เสร็จจากชมวิคทอเรียเมมโมเรียลก็เดินออกมาเรียกแท็กซี่ด้านหน้าทางเข้าจุดที่แท็กซี่คันก่อนมาส่งเรา แท็กซี่ว่างจอดรอพอดี เราแจ้งไปว่าจะไปสะพานฮาว์ราห์ พร้อมกับชี้จุดบนแผนที่กลัวจะพลาดเรื่องข้อมูลสื่อสารจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ คนขับก็เข้าใจนะครับ บอกให้เราขึ้นรถ ถามว่าเท่าไหร่ เขาบอกใช้มิเตอร์และชี้ไปที่มิเตอร์ โอเคตามนั้นแต่ในใจก็กลัวๆว่ามิเตอร์จะขึ้นเร็วหรือเปล่า อันนี้เป็นเส้นทางระหว่างเดินทางไป อินเดียก็มีจิตรกรรมฝาผนังด้วย
โชคดีที่ได้คนขับคนนี้ รถผ่านอาคารทางราชการของเมืองกัลกัตต้าสำคัญๆแกก็อธิบายตลอด ภาษาอังกฤษดีครับ ได้ความรู้ดี พอใกล้ๆจะถึงสะพานฮาว์ราห์แกก็บอกเราว่าห้ามถ่ายรูปนะ เราก็เออๆ แบบงงๆ แล้วขอลงเดินดูคนที่สัญจรไปมา แกบอกจะขับช้าๆไปรอ ก็จ่ายเงินก่อน แค่ 60 รูปีเอง ไม่แพงเลย กระเป๋ายังอยู่ที่ท้ายรถแกนะ 555 แต่ไม่กลัว ไอ้เราสงสัยว่าทำไมถ่ายรูปไม่ได้ก็ในเมื่อเห็นคนเอารูปมาโพสต์อยู่ เลยไปถามตำรวจในป้อม แกชี้มาที่ป้าย เออจริงแฮะ "Photography is prohibited" โอเค เราเคารพกฎ แต่สักพักเดินไปก็อยากขึ้นรถแล้วครับ แท็กซี่นี่ก็ขับประกบเราไม่ห่าง สุดท้ายได้ขึ้นรถและคุยกันว่า สัมภาระเยอะแยะ งั้นจ้างแกต่อให้ขับไปสะพานฮาว์ราห์แห่งใหม่พาเที่ยวและขับกลับไปส่งที่สนามบินเลยดีกว่า จะได้ไม่ลำบาก งั้นตามนั้น เลยนั่งต่อ และถามแกว่า จะถ่ายรูปในนี้ได้มั้ย แกบอกก็พอได้ แกขับชะลอช้าๆให้ผมถ่ายครับ ก็ได้มาตามนี้ ก็ถือโอเคแระ บ้านเขากฎเยอะเกิน
แท็กซี่พาเราข้ามสะพาน Howrah ไปอย่างช้าๆแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังสะพานฮาว์ราห์แห่งใหม่ เขาเรียก New Howrah สะพานเดิมเรียก Old Howrah แต่ต้องผ่านสถานีรถไฟฮาว์ราห์ก่อน เป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดียและมีชานชาลาที่เยอะที่สุดในอินเดียถึง 23 ชานชาลา! ถือเป็นชุมทางรถไฟที่ใครจะไปพุทธคยาแสวงบุญก็ต้องมาขึ้นรถไฟที่นี่ครับ ถ้ามีโอกาสคงได้มาที่นี่อีกครั้ง อ้อ...ถ้าใครจะไปสิกขิมแล้วไม่ได้ขึ้นเครื่องบินก็ต้องมาขึ้นรถไฟที่สถานีนี้ครับ
แท็กซี่จอดให้เราชมวิวพร้อมกับถ่ายรูป แหม...รู้ใจจริงๆครับ แต่อย่างที่บอก หมอกลงหนามาก มองไม่ค่อยเห็นฝั่งกัลกัตต้าเลยฝั่งโน้นเลย อ้อ...ฝั่งนี้คือฝั่งเมืองฮาว์ราห์ เมืองอุตสาหกรรม
ผ่านสะพานแล้วก็เดินทางกลับสนามบินเลย ใจจริงอยากกลับไปถ่ายสะพานฮาว์ราห์ใกล้ๆอีก แต่คนขับบอกถ่ายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตรงนี้เป็นโครงสร้างที่รัฐบาลกำลังสร้างรถไฟลอยฟ้าครับ จากสนามบินกัลกัตต้ามาตัวเมืองกัลกัตต้าเลย สะดวกมากๆ อีก 2-3 ปีคงได้ใช้นะครับ
ผ่านสวนสนุกอะไรสักอย่างครับ มีรูปปั้นหัวผู้หญิงโผล่มาแบบหลอนๆ
แล้วก็มาถึงสนามบินกัลกัตต้าแล้ว คราวนี้จากสะพานฮาว์ราห์มาถึงสนามบินกัลกัตต้ามิเตอร์ขึ้น 440 รูปี ไกลพอควร Prepaid Taxi หน่ะถูกแล้ว เราให้ทิปคนขับไปอีก 100 รูปีครับ ชอบมากๆบริการประทับใจ เรียก Sir ตลอดเลยเวลาพูดกับเรา
แล้วก็ต้องเอาใบที่พิมพ์การจองตั๋วเครื่องบินมาโชว์ให้ทหารก่อนเข้าอาคารภายใน ผมพิมพ์ในกระดาษมา เลยผ่านไม่มีปัญหา ส่วนเพื่อนผมดันไม่ได้พิมพ์มา เลยต้องเสียเวลาเปิดเน็ตดูจากมือถือ มือถือผมดันแบ็ตหมดจากการใช้แอ๊พ Google Map ซะอีก เลยต้องใช้เวลาสักพักกว่าเน็ตจะเสถียร เกือบซวยไปเลย
ได้เวลาเข้า security อีกแล้ว เบื่อจริงๆให้ตายเถอะ เรื่องมากสุดๆในอินเดียเนี่ย ขนาดมา 2 ครั้งแล้วผมก็ยังไม่ชินนะครับ ครั้งนี้ผมทำเปิ่น ดันเอาพาสปอร์ตกับบอร์ดดิ้งพาสใส่ไปในกระเป๋าที่สแกน เลยไม่มีเวลาเดินเข้าไปให้จนท.สแตมป์ 555 แกถามผมว่าพาสปอร์ตกับบอร์ดดิ้งพาสอยู่ไหน ผมบอกว่าออกไปอยู่หลังเครื่องสแกนแล้ว มันให้ผมถอยหลังกลับเลยนะ (Back) แต่ไม่ได้บอกจนท.ที่อยู่ที่เครื่องสแกนส่งมาให้ผม ตลอกมาก น้ำใจไม่มี พอดีเพื่อนผมผ่านไปได้แล้ว เลยเรียกเพื่อนให้เอาพาสปอร์ตกับบอร์ดดิ้งพาสคืนมาด้วย ก็ทุลักทุเลจริงๆ ครั้งนี้เลยจำขึ้นใจไม่ลืมวางพาสปอร์ตกับบอร์ดดิ้งพาสไปกับของที่สแกนด้วย ถ้ามาคนเดียว ตาย จนท.มันไม่เก็บให้เราด้วย แค้นมันจริงๆ แขกเถียงมันมากก็ไม่ได้อีก
เอ้า....หิวข้าว เที่ยงแล้ว หาอะไรกินหน่อย มาเลยร้านนี้ อันนี้ของเพื่อนผม Chicken Biryani ไม่อร่อยอ่ะ 280 รูปีเชียว
ส่วนผมอันนี้ Chicken Roll อร่อยดี 180 รูปีเอง แต่ก็ยังแพงอยู่นะ อ้อ...ทานเสร็จก็ไปรอที่เกทครับ เผลอจะถ่ายรูปเครื่องบินที่จะบินซะหน่อย ยกกล้องขึ้น กำลังเล็ง ได้ยินเสียงแขกพูดว่า Excuse me.... แต่ยังไม่สนใจคิดว่าพูดกับคนอื่น พอได้ยินเป็นครั้งที่ 2 หันไปมอง ทหารพูดกับผมนี่หว่า เลยเก็บกล้องไม่ได้ถ่าย เฮ้อ...เสียอารมณ์จริงๆ อะไรจะขนาดนี้วะ ตูไม่ได้มาวินาศกรรมหรอกโว้ยยยย
นั่งเครื่องบินภายในประเทศไปสนามบินบักโดกรา ทางเหนือของกัลกัตต้าไป คือเมืองสิริกูริ ทางผ่านที่ใครๆจะมาสิกขิมต้องมาผ่านที่นี่ก่อน สนามบินเล็กตามแบบต่างจังหวัดของอินเดีย แต่เข้มด้วยความปลอดภัยเช่นกัน รับกระเป๋าเสร็จก็เดินออกมา เห็นคนชูป้ายชื่อผมเป็นภาษาอังกฤษก็ใช่แน่เลย ณ เวลานี้ 14.37 น. เดินตามชายคนนี้ไปมีเด็กมาช่วยยกสัมภาระเข็นต่อไปให้อีก 1 คน ก็ยังงงๆอยู่ว่ามา 2 คนเชียวหรือ สุดท้ายมาส่งเสร็จก็ขอเงิน อ๋อ เด็กช่วยขนกระเป๋าในสนามบินนั่นเอง ให้ไป 50 รูปี
16.47 น.รถก็พาเรามาถึงจุดที่เป็นจุดสุดท้ายของทางในแนวระดับ หลังจากนี้ไปจะเป็นทางขึ้นเขาแล้ว เลยแวะจอดรถ พักรถพักคน เข้าห้องน้ำ ที่ร้านนี้ New Gouttam Hotel & Restaurant
ตรงไปตามทางที่รถวิ่งก็จะขึ้นเขาอย่างเดียวแล้ว แสงกำลังจะหมดไป
รถไปส่งเราที่โรงแรม Pomra ซึ่งอยู่บนเนินเขา(ผมเอารูปของวันรุ่งขึ้นมาแสดงเนื่องจากวันมาถึงมืดมาก)
ห้องที่ได้อยู่ชั้นล่างไปอีก 1 ชั้น เดินลงบันได้แล้วก็มาเจอห้องทางด้านซ้ายครับ ห้อง 202
ภายในห้องพักครับ เป็นเตียงเดี่ยวเอามาติดกัน
มี LCD TV ตู้เก็บเสื้อผ้า และที่ชาร์จไฟครับ ทีวีไม่ได้ดูหรอก เพราะเอาปลั๊กมาชาร์จแบ็ตนั่นเอง
ภายในห้องน้ำ ก็สะอาดดี มีถังเล็กๆด้านล่างซ้ายให้รองน้ำตักอาบด้วย สำคัญนะครับ ส่วนวิธีใช้น้ำอุ่นคือ เปิดสวิตทช์ไฟข้างๆก่อน แล้รอ 20-30 นาที น้ำถึงจะอุ่น แต่พอใช้งานไปแล้วเกิน 10 นาทีน้ำมันจะกลับมาเย็นต่อ เป็นแบบนี้ทุกโรงแรมเลยนะครับ ฉะนั้นที่บอกว่าถังเล็กรองน้ำช่วยมากๆครับ เพราะใช้รองน้ำอุ่นไว้ก่อน แล้วค่อยตักอาบได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น