Big Sight อาคารแสดงนิทรรศการ


และถ้าเห็นทางขวามือเป็นชิงช้าสวรรค์(Ferris Wheel) แล้วหล่ะก็ เตรียมลงที่สถานี Aomi ได้เลยครับ


ถึงสถานี Aomi แล้วครับ เวลา 15.02 น.


ออกมาจะเจอทางออก 2 ฝั่งซ้ายและขวา ผมออกขวามาก่อนเพื่อจะถ่ายวิวที่เครื่องบินกำลังเทคออฟจากสนามบินนาริตะ


แล้วก็เดินมาฝั่งซ้ายเพื่อเดินเข้ามาที่ Palette Town ซึ่งเป็น Complex ใหญ่ๆ ประกอบไปด้วยห้างหลายห้าง คือ Venus Fort shopping mall, Toyota Mega Web, a Ferris Wheel, the Zepp Tokyo music venue และ Tokyo Leisureland


เดินเข้าไปชมความงามของห้าง Venus Fort ซึ่งจะตกแต่งคล้ายๆ Venetian Macau เหมือนที่เคยไปมาแล้วที่มาเก๊า สวยงาม เหมือนเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง สถาปัตยกรรมแบบอิตาลี่


จุดตรงกลางนี้สวยมากครับ มีน้ำพุด้วย


อีกมุมหนึ่ง แนวตั้งบ้างครับ


เดินมาตรงนี้ จะมีขายขนมขบเคี้ยวเแาไปเป็นของฝาก แต่งแสงได้แนวมาก


เดินมาสุดทางตรงนี้จะเป็นเวทีครับ เวทีการแสดงแนวคริสต์มากๆ ฟ้าชมพูซะ ดูน่ากลัวนะ


แล้วก็ออกมาฝั่งตรงข้าม เป็น Toyota Mega Web ซึ่งเป็นโชว์รูมของรถยนต์โตโยต้าที่ใหญ่มากๆ แสดงเทคโนโลยี่ใหม่ๆ รถยนต์ประหยัดพลังงาน และมีพิพิธภัณฑ์รถในยุคเก่าๆด้วย


อย่างนี้คันนี้ พลังงานไฮโดรเจนหรือเปล่าน้าาา


แล้วก็มารอดูเขาแข่งรถแบบนี้กัน บังคับไปตามเส้นทางของแสงสีชมพูและสีฟ้า แล้วดูว่าใครตรงสุด ก็จะชนะ


ออกมาข้างนอก แวะชมชิงช้าสวรรค์(Ferris Wheel) แบบใกล้ๆซะหน่อย ใหญ่โตมากๆ ครับ
ข้อมูลที่สำคัญของ Ferris Wheel มีดังนี้
1.สูง 115 เมตร
2.เส้นผ่านศูนย์กลางของ Wheel 100 เมตร
3.จำนวนกระเช้าที่นั่ง 64 กระเช้า
4.จุคนได้ 6 คนต่อกระเช้า ส่วนกระเช้าแบบใส และแบบมี wheel chair จุได้ 4 คนต่อกระเช้า


เดินมาตรงสะพานข้ามถนน ตรงนี้จะเป็นการทดสอบนั่งในรถแข่ง ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ใจกล้าเข้ามานั่งกับนักแข่งมืออาชีพ ดูแล้วอันตรายมากนะครับ ดูได้จากรอยยางรถยนต์ที่พื้น แต่ดูจนจบหลายรอบก็ขับปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุอะไรครับ


ก่อนจะเดินลงไปยังลานด้านล่าง มีสะพานแขวนแบบไม่สมมาตรด้วย


เดินไปตามทางเรื่อยๆครับ มองย้อนกลับไปที่ Ferris Wheel มีคนจูงหมามาเดินเล่นหลายคนเหมือนกัน เวลานี้แสงแดดใกล้จะหมดลงแล้วเช่นกัน


ลานทางเดินกว้างขวางมากๆ ตรงนี้ไม่มีรถแล่นเข้ามาได้นะครับ เดินเล่นๆ สบายๆเลย ชอบที่ญี่ปุ่นเขาให้ความสำคัญกับการพักผ่อนของคนชาติเขาอ่ะครับ


ในที่สุดก็เดินมาถึงหุ่นยนต์กันดั้ม หน้าห้าง Diver City Tokyo Plaza จุดที่ใครๆมาที่นี่ก็ต้องมาถ่ายรูปเก็บภาพเอาไว้


ซูมเข้าไปใกล้ๆครับ ดูบึกบึนจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเราก็มาถึงจนได้แฮะ แต่ก่อนเห็นรูปแต่ในเว็บ


เลี้ยวมาถ่ายด้านข้างบ้าง ยิ่งใหญ่ดีแท้


มุมด้านหลัง ผมถ่ายมาครบทุกมุมเลย 555


เดินไปเรื่อยๆ ตามทาง ยังไม่เข้าไปที่ห้าง Diver City ครับ ด้านซ้ายจะมีประติมากรรมแท่งสีทองอะไรสักอย่างครับ


มามองตรงด้านขวาก็จะเป็นตึกลักษณะแปลกๆ มีลูกกลมๆอยู่ด้านบน นั่นคือตึกฟูจิทีวี สถานีช่องของญี่ปุ่นที่โด่งดังมากครับ


เดินตรงไปตามทางก็จะเจอกับสะพานสายรุ้ง(rainbow bridge) อยู่ไกลๆ ตอนนี้ยังไม่มืดเลยยังไม่เปิดไฟ ฉะนั้น ผมต้องอยู่รอจนค่ำเพื่อจะได้ชมความงามของสะพานยามเปิดไฟสวยๆ


เวลา 16.42 น. แสงสุดท้ายที่โอไดบะ โตเกียว ได้จังหวะที่รถไฟลอยฟ้าแล่นมาพอดี


พอความมืดมาเยือน ผมก็เดินเข้าไปสิงที่ห้าง Diver City ขึ้นไปชั้นบนสุด เข้าไปชมแกลอรี่กันดั้มก่อนครับ


ผมเลือกที่จะชมแค่ในส่วนที่ไม่เสียเงินนะครับ อยู่ทางซ้ายมือ ส่วนแฟนพันธุ์แท้ต้องเข้าไปข้างในอีก เสียเงินค่าเข้าด้วย


ชมเสร็จก็เดินมาผ่านตู้ที่คนมาเต้นกัน คนยืนออดูเจ๊คนนี้เต้นครับ แกเต้นได้จังหวะตรงกับภาพในจอเลยแฮะ สุดยอดจริงๆ


แล้วก็หาร้านอาหารทานก่อน หิวแล้ว เลือกร้านนี้เลย Yoshinoya ที่มีสาขาในไทยเราด้วยเช่นกัน ทานข้าวหน้าเนื้อพร้อมกับไข่ออนเซ็น ส่วนน้ำชาร้อนกดฟรีครับ ร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่น้ำดื่มจะบริการฟรีนะครับ


พอทานอาหารเสร็จ ออกมาจากห้างก็มืดสนิทเลย ได้เห็นกันดั้มเปิดไฟสวยๆแล้ว อิอิ ด้านหลังครับมุมนี้


วนมาชมความงามด้านหน้ากันบ้าง


ซูมเข้าไปตามระเบียบ ชอบแสงไฟที่ตาจริงๆเล้ยยย


ฮ่าๆๆๆ คนมายืนอออะไรกันเนี่ย มายืนชมแสงไฟและท่าเต้นเด็ดๆจากพวกศิลปินที่มาเปิดการแสดงนั่นเอง อากาศหนาวไม่หนาวดูได้จากชุดที่ใส่นะครับ


แล้วก็ได้เวลาเดินไปที่สะพานสายรุ้งกันอีกครั้ง คราวนี้แสงไฟยามค่ำคืนถูดเปิดอย่างสวยงามแล้ว


ตรงด้านขวามือนี้เป็นอาคารอะไรสักอย่างครับ เห็นทางขึ้นบันได้แล้วหมดพลังเลย ทั้งชั้นทั้งยาวมากๆ แต่มีบันไดเลื่อนอยู่ด้านขวานะครับ แต่คงไว้เป็นทางขึ้นอย่างเดียว ส่วนถ้าจะลงก็เดินลงบันไดปกติแบบสองคนด้านบนนั้นกำลังเดินลงมาครับ


ตรงนี้เปิดไฟที่บันไดเป็นรูปหัวใจครับ ต้องรอจังหวะเปิดจนครบรูปหัวใจ ถึงจะถ่ายมาได้เต็มๆ


ป้ายงาน Odaiba Illumination ปีนี้ ได้มาทันงานเปิดไฟด้วยแฮะ ดีใจๆ (แอบมีโลโก้ตาบั๊กส์ติดมาด้วย)


แล้วก็มาถึงสะพานสายรุ้ง หรือ Rainbow Bridge พร้อมกับอนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ มุมมหาชนเช่นกันคร้าบบบบ


ย้ายมาอีกมุมหนึ่ง เทพีสันติภาพอยู่ด้านซ้ายมือบ้าง ส่วนสะพานสายรุ้งอยู่ขวามือ เป็นสะพาน 2 ชั้นมีทางด่วน ถนนปกติ รถไฟลอยฟ้าสาย Yurikamome line และทางเดินเท้าของผู้คนทั้ง 2 ฝั่ง


ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไป ก็ดัน ISO ไปเยอะๆ พร้อมกับกลั้นหายใจตอนกดชัตเตอร์ ภาพที่ได้ก็เป็นแบบนี้


ซูมบ้างไรบ้าง สะพานสายรุ้ง(Rainbow Bridge)


ผมวนหามุมถ่ายรูปอยู่นานแสนนานกว่าจะเก็บครบทุกมุมมาได้ จนอากาศหนาวเย็นลงเรื่อยๆ เลยเดินมากดกาแฟร้อนกระป๋องจากเครื่องกดอัตโนมัติ แล้วมานั่งชมวิวอาคารฟูจิทีวี เลขที่ออก "8" นั่นเอง


แล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ อ๊ะๆ ยังไม่ได้กลับไปไหนไกลครับ แค่นั่งรถไฟจากสถานี Daiba ไปลงสถานี Aomi อีกครั้ง เพื่อไปถ่ายอุโมงค์สายรุ้งเวลาเปลี่ยนแสงสีสวยๆ


ภายในรถไฟครับ คนไม่เยอะแล้ว


แค่ 3 สถานีก็มาถึงสถานี Aomi แล้วลงตรงสถานีนี้ แล้วเดินเข้ามาทางเข้าเดิมอีกครั้ง เก็บรูป Venus Fort ตอนเปิดไฟอีกครั้ง


ชิงช้าสวรรค์ หรือ Ferris Wheel ยาวค่ำคืนเปิดไฟสวยงามครับ


นี่ไงครับ อุโมงค์สายรุ้ง มาเก็บครบจนได้


สายรุ้งยังไง ก้ลองดูช็อตนี้แล้วเปรียบเทียบกับอีกช็อตด้านล่างนะครับ


มันจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ 7 สีสลับกันไป 
โอเค...ได้เก็บภาพและสถานที่สำคัญจนครบหมดแล้ว ต่อจากนี้จะไปแวะย่านชิบูย่าสักหน่อย ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ตามต่อในตอนหน้านะครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น