วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

ญี่ปุ่น ภาค 2 ตะลุยเดี่ยว เที่ยวโตเกียว ตอน 6.2 พิพิธภัณฑ์รถไฟ (Railway Museum) จังหวัดไซตามะ มาเถอะ..ถ้าคุณเป็นคนรักการเรียนรู้ [Part II]


มาต่อกันในตอนย่อยที่ 2 นะครับ จากตอนย่อยแรกที่พาไปชมพิพิธภัณฑ์รถไฟของประเทศญี่ปุ่น ที่แสดงตู้รถไฟและหัวรถจักรต่างๆที่วางแสดงอยู่ในชั้น 1 ซึ่งเป็นชั้นกราวด์ ตอนย่อยนี้จะพาไปชมต่อในชั้น 2 และชั้น 3 ครับ ซึ่งชั้น 2 นั้นจะเน้นไปเรื่องประวัติที่มาตั้งแต่เริ่มต้นการจัดตั้ง JNR การรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่น พร้อมแสดงโชว์ของที่ระลึกจริงในยุคสมัยต่างๆที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบัน และยังมีห้องความรู้แสดงการสาธิตต่างๆให้เด็กได้เรียนรู้เยอะเลยครับ ผมเก็บภาพมาเยอะมาก ไม่อยากเก็บเอาไว้ดูคนเดียว เลยต้องแชร์แบบละเอียดๆอีกครั้งใน Part II นี้นะครับ พร้อมแล้วก็ตามชมกันต่อเลย


จากตอนย่อยที่แล้ว(Part I) ก็เลือกเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไม่ต้องเมื่อยขามาชั้น 2 เลย ซึ่งมีทั้งบันไดเดินขึ้นปกติและบันไดเลื่อนและลิฟท์นะครับ เลือกกันตามสะดวกและใกล้ที่สุด สำหรับผมลากขาไม่ค่อยไหวแล้วหล่ะครับ ขอเป็นบันไดเลื่อนดีกว่า ขึ้นมาก็จะเห็นร้านขายอาหารอยู่ทางซ้ายมือ หัวรถไฟชินคันเซ็นอยู่ด้านล่าง(หัวกระสุน)


หันมาเก็บภาพอีกฝั่งหนึ่ง มุมนี้มองไปยังทางเข้าครับ หลากหลายขบวนที่จัดแสดงอยู่ด้านล่างซึ่งเราเดินชมผ่านมาซะเกือบจะหมดแล้วครับ


ตรงนี้เป็นที่นั่งสำหรับทานอาหาร ก็ยังตกแต่งได้สวยงามนะครับ ใส่ใจในรายละเอียดจริงๆ ผมชอบโคมไฟครับ


ผมเดินวนขวาไปตามทางเดิน ที่เห็นขบวนสีเขียวด้านล่างคือรถไฟชินคันเซ็น Series 222 ใช้ในเส้นทาง Tohoku and Joetsu shinkansen lines


เดินวนตามมาด้วยกันครับ


จริงๆ ชินคันเซ็นขบวนนี้มีทางเดินลงไปด้านล่างให้นักท่องเที่ยวไปดูภายใต้รถไฟขบวนนี้ด้วยนะครับว่ามีอะไรบ้าง ญี่ปุ่นเขาใส่ใจกับการศึกษาดีทีเดียว นับถือครับ


เลี้ยวมาจนจะครบ 360 องศาแล้ว 555


มีที่นั่ง ทำคล้ายๆกับเบาะนั่งในรถไฟแบบสมัยเก่าครับ ได้บรรยากาศดี ผมนั่งพักขาที่เบาะนี้เพราะเดินมามากประมาณ 10 นาทีได้ ที่เห็นด้านล่างเบาะเป็นเหล็กฉลุ ก็คือให้ความร้อนจากฮีตเตอร์ออกมาข้างนอกให้ความอบอุ่นแก่ผู้โดยสารครับ


ต่อไปที่จะพาชมนี้เป็นการนำสิ่งของเครื่องใช้มาแสดงโดยเริ่มจากยุคแรกที่เริ่มนำรถไฟมาใช้ ปีค.ศ. 1825 พร้อมประวัติในแต่ละยุค


โมเดลรถไฟขนถ่านหินโดยใช้หัวรถจักรสมัยแรกเริ่มที่มีรถไฟเลย ปีค.ศ. 1825


เพลทเหล็กป้ายรุ่นรถไฟไอน้ำ(No. 5000) ของจริงที่วิ่งระหว่างโตเกียว โอซาก้า และโกเบ


ไม้หมอนกับรางรถไฟสมัยก่อนของจริง


อีกแบบหนึ่ง


สีแดงคือเนมเพลทของสะพานเหล็ก Rokugogawa ผลิตโดย Hamilton's Windsor Ironworks เมืองลิเวร์พูล ประเทศอังกฤษ และมีโมลเดลหัวจักรไอน้ำ, แท็กกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร


กลับไปชมรถไฟที่แสดงที่ชั้น 1 บ้าง มุมสูงก็ดูสวยมากๆเช่นกัน

ผมชอบแสงและบรรยากาศในพิพิธภัณฑ์นี้มากๆครับ ค่อยๆเดินไปช้าๆเก็บภาพไปเรื่อยๆ


นี่เป็นโมเดลของอนุสาวรีย์ Masaru Inoue ที่ตั้งไว้หน้าสถานีรถไฟโตเกียวครับ


บ่าย 2 โมงแล้วครับ เริ่มมีการสาธิตและบรรยายความรู้ของรถไฟชินคันเซ็นกันแล้วที่ด้านล่าง


ภาพสถานีรถไฟโอมิยะ(Omiya station) ในยุคเมจิตอนปลาย ซึ่งที่นี่เป็นจุดตัดกันของรถไฟสายทากาซากิ(Takasaki line) และสายหลักโตโฮกุ(Tohoku main line)


โมเดลจำลงอของรถไฟไอน้ำที่แล่นผ่านอุโมงค์ และมีชุดการแต่งกายของพนักงานรถไฟ


โมเดลเรือเฟอร์รี่ "Tosa-Muru" Uno-Tokamatsu สเกล 1/1000 (มาได้ไงเนี่ย??)


โลโก้ต่างๆ เช่น Tsubame เป็นรูปนกนางแอ่น และด้านหลังสีทองเป็นโลโก้ JNR ครบรอบ 50 ปี


ภาพประวัติศาสตร์ตอนที่สร้างสถานีรถไฟโตเกียวครับ ไม่เสียเที่ยวเลยผมที่ไปชมความงามของสถานีนี้มาแล้ว แถมได้ชมยามเปิดไฟสวยงามตอนกลางคืนอีกครับ


ด้านล่างเป็นโมเดลสถานีรถไฟโตเกียวจำลองครับ สวยงามมากๆ ใครไปถึงโตเกียวต้องไปชมนะครับ พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเลย


Rail Travel Guidebook ทำมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยทำเป็นเส้นทางรถไฟต่างๆตลอดในญี่ปุ่นแบบมุมมองด้านบนของนก(Bird's Eye View)


Trans-Eurasia ticket ทำตั๋วรถไฟเพื่อให้ลูกค้าที่เดินทางด้วยรถไฟจากญี่ปุ่นไปยังจุดหมายต่างๆทั่วทั้งยุโรป มีมากกว่า 30 หน้า และหลากหลายภาษาที่ผู้โดยสารได้เดินทางผ่านไป


ซูมตั๋วให้ดูกันใกล้ๆเลยครับว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง


ส่วนที่เห็นนี้เป็นตารางเวลารถไฟ โดยเปรียบเทียบให้ดูระหว่างด้านซ้ายมือเดือนมีนาคม 1930 และด้านขวามือเดือนพฤษภาคม 1930 โดยมีการเริ่มใช้ระบบเมตริกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 1930 เป็นต้นมา ทำให้เห็นได้ว่าด้านซ้ายมือมีหน่วยระยะทางเป็นไมล์ ส่วนด้านขวามือมีหน่วยเป็นกิโลเมตรแล้ว


ส่วนนี้บอกถึงจุดกำเนิดของรถไฟ Tsubame Limited Express และการเร่งรัดของการบริการทางราง


ส่วนนี้เปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อแตกต่างของการเดินทางจาก Kozu ไป Numazu ระหว่างเดือนตุลาคม 1934 ซึ่งยังไม่ได้เจาะอุโมงค์ลอดภูเขา กับ เดือนธันวาคม 1934 ซึ่งได้เจาะภูเขาร่นระยะทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยร่นระยะทางได้มากถึง 11.7 กม.


สวนกับน้องๆเด็กนักเรียนน่าจะอนุบาลของญี่ปุ่นครับ มาทัศนะศึกษากัน น่ารักมากๆ


ถัดมาเรื่อยๆครับ มีตัวกระดิ่งสัญญาณที่ใช้ในการจุดระเบิดอุโมงค์ Tanna จนเสร็จสิ้น


ได้เริ่มเพิ่มตัวอักษรภาษาอังกฤษในป้ายแสดงเส้นทางของรถไฟที่วิ่ง ปีค.ศ.1946 ป้ายที่เห็นคือป้ายเส้นทางรถไฟสาย Yamanote นั่นเอง


โลโก้ Hato signboard ใช้ในรถไฟ Hato Limited Express วิ่งระหว่างโตเกียวไปโอซาก้า ในเดือนพฤษภาคม 1950 และแสดงชุดของพนักงานต้อนรับสมัยนั้นครับ


กลับมาชมวิวรถไฟชั้น 1 บ้างครับ เปลี่ยนบรรยากาศ


ป้ายโปสเตอร์ที่ติดหน้าขบวนรถไฟสายต่างๆครับ


แล้วก็มาถึงยุคที่รถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นได้ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นแล้ว


เหรียญที่ระลึกครั้งที่เริ่มเดินรถไฟชินคันเซ็น จากซ้ายไปขวา Tohoku Shinkansen, Joetsu Shinkansen และการขยายบริการของรถไฟชินคันเซ็นทั้ง 2 สายไปยังสถานีอูเอโนะ ตามลำดับ


ตราประทับของแต่ละสถานีรถไฟในญี่ปุ่น และโปสเตอร์ Discover Japan ในการบอกถึงการเดินทางด้วยตัวเองของคนหนุ่มสาวครับ


มาถึงยุคเปลี่ยนผ่านจาก Japanese National Railways(JNR) มาเป็น Japan Railways(JR)


ชุดยูนิฟอร์มของตำรวจรถไฟของญี่ปุ่น สร้างมาในปี 1947 เพื่อตรวจตราและรับประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารที่มาใช้บริการครับ


ป้ายแสดง การลาก่อนของ JNR (ซาโยนาระ JNR) บอกถึงการสิ้นสุดของ JNR ในปี 1987


และป้ายสวัสดี JR (คงนิชิวะ JR) แสดงถึงการต้อนรับ JR ในวันแรกที่เริ่มดำเนินการเมื่อแยกมาเป็นเอกชน


โมเดลรถไฟที่ใช้ไฟฟ้าในรุ่นต่างๆกันครับ


อันนี้มุมด้านข้าง


มาถึงโมเดลรถไฟของเล่น แต่วิ่งได้จริงครับ เป็นชุมทางซะด้วย แต่ไม่ได้จำมาว่าที่ไหน


มองลงมาจากชั้น 2 ครับ


ซูมเข้าไปใกล้ๆ มุมนี้สวยงามจริงๆ


รถไฟ 2 ขบวน ED75775 สีแดง และ HIBARI สีไข่ไก่


ด้านขวามือก็จะเป็น TOKI และ SAKAZE


เยอะมากๆ ขอนั่งพักตรงนี้สักครู่ มองคนเดินไปมา ด้านบนก็จะมีอีกชั้นนะครับ


วิวกำแพงฝั่งติดกับรางรถไฟจริงทำเป้นกระจกสี วาดเรื่องราวของชาวญี่ปุ่นที่ใช้รถไฟครับ


เดินมาตรงนี้เป็นมิวเซียมช็อป


แอบถ่ายครอบคัวที่พาลูกมาทานอาหารบนรถไฟด้านล่างครับ อิอิ


อีกขบวนหนึ่ง น้องตัวเล็กจิ๊ดเดียวเอง


ไปต่อที่ห้องแสดงอุปกรณ์ของรถไฟกัน ตรงนี้เป็นชุดที่อยู่บนหลังคาตู้รถไฟที่ใช้เชื่อมกับสายไฟเพื่อนำไฟมาใช้เป็นพลังงานครับ และก็มีโมเดลรถไฟจำลองด้วย


รางรถไฟแบบต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่ามีหลากหลายแบบมากๆ งงไปเลยเวลาจะซ่อม


เบาะนั่งสมัยเก่าในขบวนรถไฟชนิดต่างๆ


ตรงนี้เป็นโมเดลรถไฟ น่าซื้อมาเก็บไว้มากๆ


แล้วก็เดินมายังห้องริมสุดของชั้น 2 เป็นห้องให้กดสาธิตการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆภายในรถไฟ


เช่นการสับรางแบบนี้ กดไปจะมีเสียงหวูดรถไฟดังมาด้วยนะครับ เด็กสนใจวิธีการสับรางมากๆ


ผมขั้นลิฟท์ไปชั้น 3 อ่า... 15.00 น. ได้เวลาแสดงของขบวนรถไฟหัวรถจักรไอน้ำชั้น 1 แล้ว ปู๊ดๆๆๆๆ เสียงหวูดดังมาก มีป้ายให้ปิกหูหรือต้องไม่อยู่ใกล้ๆเสียงหวูดนี้นะครับ


รถไฟจะหมุนไปเป็นวงกลมและมีเสียงหวูดดังเป็นระยะ จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมากครับ แต่เด็กๆจะชอบมาก


ถ้าเดินมาอีกทางฝั่งซ้ายมือของชั้น 3 จะเป็นเหมือนศูนย์การเรียนรู้ของเด็กอ่ะครับ ไม่แน่ใจว่าเสียเงินเพิ่มหรือไม่ ผมเลยไม่ได้เข้าไป อีกอย่าง ขาเดินไม่ไหวแล้วอ่ะ


ในที่สุดก็ได้เวลากลับแล้วครับ ขอบอกว่า พิพิธภัณฑ์รถไฟที่ไซตามะนี้ 1,000 เยนยังน้อยไป ถือว่าคุ้มมากๆครับ ได้รับรู้ประวัติศาสตร์การพัฒนาระบบรางของญี่ปุ่นพร้อมไปกับการเรียนรู้การพัฒนาเทคโนโลยี่ต่างๆมากมาย ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อีก 1 ที่สำหรับน้องๆหนูๆและคนที่สนใจได้เลยครับ ยกนิ้วให้


ออกมาก็มารอรถไฟสาย New Shuttle กลับสถานีโอมิยะ อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปป้ายเตือนนักท่องเที่ยว่าอย่าเอี้ยวตัวไปเกินแผงเหล็กที่ตั้งไว้ครับ อันตรายมากๆ เรื่องความปลอดภัยนี่ญี่ปุ่นมาที่ 1 เลย


รถไฟมาจอดที่ชานชาลาแล้วครับ ขึ้นกัน


มารอรถไฟที่สถานีโอมิยะ ผมมีแพลนจะไปเก็บตกที่อะกิฮาบาร่าต่อ ฉะนั้นต้องนั่งไปลงที่สถานีอูเอโนะก่อนครับ


ถึงแล้วจ้า สถานีอูเอโนะ ถ่ายขบวนรถไฟชั้น 1 แบบ Green Car มาให้ชม แต่ไม่ได้นั่งตู้นี้นะครับ อิอิ
การไปชมพิพิธภัณฑ์ก็จบลงไปด้วยดี แล้วมาชมกันต่อในตอนหน้า ไปอะกิฮาบาร่า ย่านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและการ์ตูนแอนนิเมะ

[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น