วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

ญี่ปุ่น ภาค 2 ตะลุยเดี่ยว เที่ยวโตเกียว ตอน 5.3 เดินชิลล์ๆ ชมความงามของหอคอยโตเกียวสกายทรี และแสงสีในยามค่ำคืนของย่านอาซากุสะ พร้อมซื้อข้าวหน้าปลาไหลย่างก่อนกลับที่พัก


ตอนย่อยนี้จะพาไปเดินชิลล์ๆ ชมความงามของหอคอยโตเกียวสกายทรี และแสงสีในยามค่ำคืนของย่านอาซากุสะซึ่งผมไปย่านนี้มาแล้วแต่เป็นช่วงกลางวัน เลยต้องกลับมาชมความสวยงามในยามค่ำคืนบ้าง แต่เสียดายที่ไม่ได้ไปชมที่วัดเซนโซจิ เพราะลืมคิดไปว่าก็เปิดไปตรงประตูทางเข้าเหมือนกัน ไม่เป็นไรไว้มาครั้งต่อไปไม่พลาดครับ


จากสถานีรถไฟชินจูกุในตอนที่แล้ว ก็ไม่ยากแล้วหล่ะครับกับการต่อรถไฟไปที่อาซากุสะ ผมเปลี่ยนมาใช้รถไฟสายยามาโนเตะ (Yamanote line) บ้าง เพราะบัตรผ่านรถไฟใต้ดิน 3 วันหมดไปแล้ว เลยเปลี่ยนบรรยากาศมาขึ้นสายนี้บ้าง เหมือนกับตอนขามาจากอูเอโนะ แน่นอนว่า ผมลงมาต่อรถไฟใต้ดินที่สถานีอูเอโนะครับ


เดินลอดทางลอดใต้ดินนี้ไปเหมือนเดิม ใช้ได้ทั้งสายกินซ่า และฮิบิยะ


โผล่มาเจอมินิคอนเสิร์ตด้านบนอีกแล้วครับ คนยืนดูหลายคนเหมือนกัน


กลับมาที่สถานีรถไฟใต้ดินอูเอโนะ สายกินซ่าสีส้ม รถไฟกำลังแล่นมาพอดีเลย


นั่งไปลงสถานีอาซากุสะ โผล่มาบนพื้น ก็เดินหาสี่แยกที่เคยมา นี่เลยครับ หอคอยโตเกียวสกายทรีเปิดไฟสีฟ้าสวยงามมาก


รอเดินข้ามถนนอีกครั้งหนึ่งครับ ที่เห็นตึก Ekimise สีชมพูๆนั้นเป็นสถานีรถไฟอาซากุสะ สาย Tobu Skytree line ครับ


มาถึงริมแม่น้ำสุมิดะแล้ว อากาศยิ่งหนาวไปใหญ่แต่พอทนได้ ยืนนิ่งๆปรับ ISO ไป 1250 เพราะไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมาด้วย เลยได้ภาพแบบนี้ก็โออยู่นะครับ


แนวแลนด์สเคปบ้าง เห็นอะไรมั้ยครับ คล้ายๆนิ้วสีทอง คืออาคาร Asahi Beer Headquarter ครับ สีทองคือเปลวไฟสีทองนั่นเอง ออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสชื่อ Philippe Starck


หันไปมองฝั่งสี่แยกเดิมที่ผ่านมา


ค่อยๆเดินข้ามสะพานสีแดงนี้ไปอีกฝั่งของแม่น้ำสุมิดะครับ ตอนนี้เวลา 21.22 น. อากาศหนาวเย็นแต่ไม่มากนัก


หันไปมองด้านซ้ายของสะพาน เป็นสะพานเหล็กที่ให้รถไฟสาย Tobu Skytree Line วิ่งไปกลับ รอสักครู่ก็จะเห็นรถไฟวิ่งผ่าน


เดินเข้ามาใกล้อาคารศูนย์กลางเบียร์อาซาฮี (Asahi Beer Headquarter) ป้ายไฟวิ่งแสดงการโปรโมทการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคส์ที่จะมาถึงในอีก 4 ปีที่โตเกียว


ซูมไปดูเจ้าตัวประหลาดสีเหลืองๆนี้หน่อยซิ ว่าคืออะไร ได้ความว่าคือ Golden Flame หรือเปลวไฟสีทอง


แล้วก็ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของสะพานครับ ไปถ่ายไฟของอีกสะพานหนึ่ง เป็นสะพานรถแล่น


ได้เวลาเดินกลับแล้ว


รอข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามมีร้าน KFC และอิชิรันราเมง ราเมงชื่อดังที่ผมไปทานในคืนแรกที่อูเอโนะเลย แต่ผมว่ารสชาติธรรมดาและแพงด้วย


วกมารอทางม้าลายที่จุดนี้ ฝั่งตรงข้ามคือสถานีรถไฟอาซากุสะ ตึก Ekimise นั่นเอง แต่เป็นด้านข้างตึก


ผมเหลือบไปเห็นร้านนี้ มีขายข้าวหน้าปลาไหลด้วย อยากทานมานานแล้ว ยิ่งต้นตำหรับด้วย อยากมากๆ ราคาก็ไม่แพง ขนาดเล็ก 500 เยนเอง แต่ที่นั่งภายในร้านปิดแล้ว เลยต้องซื้อกลับบ้านครับ กลับก็กลับ น้ำลายสอเลย อิอิ


ย่างปลาไหลกันเห็นๆ หน้าร้านเลย เห็นแล้วน่ากินมากๆ ฟินเลย


ด้านหน้าตึก Ekimise เป้นสถานีรถไฟอาซากุสะสาย Tobu Skytree Line ไปในตัว


ได้เวลากลับที่พักแล้วครับ ใช้รถไฟใต้ดินสายกินซ่าเช่นเดิมกลับอูเอโนะและสถานีอิริยะต่อไป พาข้าวหน้าปลาไหลย่างกลับมาด้วย 1 กล่อง อร่อยแล้วมื้อค่ำนี้


อันนี้เป็นรูปพาสโตเกียวเมโทร, ตั๋วรถไฟสาย Keisei line กลับสนามบินนาริตะ และเหรียญราคาต่างๆของญี่ปุ่น ผมทานข้าวหน้าปลาไหลก่อนนอน อร่อยมากครับ ไว้จะหาร้านทานอีกในวันรุ่งขึ้น สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ เจอกันตอนหน้าในวันรุ่งขึ้น


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น