[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในโตเกียวที่มีผู้คนนิยมเข้ามากราบไหว้กันไม่ขาดสาย โดยจะมีถนนทางเข้าที่เต็มไปด้วยร้านรวง 2 ข้างทางที่ชื่อว่า ถนนนากามิเสะ (Nakamise street) เอาหล่ะครับ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ตามมาเลยครับ
DAY2 (10 มกราคม 2559) : สถานีอิริยะ - สถานีอุเอโนะ - สถานีอาซากุสะ - วัดอาซากุสะ (โคมแดงยักษ์) - โตเกียวสกายทรี - โอไดบะ - ชิบูย่า
วันนี้อากาศสดใส ผมตื่นมาประมาณ 8 โมงกว่าๆ ได้เวลา "Good morning Tokyo" กันแล้ว ดูอุณหภูมิจากมือถือบอกอากาศเย็นประมาณ 4 องศาเซลเซียส หนาวพอดีๆ มองวิวจากกระจกหน้าต่างของที่พักชั้น 8 ถนนรถไม่ติด ก็เพราะคนส่วนใหญ่ใช้บริการรถสาธารณะอย่างรถไฟใต้ดินและบนดินนั่นเอง อยากให้ประเทศเราเป็นแบบนี้บ้างจัง อาบน้ำพร้อมทำธุระส่วนตัวที่ชั้น 8 ชั้นเดียวกับที่พักเสร็จกับลงมาข้างล่างเลย
9.00 น.ก็ออกมาจากโรงแรมโดยต้องเอากุญแจประตูห้องเก็บสัมภาระฝากไว้ที่เคาน์เตอร์เพื่อแลกเป็นบัตรกระดาษกันหายครับ อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ชอบคือ รองเท้าต้องยกเข้ายกออกตลอดเวลาที่เข้าและออกจากโรงแรมเพราะเขาไม่ยอมให้ใส่รองเท้าเดินเข้าไปครับ อันนี้เสียเวลามากๆเพราะหน้าประตูโรงแรมก็ดันไม่มีเก้าอีั้ให้แขกนั่งเปลี่ยนรองเท้าเวลาถอดเข้าถอดออกซะด้วยสิ
ออกจากประตูโรงแรมก็รับรู้ถึงอากาศหนาวๆที่พัดมาปะทะจากด้านนอกเลย เย็นยะเยือกครับ แต่เสื้อกันหนาวจากคราวก่อนก็ช่วยได้อยู่แล้ว ผมกดกาแฟร้อนแบบกระป๋องจากตู้กดอัตโนมัติหน้าโรงแรมก่อนครับ พอทำให้สมองตื่นตัวและอุ่นๆร่างกายดีจัง แนะนำเลยนะครับ ออกมาเจอถนนใหญ่ก็เดินตามฟุตบาทต่อไปเรื่อยๆครับ ชอบตรงที่แม้ญี่ปุ่นเขาจะเป็นประเทศทันสมัยแต่การขี่จักรยานนั้น เราก็จะสามารถเห็นได้ตลอดในเมืองใหญ่ๆ อย่างเช่นโตเกียวแห่งนี้ครับ
วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะต้องควักบัตรพาสรถไฟใต้ดินโตเกียวแบบ 3 วันออกมาใช้ครั้งแรก ประเดิมที่สถานีอิริยะก่อนเลยครับ การใช้งานก็เหมือนกับตั๋วรถไฟทั่วๆไป คือเอาไปเสียแล้วรอคืนบัตรมา รับบัตรแล้วก็เดินเข้าผ่านช่องไปด้านในได้ครับ
จากสถานีอิริยะ(H18) ก็นั่งรถไฟสาย Hibiya สีเทา ไปลงสถานีอูเอโนะ(H17) แล้วเดินต่อไปสายกินซ่าสีส้ม
โดยที่สถานีอูเอโนะสายกินซ่าคือ G16 ยืนรอตามแถวที่ตีช่องไว้ให้ โดยเราจะต้องนั่งไปอีก 3 สถานีเพื่อไปลงสถานีอาซากุสะ(G19) ทั้งหมดไม่ต้องเสียเงินอีกเพราะใช้พาส 3 วันดังที่กล่าวมาครับ
ถึงแล้วครับ สถานีอาซากุสะ(G19) นับเวลาที่รอที่สถานีอุเอโนะจนมาถึงสถานีอาซากุสะ 9 นาทีด้วยกัน ลงรถไฟแล้วก็เดินหาทางขึ้นด้านบนครับ
หาทางออกที่เขียนว่าไปวัดเซนโซจิ แล้วเดินมาเรื่อยๆ ถ้าเห็นพวกรถ 2 ล้อลากด้วยคนแบบนี้ก็ใช่เลย มาถูกทางแล้ว
เดินไม่นานทางขวามือคนยืนออกันเยอะๆก็จะเป็นทางเข้าวัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุสะนั่นเอง โคมแดงแบบนี้ไม่ผิดแน่ๆครับ
อากาศตอนสายๆเย็นสบาย แดดไม่แรงมาก ยืนรอจังหวะคนน้อยๆก็ชักภาพกันได้ เพราะถ้ารอว่างเลยคงไม่มี
ประตูนี้มีชื่อว่า Kaminarimon (雷門) สร้างในปี ค.ศ. 941 เทพเจ้าด้านขวาของประตูคือ เทพเจ้า Fūjin เทพแห่งลม ส่วนด้านซ้ายคือ เทพเจ้า Raijin เทพแห่งแสง สายฟ้าและพายุ
พอเดินลอดผ่านโคมแดงยักษ์แล้ว กลับหลังหันก็จะเป็นตัวอีกษรอีกข้อความหนึ่ง แปลว่าอะไรก็ไม่ทราบได้นะครับ
ประมาณ 9.48 น. ยังไม่ได้ทานอาหารรองท้องเลย มีแต่กาแฟร้อนกระป๋อง งั้นหาอะไรง่ายๆทานดีกว่า นี่ไง เจอร้านขายซาลาเปาอยู่ข้างๆประตูทางเข้าโคมแดงยักษ์เลยครับ
เห็นไส้ Monjya-Man ที่ราคาถูกสุด 250 เยน จัดไปครับ เป็นอะไรก็ยังไม่รู้เลย แต่เห็นหลายคนทานอยู่ครับ นี่ไง รสชาติก็อร่อยดี ใช้ได้ครับ ทานเสร็จทานยา AS ต่อ 555
ขอลองเลนส์ไวด์กับซุ้มทางเข้าโคมแดงยักษ์สักรูปครับ
เดินเข้าไปที่ถนนนากามิเสะ (Nakamise) คนเยอะมาก แต่ไม่ได้แน่นอะไร ค่อยๆเดินและดูของตามร้านสองข้างทาง ชอบตรงฟ้าสีน้ำเงินเข้มโดยไม่ต้องใส่ CPL filter เลยครับ
อีกช็อตหนึ่ง ด้านบนทำเป็นรูปโชกุนกำลังตกปลาเปล่าครับ?
อ้าวๆ ป้ายหงอคงก็มีด้วย
และก็มาหยุดถ่ายรูปที่ร้านขนมร้านนี้ก่อนครับ คนทำขนมกำลังปราณีตแซะขนมออกจากหลุมลวดลายต่างๆอยู่ครับ มีอันหนึ่งคล้ายๆเจดีย์ด้วย
ร้านขายหน้ากาก มีเยอะมาก ชอบใบไหนกันบ้างครับ
แล้วก็มาถึงประตู Hōzōmon (宝蔵門) แล้วครับ เป็นประตูภายในที่จะนำไปสู่ทางเข้าวัดเซนโซจิ มีอยู่ 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นบนจะเก็บทรัพย์สินมีค่าไว้
มีโคมยักษ์อยู่ 3 โคมด้วยกัน เดินลอดเข้าไปกันเลย
ผ่านประตูมาก็จะเจอกับทางเข้าจริงๆแล้วครับ เห็นมีป้ายผ้าอยู่ ไม่ทราบว่าทำมาเนื่องจากเทศกาลอะไร
แต่ก่อนจะเข้าไป ซื้อเทียน 1 เล่ม 100 เยน มาจุดและปักลงในกระถางใบนี้ก่อน แล้วก็ใช้มือกวักควันธูปเข้าหาตัวเองครับ เพื่อนำสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตครับ สาธุ สาธุ
จุดเทียนแล้วก็มาล้างชำระมือและมาแตะเบาๆที่ปาก เพื่อชำระสิ่งสกปรกก่อนจะเข้าไปข้างในวัด ผมเห็นบางคนเขียนให้นำน้ำมาบ้วนปากนี่ไม่ใช่นะครับ ไม่มีใครเขาทำ อย่าทำตาม
ได้เวลาเดินขึ้นเข้าไปข้างในกันแล้ว
เอ๊ะ ผมเดินเข้ามาก็รอคิวกันเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่ก็รอครับ สักพักก็ค่อยๆเดินทะยอยเข้าไปด้านหน้า
อ๋อๆ เฉลยแล้ว มีพื้นที่ให้โยนเหรียญนั่นเอง นอกจากพื้นที่ที่ทำไว้ในกล่องใหญ่ๆที่ทำด้วยไม้แล้ว ก็ยังทำพื้นที่ที่อยู่ด้านนอกเผื่อโยนไม่ลงอีกด้วย ปูด้วยพลาสติกสีขาว
ด้านนี้มีอะไรนะ เห็นคนมุงกันเยอะเชียว มีเสียงไมค์จากคนพากย์ด้วย
อ้อ การแสดงลิงนั่นเอง ตอนนี้เจ้าจ๋อกำลังโชว์ความสามารถเดินด้วยแขน 2 มือขึ้นลงบันไดครับ
จบแล้ว! ผมเก่งมั้ยครับ???
เดินมาตรงนี้หน่อย เห็นเขายืนต่อแถวทำอะไรกัน สุดท้ายคือรอไหว้ศาลเจ้าและโยนเหรียญนั่นเอง คนญี่ปุ่นทำอะไรมีวินัยมากๆ
ป้ายไม้ปีแพะที่ทำไว้ให้คนมาเขียนขอพรต่างๆครับ และแน่นอนว่าเจอภาษาไทยอีแล้ว 555
ไปครับ ได้เวลาสำรวจจุดต่างๆในวัดเซนโซจิ เดินต่อไปตรงโน้น ตรงที่มีหลายๆชั้นสูงๆ ผ่านร้านขายของกินมากมาย
อะไรเอ่ย ใช่กล้วยจริงแล้วเคลือบด้วยช็อคโกแล็ต วนิลา หรือสตรอเบอรี่หรือเปล่า พอดีไม่ได้ลองซื้อมากิน
ถุงนึงมี 2 ไม้ ราคา 500 เยน ไม้เดียว 300 เยน ข้างในเป้นอะไรก็ไม่รู้เช่นกัน 555
ตรงจุดนี้มีบ่อน้ำเล็กๆ เลี้ยงปลาคราฟ ปลาที่พูกเพราะที่สุดในโลกไว้ด้วย น้ำใสมากๆ
นี่ไงครับ เครื่องเล่นหวาดเสียว space shot
อ้าา เจอแล้ว ตึกสูงๆมีเสาด้านบน Tokyo Skytree นั่นเอง อยู่ใกล้จนเห็นแบบนี้เลยหรือ ไม่เคยคิดมาก่อน แสดงว่าอยู่ใกล้มากๆ เดี๋ยวต้องเดินไปดู
แต่ขอเดินมาตรงนี้ก่อน ถนนคนเดิน ข้างวัดเซนโซจิ เดินมาทางฝั่งซ้ายมือของวัดนะครับ ก็จะเจอ
แล้วก็ได้เวลากลับไปที่จุดอื่นแล้ว
ผ่านรถเข็นรูปปั้นคันนี้ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร
แล้วมาต่อกันใหม่ตอนย่อยหน้า จะพาไปเที่ยวโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)
[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น