วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ฮ่องกง-มาเก๊า ตอน 3 นั่งเรือเทอร์โบเจ๊ทไปเที่ยวมาเก๊า ก่อนจะกลับมาดู Symphony of Lights ณ อ่าววิคทอเรีย ฮ่องกง


วันนี้เป็นวันที่ 3 ของทริปนี้แล้ว วันนี้เรามีแพลนจะไปเที่ยวมาเก๊ากัน โดยมาเก๊านั้นถ้าดูในแผนที่จะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางตอนใต้หน่อยๆของฮ่องกง ซึ่งตามสูตรถ้ามาเที่ยวฮ่องกงสัก 4 วันขึ้นไปแล้ว ก็จะมีพ่วงไปมาเก๊า 1 วันโดยไปแบบไปเช้าและกลับเย็นเพื่อมาค้างที่ฮ่องกง แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือก็อาจจะเลือกที่ไปค้างที่มาเก๊า 1 คืนก็ได้  (pantip)

สำหรับเรานั้นแค่ไปเช้ากลับเย็นก็เพียงพอแล้ว อยากใช้เวลาที่ฮ่องกงนานๆมากกว่า และอีกประการคือ เรายังไม่ได้ไปดูแสงสีเสียงจาก SOL(Symphony Of Lights) ริมทะเลของอ่าวฮ่องกงเลย(ตามแพลนวันแรกไปไม่ทัน) วันนี้ตอน 2 ทุ่มต้องไปดูให้ได้ และในวันรุ่งขึ้นนั้นก็ยังมีโปรแกรมเที่ยวที่ฮ่องกงเหลืออยู่ด้วย จึงไม่อยากเสียเวลาที่มาเก๊าไป 1 คืน ดังนั้นแพลนการเที่ยวในวันนี้จึงออกมาดังนี้

DAY 3 : ท่าเรือเฟอร์รี่เกาลูน - ท่าเรือเฟอร์รี่มาเก๊า - Venetian Macau - Galaxy Macau - City of Dreams Grand Lisboa - เซนาโด้ สแควร์ / ซากโบสถ์ St'Paul - Grand Lisboa - ท่าเรือเฟอร์รี่มาเก๊า - ท่าเรือเฟอร์รี่เกาลูน - SOL

ก่อนไปมาเก๊าเรามาทำความรู้จักประเทศนี้สักเล็กน้อย
มาเก๊า ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของปากแม่น้ำเพิร์ลทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ติดกับเมืองจูไห่ของจีนแผนดินใหญ่ และอยู่ห่างจากฮ่องกงมาทางทิศตะวันออกประมาณ 60 กิโลเมตร มาเก๊าประกอบไปด้วย(1)คาบสมุทรมาเก๊า (2)เกาะไทปา และ(3)เกาะโคโลเอน คาบสมุทรมาเก๊าเป็นศูนย์กลางของเขตนี้ซึ่งเชื่อมต่อกับเกาะไทปาด้วยสะพานที่ใช้เป็นถนนสามสะพาน รีสอร์ทโรงแรมนานาชาติขนาดใหญ่หลายแห่ง – ที่มีโครงสร้างพื้นฐานใหม่– ตั้งอยู่บนที่ดินที่ได้จากการถมทะเลระหว่างเกาะไทปาและเกาะโคโลเอนในเขตพัฒนาใหม่ที่เรียกว่าโคไท


วันที่สาม : วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557
เช้านี้เราเลยตื่นเช้ากันอีกวัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาอันดับแรกคือไปทานอาหารเช้าที่มีคนแนะนำกันเยอะเมื่อไปถึงฮ่องกง นั่นคือร้านโจ๊ก Ocean Empire ครับ หน้าร้านตกแต่งโทนสีม่วงๆ อยู่ใกล้ๆ MTR สถานีเหยาม่าเต๋ย ติดริมถนนนาธานเลย หาไม่ยาก(จริงๆภาพนี้คือทานเสร็จแล้วออกมาพบว่าคนเข้าแถวรอคิวกันแล้ว ซึ่งตอนเข้ามาทานยังไม่มีแถวเลยครับ โชคดีที่มาเร็วเลยเข้าไปนั่งที่โต๊ะได้เลยไม่ต้องรอคิว)


ร้านนี้ทีเด็ดคือปาท่องโก๋ตัวยาวๆ แล้วเวลาเสริฟเอามาตัด และมีโจ๊กหลายชนิดหอมน่าทาน เราเลือกสั่งเมนูนี้เลยตามรูป คือโจ๊กรวมมิตร ราคา 28.5 HKD


สักพักปาท่องโก๋กับกาแฟและน้ำเต้าหู้ก็มาเสริฟก่อน ปาท่องโก๋กรอกอร่อยดี


แล้วก็ตามมาด้วยโจ๊กรวมมิตรใส่ปลา, ปลาหมึกและไข่ น่าทานมาก เลยเอาขั้นตอนตั้งแต่มาเสริฟยันคนจนจะตักเข้าปากมาให้ชม


ร้อนๆ เข้มข้นอร่อยมากๆ ขอแนะนำเลยครับ


หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็เริ่มออกเดินทางกัน ไปขึ้นรถไฟ MTR ที่สถานี Yau Ma Tei เช่นเดิม จุดหมายคือ สถานี MTR Tsim Sha Tsui


ถึงสถานีจิ่มซาจุ่ยให้เดินออกมาตรงป้ายที่เขียน China Ferry Terminal แล้วเดินตามถนน Haiphong(เลีบยกับสวนสาธารณะ) แล้วเมื่อถึงจุดตัดกับถนนแคนตัน(Canton road) ก็ข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเลี้ยวขวาเดินตามถนนแคนตันต่อไป

เช้านี้เจอกับคนที่ออกมาเดินรณรงค์ World Wide Walk ตามที่เขียนในเสื้อของคนมาเดิน ก็เลยต้องรอจังหวะให้ข้ามถนนได้ก่อน


เดินไปตามถนนแคนตันสักพักก็จะถึงอาคาร China Hong Kong City ด้านซ้ายมือเดินเข้าไปเลย ขึ้นไปชั้น 4 ก็จะเจอกับเคานเตอร์ขายตั๋วไปมาเก๊า เราเลือกเจ้า TurboJet ราคาผู้ใหญ่ 175 HKD

ได้เวลา 10.00 a.m. แต่ดันลืมไปว่ามันเป็นการออกนอกประเทศนี่หว่า ตอนแรกเข้าแถวเพื่อผ่านตม.แต่ยังไม่มี Imigration form เลยต้องวิ่งไปหาและเขียนอย่างเร่งรีบ กลัวตกเรือ เฮ้อ...ฉุกละหุกจริงๆ สุดท้ายก็เขียนทันก่อนจะถึงเคานเตอร์ต.ม. เส้นยาแดงผ่าแปด โล่งไปที


ผ่านต.ม.ก็เดินเข้าไปตามทางเรื่อยๆ แต่แล้วที่จุดตรวจตั๋วก่อนลงเรือก็ต้องโดยกักอีก งงว่าโดนเรื่องอะไร ตั๋วก็มี แต่แล้วก็ทราบว่าในตั๋วมันไม่ระบุที่นั่งครับ เจ้าหน้าที่เลยกักไว้ก่อนแล้วว.ไปถามเพื่อระบุเลขที่นั่งให้


นี่คือตั๋วที่ไม่ได้ระบุที่นั่งมาด้วยจากคอมฯ ต้องเขียนด้วยมือลงไปจากเจ้าหน้าที่กลัวเราจะไม่มีที่นั่ง ได้ที่นั่ง 42R, 42Q


ภายในห้องโดยสารชั้นล่าง First Class จะอยู่ชั้นบน


นั่งหลับไปสักพักก็ถึงแล้ว เรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อากาศข้างนอกฟ้าครึ้มฝนปรอยๆ


ผ่านตม.มาเก๊า(เข้มพอควร) ก็ออกมาที่ Ferry Terminal ขากลับจะต้องขึ้นไปซ์้อตั๋วข้างบน


เดินออกมาข้างนอก แล้วลงบันไดเพื่อลอดถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อไปยังป้ายรถบัสที่ไปโรงแรมต่างๆ แบบฟรีไม่ต้องเสียเงิน


พอมาถึงอีกฝั่งของถนนก็เดินไปตามป้ายที่เขียนบอกด้านบน จะไปโรงแรมไหนก็ไปยืนรอที่ป้ายนั้นๆ ผ่าน Grand Lisboa ไปยืนรอที่ Venetian Macau เพราะเราจะไปที่นั่นอันดับแรก


กำลังยืนรออยู่  เอ๊ะ...เสียงอะไรบนฟ้า แหงนไปดู มีฮ.บินมาสอดแนมเรานั่นเอง อิอิ


แล้วรถบัสของ Venetian Macau ก็มาถึงแล้ว เตรียมตัวขึ้นไปกัน


รถแล่นผ่านเจ้าแม่กวนอิม ทีอยู่ริมทะเล เก็บภาพไว้เพราะคงไม่ได้เดินมาดูใกล้ๆ


รถบัสกำลังจะข้ามสะพาน Sai Van เพื่อไปยังอีกเกาะหนึ่งเกาะไทปาซึ่งอยู่ทางใต้ของมาเก๊า


ด้านริมทะเลก็จะเห็น Macau Tower สัญลักษณ์ของที่นี่


วันนี้อากาศไม่เป็นใจ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน มองออกไปเห็นอีก 2 สะพานคือ Ponte Governador Nobre de Carvalho Macau - Taipa Bridge และ Ponte de Amizade Friend Bridge (จากใกล้ไปหาไกล)


รถแล่นไปเรื่อยๆบนสะพาน


แล้วก็มาถึง Venetian Macau แล้ว เดินเข้าไปข้างในเลยครับ หรูหราดี ส่วนคาสิโนจะอยู่ชั้นล่างนร้เดินเข้าไปข้างใน แต่เราจะขึ้นไปชั้น 3 ไปดูการจำลองเมืองเวนิซ อิตาลีกัน


พอขึ้นมาถึงชั้น 3 ถึงกับตะลึง ตกแต่งสวยงามากๆ เพดานเป็นท้องฟ้า


กำลังมีการแสดงโชว์พลังเสียโซปราโน่


เดินไปเรื่อยๆ มีการตกแต่งสถานที่สวยไปหมดไม่ว่าจะมุมไหน


ตรงกลางก็จะทำเป็นคลองแบบเมืองเวนิซ อิตาลี่ นั่งเรือกอนโดล่ากันมั้ย?


มีนักเล่นพินกำลังแสดงอยู่ในกรงนกอันใหญ่โตมากก


เจอคลองเวนิซอีกแล้ว มีร้าน Esprit ด้วยนะครับ


มองไปมุมตรงข้ามกัน ฟ้าครึ้มฝนจะตกเปล่า?


ที่นี่จะมีการโชว์ด้วยนะครับ กำลังแสดงยืนบนมื้อข้างเดียว


ทำเสาแบบเดียวกับสถาปัตยกรรมโรมัน ดูยิ่งใหญ่มาก


กว้างมากๆ เดินไม่มีเบื่อ อาคารทำไม่ซ้ำกัน ใครจะลงเรือก็มาที่ท่านี้ได้เลย มีท่าเรืออยู่ตลอดเส้นทาง


เรือกอนโดล่าทำหัวเรือเป็นหัวมังกรทอง เสียดายไม่ได้ถามราคามาว่าเท่าไหร่


เริ่มหิวนิดๆ เห็นร้านขนมร้านนี้ ลองชิมดีกว่า เป็นทาร์ตไข่ ราคา 8 HKD อร่อยดีครับ ใช้เงินดอลล่าร์ฮ่องกงได้ อัตราแลกเปลี่ยนเกือบจะ 1:1


เรือพายกอนโดล่ามาแล้ว


สาวที่พายเรือหันหน้ามาให้กล้องเราถ่ายด้วย เสียดายที่แสงน้อยภาพเลยสั่น


ขอถ่ายกับนักรบโรมันหน่อยค่าาา มี 2 คน 2 สถานที่นะ (ขอถ่ายไม่เสียเงิน)


เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งดีกว่า


แล้วเรือกอนโดล่าอีกลำก็พายมาถึง ขอชักภาพซะหน่อยค่ะ


ดูนาฬิกาบ่ายโมงพอดี ได้เวลาหาอะไรทานแล้ว มองหา Food court ตั้งนานกว่าจะเจอ ร้านเยอะดี เราเลือกนั่งตรงนี้ละกัน


อาหารที่สั่งมาทานเป็นข้าวหมูกรอบ(65 HKD) และบะหมี่เนื้อตุ๋น(55 HKD) รสชาติก็อร่อยดีครับ ราคาแบบนี้ถือว่าถูกแล้วสำหรับที่นี่ ร้านอื่นแพงกว่านี้มาก


มาถึงคาสิโนแล้วไม่เข้าไปดูก็ใช่ที่ เราลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่างเลย ต้องรีบถ่ายรูปก่อนจะโดนห้ามถ่าย พอเข้าไปเจ้าหน้าที่ตามไปบอกผมว่าให้เอากล้องเก็บไว้ พอดีผมสะพานคล้องคอเข้าไปแม้ว่าปิดกล้องแล้วก็ไม่ได้ พอดีมีถุงอยู่ก็เลยเก็บกล้องลงในถุง ถึงจะเดินเข้าไปได้


เดินไปสักพักก็ได้เวลาไปจุดอื่นมั่งแล้ว ออกมารอรถที่คิวหน้าโรงแรม จะมีป้ายบอกว่าแถวไหนไปโรงแรมไหน สะดวกสบายดีครับ ไม่เสียเงินด้วย


จุดที่เราจะไปต่อคือที่นี่ ฝั่งตรงกันข้ามกับ Venetian Macau นั่นเอง Galaxy Macau ครับ


นั่งรถมาแป๊บเดียวก็ถึง ข้างในก่อนเข้าไปมีม้าสีทองสวยงามมาก


และอีกจุดก่อนทางเข้าไปคาสิโน สีม่วงๆสวยมากๆ


เราเข้าไปแป๊บเดียวก็ออกจาก Galaxy Macau แล้ว เพราะไม่มีอะไรจริงๆ มีแต่คาสิโน เราจึงนั่งรถหน้าโรงแรมเพื่อกลับไปตั้งต้นที่ Ferry Terminal อีกครั้ง ไม่ไปคาสิโนจุดอื่นๆแล้ว

หน้าทางเข้าโรงแรม Galaxy Macau มีป้ายชื่อโรงแรมใหญ่โตเชียว สวนดอกไม้ด้านหน้าก็สวย


ขากลับรถบัสวิ่งข้ามสะพาน Ponte de Amizade Friend Bridge อ้อมเห็นโรงแรม Sands ด้านฝั่งติดทะเล


แล้วเราก็ไปยืนรอรถที่ป้ายรถบัสเดิมเหมือนตอนมาถึงที่นี่เมื่อเช้า แต่เปลี่ยนไปขึ้นรถบัสสายไป Grand Lisboa คันนี้ขนาดเล็กกว่าตอนไป Venetian


แล้วเหตุผลที่คันเล็กกว่าและเตี้ยกว่าก็คือ คันนี้ต้องลงไปจอดที่อุโมงค์ของโรงแรม Grand Lisboa นั่นเอง


ลงจากรถก็เดินขึ้นไปด้านบนโรงแรม ซึ่งล๊อบบี้ชั้น G จะมีตู้กระจกแสดงงานแกะสลักสวยๆเยอะเลย ในภาพเป็นงานแกะสลักไม้หรืออะไรสักอย่างเป็นกำแพงเมืองจีน และตามไปดูงานอื่นๆกันครับ


มีงานแกะสลักเยอะมากเลยรวบรวมมาไว้ในรูปเดียว คือ
1.นกยูง 2 ตัว
2.งาแกะสลักเป็นลิงและเทวดา
3.หยกแกะสลักเป็นพระพุทธเจ้า
4.ไม้แกะสลักเป็นบ้าน, วัดบนภูเขาสีทอง
5.ไม้แกะสลักเป็นเรือมังกรสีทอง


ออกมาจากโรงแรม Grand Lisboa สัญลักษณ์โดมสีทองใหญ่ๆแบบนี้มีที่นี่ที่เดียว


ข้างนอกบริเวณรอบๆตัวโรงแรมคนเดินไปมาถ่ายรูปเยอะแยะเลย


ฝั่งตรงกันข้ามจะเป็น Casino Lisboa


เดินออกมาไกลจากตัวโรงแรมจะเห็นอาคารแบบนี้โดดเด่นจากอาคารอื่นๆ ถือเป็นจุดนัดพบกันได้ถ้าหลง


พอดีแฟนโดนรองเท้ากัด เลยเดินไม่ไหว ปล่อยให้ผมเดินไปเซนาโด้ สแควร์ แทน เดินไปไม่ยากครับ จากโรงแรม Grand Lisboa เดินไปตามถนน Avenida de Almeida Ribeiro ขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เซนาโด้ สแควร์ จะอยู่ทางขวามือ ใช้เวลาเดิน 10 นาที ที่ช้าเพราะรอข้ามตามแยกต่างๆละครับ


แต่พอถึงเซนาโด้ สแควร์ แล้วผมดันข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อไปยังซากโบสถ์เซนต์พอล(Ruins of St.Paul's) เพราะดูจาก Google map ซึ่งมันผิด เลยเดินไปหลงตามถนนซอกต่างๆถึง 20-30 นาทีกว่าจะย้อนกลับมาที่เดิม ทั้งเหนื่อยทั้งเซ็งเลย


แล้วก็กลับมาที่เซนาโด้ สแควร์ กันใหม่ 555

ตรงจุดนี้จะเป็นคล้ายๆเซ็นเตอร์พอยท์ในกทม.เรา คนออกมาเดินซ์้อของเยอะแยะ มีร้านค้าขายเยอะมาก อาคารบ้านเรือเป็นแนวโปรตุเกสตามที่สมัยก่อนเคยโดนยึด


คราวนี้ผมเดินเข้าไปข้างใน เห็นทัวร์คนไทยมาเป็นกรุ๊ปด้วย ที่กำลังชูป้ายนั่นแหล่ะครับ เขียนว่า "คันที่ 1" อิอิ


เดินตามฝูงชนไป ซอยแคบคนเยอะมากๆ ไม่ชอบแบบนี้เลย


ไม่นานก็เห็นซากโบสถ์ St. Paul อยู่ไม่ไกลแล้ว ข้างหน้าโน่นเลย


เดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ตามบันไดทางขึ้นคนเยอะมาก


ยืนออกันเต็มไปหมด


ค่อยโล่งบ้างแล้ว จะได้เดินขึ้นไปดู


ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน


พอเข้าผ่านประตูโบสถ์ไป ก็จะเห็นภาพแบบนี้ ซึ่งเป็นลานโล่งๆ ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว


หันหลังกลับมาตรงทางเข้าก็จะเป็นแบบนี้ ดูแล้วมันคนละเรื่องกับด้านหน้าเลยเนอะ มีเหลือแค่นี้จริงๆ


ข้างในจะมีประวัติแสดงอยู่
ซึ่งเดิมเป็นโบสถ์คาทอลิกที่สำคัญในมาเก๊า ถูกเพลิงไหม้และพายุไต้ฝุ่นถล่มในช่วงปี ค.ศ. 1835 จนเหลือเพียงซากประตูโบสถ์


เข้าไปดูในห้องคล้ายๆพิพิธภัณฑ์


รูปปั้นนักบวช ใครก็ไม่ทราบได้


มองออกไปด้านที่เดินขึ้นมาด้านบน มองเห็นโรงแรม Grand Lisboa ที่เราเดินมา ไกลพอควรทีเดียว


อีกรูปส่งท้ายก่อนจากซากโบสถ์ St. Paul


ขากลับไปท่าเรือเฟอร์รี่จะบอกว่าว่าหารถกลับยากมาก เพราะตรงโรงแรม Grand Lisboa ที่เราลงรถมาชั้นใต้ดินนั้น ขาออกจะต้องมีคูปองเพื่อขึ้นรถไปได้ ไม่งั้นไม่ให้ผ่านไปที่คิวรอรถ ซึ่งเราไม่มีเพราะไม่ได้มาเล่นคาสิโน ซึ่งไม่เหมือนกับโรงแรมอื่นๆที่เราไปมา อันนั้นอยากขึ้นรถไปไหนก็ยืนรออย่างเดียวไม่ตรวจอะไรทั้งนั้น

คราวนี้ทำไงดีหล่ะ ป้ายที่ซื้อคูปองก็ไม่มีบอกจะไปถามใครดี เดินวนขึ้นลงชั้นใต้ดินอยู่ 2 ครั้ง จนสุดท้ายไปถามรปภ.ที่อยู่ตรงใกล้ๆประตูทางออกไปคิวรถว่า How can I get the coupon? แค่นั้น รปภ.ก็เปิดชั้นเก็บของและหยิบคูปองมาให้เรา 2 ใบ ....เฮ้ย....มันง่ายๆอย่างนี้เหรอ แค่ถามแค่นั้นนะว่าจะไปเอาคูปองได้จากไหน กลายเป็นว่าได้คูปองฟรีๆมาเลย แล้วก็เดินอีก 2-3 ก้าวยื่นคูปองดังกล่าวนี้ให้เจ๊ที่คอยถามหาคูปองก่อนจะอนุญาตให้ออกไปที่คิวรถได้ เออเว้ย...งงมากๆ สุดท้ายก็ออกมายืนรอรถที่ชั้นใต้ดินแบบงงๆ คิดว่าถ้าไม่ได้คงต้องจ้างแท็กซี่เสียเงินไปแล้วละมั้ง

พอมาถึงท่าเรือเฟอร์รี่ของมาเก๊า มีเที่ยวเรือออกเวลา 18.00 น. จะบอกว่าตั๋วขากลับฮ่องกงไม่ได้ราคาถูกกว่าขามาตามที่อ่านในเน็ตนะครับ ราคาคนละ 184 HKD แพงกว่าขามาราคา 175 HKD อยู่ 9 เหรียญ หรือจะเป็นเพราะช่วงเวลาหลัง 5 โมงเย็นก็ไม่ทราบซึ่งราคาแพงขึ้นกว่าปกติ

ขากลับนี่คนตกค้างเยอะเลยนะครับ เห็นคนออกันที่ทางจะลงเรือเยอะมาก สงสัยคงเป็นคนที่จองตั๋วเวลา 5 โมงเย็นแล้วมาไม่ทันต้องรอ Stand by ไป


เราได้ลงเรือแล้ว ขากลับได้นั่งฝั่งซ้ายของเรือ จริงๆที่นั่งดันไม่ติดกัน เลยขอคนที่นั่งข้างๆเปลี่ยนจนได้นั่งติดกัน เย้...โชคดีไป


แสงไฟจากโรงแรม Sands ฝั่งมาเก๊า เริ่มเปิดแล้ว ความมืดกำลังเข้ามาเยือน ได้เวลาลามาเก๊าซะที


ขากลับคลื่นแรงมาก เห็นมีหลายคนในเรืออ๊วกแตกกันเยอะเลย เรือจึงแล่นช้าไปด้วย แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี

ถึงเกาลูนฮ่องกงก็รีบเดินออกมาตรงถนนแคนตันเพื่อมุ่งหน้าไปหอนาฬิกา เพื่อไปชม SOL ให้ได้ พลาดมา 2 วันแล้ว ดูนาฬิกาเกือบจะ 2 ทุ่มซึ่งเป็นเวลาที่เริ่มแสดง SOL


ในที่สุดก็มาดูทันครับ การแสดง Symphony of Lights เริ่มไปได้ 2-3 นาที แต่ตอนนี้ลมแรงมากๆ เราเดินขึ้นไปดูชั้น 2 แถวๆ Clock Tower หรือหอนาฬิกา ตามที่ใครๆแนะนำกัน


ก็ถือว่าโชคดีที่มาทันครับ แต่จริงๆแล้วหลายๆตึกไม่ได้เปิดไฟกันอลังการเหมือนกับที่เข้าใจไว้ มีไม่กี่ตึกที่ยิงเลเซอร์


ขาตั้งกล้องไม่มีใช้การดัน ISO ช่วยจนภาพ noise กระจายแต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้


มีเรือแล่นผ่านเข้ามาในเฟรมด้วย


เสียงจังหวะเพลงจบลงไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 10 นาทีเองมั้ง ไม่ถึง 15 นาที น้อยมากๆ เสียงเพลงจบคนก็เริ่มทะยอยออกกันไป


ลมแรงฝนปรอยๆ ท้องฟ้าเป้นอย่างที่เห็น ถือว่าสภาพอากาศแย่ครับ


เมฆลอยต่ำ ดีที่ฝนยังตกไม่หนัก ไม่งั้นอดดูเลย :(


เดินลงมาด้านล่าง เก็บภาพงานแสดงแสงใกล้ๆกับหอนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่


ไปหาอะไรทานกันดีกว่า ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะไปทานติ่มซำที่ร้าน Tao Heung แถว Star Mansion จิ่มซาจุ่ย แต่พอไปถึงเข้าไปถามพบว่าติ่มซำมีช่วงกลางวัน ช่วงค่ำไม่มี มีแต่บุฟเฟต์สุกี้เท่านั้น เราเลยเดินหาร้านอื่นๆ ไปเจอร้านนี้ ก็พอทานได้ครับ เป็นบะหมี่แห้งลูกชิ้นและบะหมี่น้ำเนื้อตุ๋น หมดไป 64 HKD ตอนนั้นมีคนไทยเข้ามาด้วยหลายคน


เวลาเดินข้ามถนนที่ฮ่องกง ผมชอบอยู่อย่างคือ ตรงถนนนี่เขาจะเอาใจใส่คนเดินถนนมากๆ ถึงกับเขียนลงไปให้มองซ็าย หรือขวาตามที่ทิศทางรถจะแล่นมา เยี่ยมมากครับ


ก่อนจะกลับเข้าที่พักในวันนี้ เราจะไปหาขนมทานกันก่อนที่ย่านมงก๊ก คือร้าน Honeymoon ชั้น 4 ตึก Langham Mall ย่านมงก๊ก


นี่ครับ หน้าตกน้ำแข็งใสที่เราจะมาทานกัน เป็นข้าวเหนียวทุเรียน และข้าวเหนียวมะม่วง แต่พูดจริงๆแล้ว บ้านเราราคาถูกและอร่อยกว่าเยอะ ผลไม้ก็มีตลอด ครั้งนี้ถือว่าไปตามแฟชั่นละกัน อะไรไทยเรามีทุเรียนยังไปหาทานแพงๆที่ฮ่องกงอีก สนนราคา 74 HKD

ก็เป็นอันว่าจบทริปในวันที่ 3 นี้อย่างเหนื่อยๆ แต่ก็ประทับใจเช่นกัน พรุ่งนี้เหลืออีก 1 วันเต็มๆก่อนจะบินกลับไทยในตอนหัวค่ำ แล้วมาติดตามกันต่อในวันรุ่งขึ้นโดยเราจะมีแพลนไปเที่ยวนั่งกระเช้านองปิง ไปไหว้พระใหญ่ลันเตากันครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 ธันวาคม 2558 เวลา 16:07

    ละเอียดมากๆเลยครับ ยังไงฝากบทความ ที่เที่ยวฮ่องกง 10 สถานที่ไว้ด้วยนะครับ เผื่อใครสนใจ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่เข้ามาคอมเม้นท์และแบ่งปันบทความท่องเที่ยวให้เพื่อนๆครับ

      ลบ
  2. ขอบคุณมากค่า
    รบกวนถามหน่อยค่ะว่าใช้กล้องอะไร ตอนถ่ายที่ SOL

    ตอบลบ