[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]
ตอนย่อยนี้จะพาเพื่อนๆไปศาลเจ้าเมจิที่มีเสาไม้โทริอิ อายุเกือบ 100 ปีตั้งอยู่ครับ ศาลเจ้าเมจิ (ญี่ปุ่น: 明治神宮 Meiji Jingū) เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง ตั้งอยู่ในเขตชิบุยะ(ฮาราจูกุ) กรุงโตเกียว(เครดิต: wikipedia)
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 จากการบริจาคของชาวญี่ปุ่นกันเอง ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่บรรยากาศเงียบสงบมากๆ แต่เดินไกลหน่อยครับ
โดยตั้งต้นจากตอนที่แล้วที่กลับจากพระราชวังอิมพีเรียล ลงไปสถานีรถไฟใต้ดินเดินไปตามป้ายที่เขียนไปทางสาย Chiyoda line เพื่อหาสถานีที่ชื่อ Hibiya คนละสถานีกับตอนขามาพระราชวังอิมพีเรียลนะครับ จากสถานีนี้จะพาไปลงที่สถานี Meiji Jingumae "Harajuku" แล้วก็เดินเข้าศาลเจ้าอีกทีหนึ่ง ซึ่งสถานีดังกล่าวจะอยู่ใกล้ทางเข้ามากๆครับ
ใช้เวลาไม่นาน 13 นาทีก็มาถึงสถานี Meiji Jingumae "Harajuku" แต่ผมใช้เวลานานกว่า 555 เพราะขึ้นสายผิด แต่สุดท้ายก็มาถึงจนได้ครับ เดินขึ้นมาจากสถานีก็จะเจอกับผู้คนมากเลยเลยทีเดียว ก็ย่านฮาราจูกุ ย่านวัยรุ่นเหมือนสยามสแควร์บ้านเราครับ อ้อ...เดินกลับหลังหันเลยครับ ทางเข้าอยู่ด้านหลังเรา
คนเดินขวักไขว่ ไม่หลงแน่ๆเพราะผู้คนส่วนใหญ่จะเดินไปศาลเจ้าเมจิเช่นกันครับ คือไม่ต้องข้ามถนนอะไรนะครับ เพราะถ้าข้ามถนนจะไม่ใช่ทางเข้าศาลเจ้าแน่ๆ
เดินสักพักจะเจอกับกลุ่มคนที่มารณรงค์อะไรสักอย่าง ดูๆแล้วน่าจะเป็นการรณรงค์ประท้วงการฆ่าสัตว์โดยเฉพาะพวกกระต่าย และน้องหมาเพื่อเอาขนมันไปใช้นะครับ น่าสงสารจริงๆ มีหุ่นน้องกระต่ายยืนร้องไห้ขอความเห็นใจด้วย เราอย่าฆ่าสัตว์พวกนี้เพื่อขนอันน้อยนิดเลยนะครับ
เจอกับทางเข้าศาลเจ้าเมจิแล้วครับ เสาไม้โทริอิอันใหญ่โตและเก่าแก่มากๆ เห็นเขาว่าเสาไม้อายุ 100 กว่าปีทีเดียวครับ คนยืนออหน้าเสาโทริอิเยอะมากๆ แต่ได้บรรยากาศสุดๆ
ปลีกมาด้านซ้าย เก็บภาพเสาโทริอิ 100 ปี มุมแปลกๆนี้ครับ
ชอบมากๆเลยที่เวลาไปสถานที่สำคัญๆทางศาสนาของญี่ปุ่นเขา จะต้องมีสาวๆญี่ปุ่นแต่งชุดกิโมโนมาเดินเที่ยวให้พวกเราได้ชมความสวยงามของชุดประจำชาติเขา คนญี่ปุ่นเขาภูมิใจมากๆกับการแต่งชุดประจำชาตินะครับ
แห่ะๆ รีบวิ่งไปถ่ายด้านข้างครับ ใส่ทีก็ใช้เวลานานมาก แถมเวลาเดินไปไหนก็ลำบากอีก ขยับได้สั้นมากๆ เมื่อยขานะผมว่า คนใส่นี่ต้องอดทนมากๆเลย นับถือๆ
บรรยากาศทางเดินภายใต้ต้นไม้ใหญ่ครับ ร่มเย็นมากๆ อากาศก็แสนจะหนาว เสียอย่างเดียวฝุ่นเยอะมากๆ 555
มาถึงที่วางถังสาเกครับ(Barrels of Sake Wrapped in Straw) มีอยู่ 6 ชั้น ยาวมากๆ แต่ละถังก็สีสันลวดลายไม่เหมือนกันด้วย
มาชมกันแบบหน้าตรงบ้าง
ส่วนอีกฝั่งทางซ้ายมือเป็นถังไวน์ครับ
ถึงสามแยกที่ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปครับ สังเกตจากเสาไม้โทริอีอีกเสาซึ่งเป็นทางเข้าอีกชั้น
ด้านขวาจะมีโคมญี่ปุ่นครับ เขียนหมายความว่าอะไรไม่ทราบได้
ส่วนด้านซ้ายจะมีงานแกะสลักน้ำแข็งวางโชว์อยู่ครับ ผมเดาว่าน่าจะเป็นการแข่งขันแกะสลักกันนะครับ
ไล่ดูทีละผลงานกันนะครับ
อันนี้คนถีบสามล้อเปล่าครับ
อันนี้น่าจะเป็นนกอินทรี
เด็กเล่นไม้กระดกครับ ย้อนเวลากลับไปช่วงหลายสิบปีกันหน่อย 555
ส่วนอันนี้เทพเจ้าอะไรสักอย่างหรือเปล่า
อันนี้ละลายไปเยอะ เป็นพญานาคกับสิงโตเปล่าครับ 555
อันนี้ยิ่งดูไม่ออกครับ น้ำแข็งละลายไปเยอะแล้ว
ตัวอะไรครับ มีปีกสวยงามเชียว นางในวรรณคดีญี่ปุ่นหรือเปล่า
มังกรเปล่าครับ
แล้วก็มาถึงทางเข้าในส่วนด้านในศาลเจ้ากันจริงๆแล้ว อย่าลืมล้างปากล้างมือก่อนเข้าศาลเจ้าด้วยนะครับ
ต้องมาถ่ายมุมเฉียงๆเพื่อเอาฟ้าสีฟ้า ไม่งั้นมืดตลอด
เจอสาวญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนอีกแล้ว คราวนี้สีแดงสดเชียว
ประตูทางเข้าศาลเจ้าด้านใน
ป้ายด้านหน้าประตูทางเข้าเป็นรูปลิงแม่ลูกครับ ปีนี้ปีลิง
เก็บภาพโดยใช้เลนส์ไวด์บ้าง ให้อารมณ์อีกมิติหนึ่ง
เดินเข้ามาภายในศาลเจ้า คนเยอะมาก เขายืนทำอะไรกันเนี่ย
หันมองไปทางด้านขวามือ ซึ่งเป็นทางออกครับ แต่ยังไม่ออก
อ๋อ ชาวญี่ปุ่นยืนรอเพื่อโยนเหรียญนั่นเอง เป็นระเบียบวินัยมากๆ
มองย้อนกลับไปที่ซุ้มทางเข้าครับ ย้อนแสงเล็กน้อยพอมีโบเก้ให้เห็น
ว้าว....โชคดีได้เจอพิธีแต่งงานครับ
ผมเก็บมาชุดช็อตเลย อิอิ เจ้าสาวเจ้าบ่าวเดินมาภายใต้ร่มแดงขนาดใหญ่
ญาติพี่น้องเดินตามมาด้านหลังครับ
ซูมเจ้าสาวแบบใกล้ๆหน่อย เจ้าสาวจะสำรวมไม่แสดงออก หรือยิ้มให้เห็นนะครับ คนมุงดูเยอะมาก(ญี่ปุ่นมุง)
เดินผ่านเข้าไปแล้ว ดันถ่ายแบบเกาะติดสถานการณ์ตลอด
อย่างที่เราเห็นๆและคุ้นเคยในทุกศาลเจ้า เราจะเจอกับแผ่นไม้เล็กๆมีข้อความเขียน นั่นคือคำขอพรหรือสิ่งที่ปรารถนาที่นักท่องเที่ยวมาเขียนขอพรครับ ลงในแผ่นไม้ที่เรียกว่า อิมะ (Ema)
ไปที่ศาลเจ้าไหนในญี่ปุ่น เราจะเจอกับคำขอพรของเจ้าของประเทศ และรองลงมาก็ภาษไทยซึ่งมาจากนักท่องเที่ยวไทยนั่นเองครับ
ภาพนี้ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษ แต่จริงๆแล้ว ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีช่างภาพมาคอยถ่ายรูปสาวกิโมโนสวยๆที่กำลังเขียนคำขอพรอยู่หลายคนทีเดียว ยอมรับว่าสาวคนที่กำลังเขียนอยู่สวยน่ารักจริงๆครับ แต่ผมขอไม่ไปจ่อหน้ากล้องเพื่อถ่ายเธอหรอกนะครับ คือไม่อยากรบกวนเกินไป
ได้เวลาเดินทางออกจากศาลเจ้าเมจิแล้วครับ ด้านขวาเป็นร้านขายของที่ระลึกครับ ใครอยากซื้ออะไรก็ไปดูกันได้เลย
ทางออกร่มเย็นอีกแล้ว ตรงบริเวณนี้มีห้องน้ำนะครับ อยู่ด้านขวามือ ทำธุระซะก่อนจะไปต่อครับ อากาศมันหนาวเย็นมาก ต้องแวะปัสสาวะก่อนครับ อิอิ
แล้วก็เดินมาบรรจบสามแยกเหมือนตอนเดินเข้ามาครับ เสาไม้โทริอิที่เห็นคือทางเข้าที่ผมเดินมาก่อนหน้านี้ครับ
แสงแดดกำลังแยงตาพอดีเลย ได้โบเก้สวยๆอีกแล้ว หรือเลนส์ผมมันเริ่มไม่ดีแล้วเนี่ย จริงๆแล้วที่เห็นแบบนี้ได้ก็เพราะว่ามีฝุ่นกระจายอยู่เยอะ เลยได้วิวแบบฟุ้งๆอย่างที่เห็น
อีกภาพจวนจะออกแล้ว
ฝากไว้กับภาพสุดท้ายของสาวกิโมโนน่ารักๆที่กำลังเดินเข้ามาที่ศาลเจ้านะครับ
แล้วมาชมกันต่อในตอนย่อยหน้า พาไปเดินเล่นย่านฮาราจูกุ ชมเด็กแนวญี่ปุ่นหลุดโลกนะครับ
[ตอน 1] [ตอน 2.1] [ตอน 2.2] [ตอน 2.3] [ตอน 2.4] [ตอน 3.1] [ตอน 3.2] [ตอน 3.3] [ตอน 3.4] [ตอน 3.5] [ตอน 3.6] [ตอน 3.7] [ตอน 4.1] [ตอน 4.2] [ตอน 4.3] [ตอน 4.4] [ตอน 5.1] [ตอน 5.2] [ตอน 5.3] [ตอน 6.1] [ตอน 6.2] [ตอน 6.3] [ตอน 6.4] [ตอน 7]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น