วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

ญี่ปุ่น ภาค 2 ตะลุยเดี่ยว เที่ยวโตเกียว ตอน 2.2 ชมความสูงของหอคอยโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree tower) หอคอยที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก

ตอนย่อยนี้จะพาไปเที่ยวโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) ซึ่งเป็นหอคอยที่สร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งสัญญาณดิจิตอล (Digital terrestrial broadcasting) ซึ่ง ณ ปัจจุบันพื้นที่คันโตมีตึกที่สร้างมาใหม่สูงขึ้นมากกว่า 200 เมตร จึงจำเป็นจะต้องมีหอคอยที่สูงกว่าเพื่อมาทำหน้าที่ส่งสัญญาณนี้ เลยเป็นที่มาของการสร้างหอคอยโตเกียวสกายทรีนี้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวครับ และยังมีบทบาทเพิ่มเติมในเรื่องเป็นหอคอยเพื่อการป้องกันภัยพิบัตแห่งชาติในกรณีที่เกิดภัยพิบัติขึ้นมาด้วยครับ
หอคอยโตเกียวสกายทรีได้รับการบันทึกจากกินเนสบุค์ส์ เมื่อวันที่ 17 พย. 2011 ว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูง 634 เมตร (ไม่ใช่ตึกนะครับ) ร่ายมาซะยาวงั้นเราเดินทางไปด้วยกันเลยครับ


ต่อจากตอนก่อน เมื่อออกจากวัดเซนโซจิ ก็เดินกลับไปที่สถานีอะซากุสะเหมือนเดิม โดยหวังว่าจะไปนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่หอคอยนี้ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่รถไฟสายนี้ที่จะไป เลยเดินไปตามทางออกที่ป้ายไปเรื่อยๆ พอโผล่ขึ้นมาจากใต้ดินก็เห็นวิวดังภาพนี้ โอ้ววว ใกล้เข้ามาอีกนิด แต่คงไม่เดินอ่ะ น่าจะไกลน่าดู


งั้นเดินเล่นตรงสะพานนี้ก่อนละกัน มองไปฝั่งขวาของสะพานเห็นมีอีกสะพานนึงครับ แม่น้ำที่เห้นเป้นแม่น้ำซูมิดะ


มองหาสถานีที่จะไปสถานีโตเกียวสกายทรีไม่เจอ กลับมาตั้งหลักที่ทางออกที่ขึ้นมาใหม่ คราวนี้เจอป้ายแผนที่บริเวณนี้ ได้เจอสถานีอะซากุสะอีกเส้นที่ไปลงสถานีโตเกียวสกายทรีได้แล้ว ซึ่งต้องไปขึ้นสาย Toei Asakusa line ไม่ใช่สายกินซ่าเดิม เล่นเอาปวดหัวเลย ก็เลยต้องเดินไปตามตรอกนี้ครับ ขนานกับแม่น้ำซูมิดะ มีคนเดินเป็นเพื่อนด้วย


เดินมาถึงสะพานที่มองเห็นเมื่ออยู่สะพานอันก่อนแล้ว คราวนี้หลงอีกว่าสถานีดังกล่าวอยู่ตรงไหน หาไม่เจอ พอเห็นทางลงสถานีแว้บๆ ก็ต้องข้ามถนนกลับมาอีกครั้ง เล่นเอาเหนื่อยเลยแฮะ


ข้ามถนนมาฝั่งเดิมก็จะเจอกับศาลเจ้าเล็กๆครับ ชักภาพแล้วก็เดินต่อไป ซึ่งจะเป็นทางลงไปที่สถานีอะซากุสะสาย Toei Asakusa line อีกที เล่นเอาเหนื่อยเลย


ขึ้นรถไฟมาแล้ว นั่งไปนั่งมา เห็นแว้บๆว่ามีป้ายที่เสาเขียนโตเกียวสกายทรี แต่ชื่อสถานีมันยังไม่ใช่เลยยังไม่ลง เพราะจริงๆต้องลงสถานี Oshiage(SKYTREE) ปรากฎว่า คราวนี้ออกนอกเมืองขึ้นบนดินยาวเลย ซวยแล้ว นั่งแบบใจดีสู้เสือ มองไปรอบๆ เห็นมีคนลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย ฟังเสียงประกาศจากรถไฟ เหมือนๆจะบอกว่า จะไปสนามบินนาริตะ อ้าว...เส้นทางคุ้นๆ ซวยละสิ หลงมาไกลเลยนะเนี่ย งั้นเล็งๆหาสถานีลงดีกว่า


รถไฟพอขึ้นบนดินแล้ว มันแล่นยาวเลยครับ ไม่จอดหลายสถานีเหมือนกัน แต่สุดท้ายมาจอดสถานีนี้ ไม่แน่ใจว่าสถานี Aoto หรือไม่ คราวนี้ก็ลงสิครับ รออะไร จะได้นั่งรถไฟกลับฝั่งไปที่เดิม เวลาก็เกือบเที่ยงแล้ว เสียเวลาจริงๆวันนี้


ออกจากขบวนเดิมก็หาขบวนใหม่ที่แล่นไปในฝั่งตรงข้ามกัน ต้องลงชั้นล่างไปอีกชั้น คราวนี้ดูซิว่ามีขบวนไหนไปโตเกียวสกายทรีอีก เห็นมีขบวนนี้แล่นมา ขึ้นไปโลด แต่ใจก็ตุ๊มๆต่อมๆ ว่าจะพาออกทะเลอีกหรือเปล่า 555


นี่ครับ มองหาเสาเหลืองๆที่มีข้อความ Tokyo Skytree คราวนี้ไม่พลาด สถานี Oshiage(SKYTREE) ลงเลยครับ เดินไปตามป้ายที่เสาบอกไปโตเกียวสกายทรี


ออกจากสถานีแล้วก็เดินมาตามป้าย จะเจอทางออกที่ต้องเลี้ยวขวามา ผ่านร้าน 7-11 มาแล้วจะเจอมุมนี้ครับ ดีใจ รอดตายมาถูกทางแล้ว 555


เดินมาเรื่อยๆ จะเจอทางลอดผ่านสถานี Tokyo Skytree สาย Tobu line


เข้ามาแล้วจะเห็นร้านเบเกอรีและกาแฟชื่อ Moomin House Cafe สงสัยคงอร่อยมาก คนยืนต่อคิวเยอะมากเลย


เดินขึ้นบันไดเลื่อนเข้ามาที่ตัวโตเกียวสกายทรีเลยครับ ด้านในจะเป็นห้าง 5 ชั้น ตรงส่วนนี้คือลานกลางแจ้ง มีคนมาแสดงดนตรี และให้คนที่มาดูมีส่วนร่วมด้วย


วิวเสาส่งสัญญาณแบบมุมมองใกล้ๆ ภาพนี้ต้องใช้เลนส์ไวด์ครับ


ตรงนี้ชั้น 4 เดินตามทางไปเรื่อยๆครับ จะมีลานสเก๊ต และทางเข้าไปสู่ชั้น 340 ขึ้นไปที่ต้องเสียเงินค่าเข้า


ซูมเข้าไปที่เสาส่งสัญญาณใกล้ๆหน่อยซิ มีอะไรอยู่ข้างใน


มุมเงยนี้สวยนะผมว่า ชั้นที่สูงไปกว่าชั้น 5 คือชั้น 340 -350 จะเรียกว่า Tembo Deck และชั้น 445 กับ 450 ที่เรียกว่า Tembo Gallery ที่สูง 450 เมตรด้วยกัน พวกนี้ต้องเสียเงินค่าเข้าครับ

ดูข้อมูลว่าชั้นไหนมีอะไรได้ตาม link นี้ครับ
http://www.tokyo-skytree.jp/en/floor/
Floor guide (English)
http://www.tokyo-skytree.jp/en/floor/pdf/skytree_english.pdf


ที่ชั้นนี้มีลานเล่นสเก๊ตน้ำแข็งด้วยครับ คนเข้ามาเล่นกันเยอะแยะเลย


เดินจนเมื่อย มาชมวิวด้านล่างบ้างครับ เห็นรถไฟไม่รู้สายอะไร


ก่อนจะหมดแรง แวะซื้อของกินก่อน เลือกของสดๆที่นี่ได้เลย ชั้นล่างสุดเป็นมาร์เก็ตครับ มีทั้งซูชิและซาชิมิ ผมซื้อทั้งสองอย่างมาทานแล้วค่อยเดินทางต่อไปยังโอไดบะ เมืองใหม่ของโตเกียวในตอนหน้าครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น