วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560

Incredible Sikkim (สิกขิม) ตอน 6.33 แวะพักชมวิวกลางทางที่ Lamahatta Mountain View ก่อนจะผ่านสถานีรถไฟกูม(Ghoom Station) แวะชมทอยเทรนวนลูปที่ Batasia Loop, ไหว้พระที่วัดดาลี และถึงที่พักในดาร์จีลิ่งอย่างปลอดภัย


มาต่อกันครับ ตอนก่อนถึงจุดชมวิวที่ไม่มีในแผนที่ใดๆ ไม่มีป้ายใดๆปักว่าเป็นจุดชมวิวพิเศษ ต้องคนขับรถท้องถิ่นเท่านั้นถึงจะทราบและจอดแวะให้ชมโดยไม่ได้เอ่ยปากขอ เอาหล่ะ...ไม่เกิน 10 นาทีก็มาถึงอีกจุดแวะพักและชมวิวอีกสถานที่นึง เป็นเนินเขาติดกับถนนเลย ทำสวนดอกไม้สวยๆ เสียค่าเข้าชมแค่คนละ 10 รูปี มีชื่อว่า Lamahatta Mountain View แวะพักที่นี่พอประมาณแล้วก็ไปต่อ ผ่านทางเข้าที่ไป ชมยอดคันเจงจุงก้าที่ Tiger Hill View Point และสถานีรถไฟกูม(Ghoom Station) รถไฟของเล่น หรือทอยเทรน(Toy Train) แต่คนขับไม่ยอมจอดแวะให้ เสียดายมากๆ สุดท้ายไปแวะที่ Batasia Eco Garden बतासिया इको गार्डन ที่อยู่เลยสถานีกูมออกไปหน่อย เป็นทั้งสวนดอกไม้ อนุสรณ์สถานทางทหาร และจุดที่รถไฟทอยเทรนวนลูป เลยไม่แวะไม่ได้ ต่อจากนั้น แวะไหว้พระที่ Dali Monastery दाली मोनास्ट्री ไปดูลามะเด็กกำลังเล่นเตะอะไรสักอย่างอย่างสนุกสนาน ก่อนจะถึงย่านที่พักที่ดาร์จีลิ่ง แล้วลงเดินเข้าที่พักที่ Magnolia Residency ต่อไป



เส้นทางนั่งรถจาก Lamahatta Mountain View ผ่านสถานีรถไฟกูม แวะบาตาเซียอีโค่การ์เดน แวะวัดดาลี จนถึงที่พัก Magnolia Residency ในดาร์จีลิ่ง


สิบกว่านาทีจากจุดชมวิวพิเศษก็เข้ามาที่ Lamahatta แล้ว คำนี้มาจาก 2 คำคือ Lama แปลว่าพระในพุทธศาสนา ส่วน Hatta แปลว่า อาศรม รวมกันก็คือที่พักของพระ หรืออาศรมพระนั่นเอง


ลงมาอยากให้ดูพื้นตรงบริเวณนี้ครับ เขาทำยังไงไม่รู้แต่ทำให้รถขับได้ดีในทางชันครับ ที่เป็นหลุมๆ น่าจะฝังอะไรสักอย่าง


นี่ครับ ตรงหน้ากับ Lamahatta Mountain View เลย ล้อมรอบไปด้วยต้นสน สูงตระหง่านมากๆ ร่มรื่นดีจริงๆ


เป็นหมู่บ้านเล็กๆ บนระดับความสูง 6800 ฟุต จนได้รับการพัฒนาเป็นทัวร์เชิงอนุรักษ์ หรือเรียกว่า Eco Tourism ตั้งแต่ปลายปี 2012


กำลังจะเข้า โอ้วววว ต้องมีตั๋วเข้าก่อน งั้นข้ามฝั่งไปซื้อครับ 2 คนๆละ 10 รูปีเท่านั้น


วิวป้อมชมวิวทางฝั่งซ็ายมือ


ลมพัดมา ธงมนต์ก็โบกสะบัดเหมือนกำลังเผยแผ่บทสวดมนต์ไปทั่วทุกสารทิศก็ไม่ปาน


เขาว่าตรงด้านหน้าของ Lamahatta หันไปตรงกับยอดเขาคันเจงจุงก้าพอดี แต่ ณ ตอนนี้ มองไม่เห็นอะไรเลย อิอิ


มามองทางฝั่งนี้บ้าง ก็ไม่เห็น จะเจอแต่บ้านเรือนปลูกอยู่บนเขาแต่ไกลโน้น


ซูมไปดูซิ เดาว่าเป็นดาร์จีลิ่งที่เราจะไปในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแน่ๆ ชุมชนบนเขาดูแปลกตาจริงๆ


แล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ แต่ขอเข้าห้องน้ำก่อนครับ จำตัวเลขไม่ได้แล้ว คนละ 5 รูปีหรือเปล่า อ้อ เขียวไว้ที่ประตูเลยทีเดียว Rs 5 ลงเนินไปครับ


เส้นทางช่วงนี้สวยนะครับ ร่มรื่นดี ไม่มีใครขับรถแซงแบบบ้าบิ่นหรอก


ชมชมคลิปเส้นทางช่วงนี้กันบ้างครับ


ผ่านอะไรสักอย่าง ไม่ได้แวะแต่พอจับภาพได้ แล้วก็ผ่านเส้นทางเข้าไป Tiger Hill View Point ทางซ้ายมือจนมาถึง...


แล้วก็ถึงสถานีกูม(Ghoom Station) เป็นสถานีต้นทางก่อนจะไปสุดสายที่สถานีดาร์จีลิ่งแล้ววนกลับมา สถานีกูมเป็นสถานีที่สูงที่สุดของเส้นทางรถไฟสายนี้ที่มีชื่อเรียกว่า Darjeeling Himalayan Railways (DHR)  อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,225.7 เมตร (7407 ft) และได้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้ เนื่องจากเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1880
คนที่นี่ขวักไขว่จอแจมากๆ คนขับรถบอกจอดรถไม่ได้ เพราะไม่มีที่จอด ไอ้เราก็เสียดายมากๆ มาถึงแล้ว แพลนที่จะมาขึ้นทอยเทรนที่นี่ก็ดับไปเพราะคนจองรถไฟเยอะมากๆ


ผมดู Google map อยู่ตลอด ครั้งนี้ต้องไม่พลาด ใกล้ถึง Batasia Loop แล้ว ก็เลยบอกให้คนขับจอดรถแวะก่อน ดูท่าทางไม่พอใจนะครับ คงอยากมาส่งแล้วกลับบ้านที่สิกขิมเร็วๆ แต่เราส่งโปรแกรมมาแล้วนี่ว่าจะไปไหนบ้างในแต่ละวัน นี่ก็เป็นแพลนในโปรแกรมทั้งหมดเลย

โอเค....เดินย้อนมานิดนึงซื้อตั๋วเข้าไปข้างในครับ


คนละ 15 รูปีครับ ก็ไม่แพงอะไรหรอก ยื่นให้คนที่นั่งตรงทางเข้าเลย(ตอนแรกมองไกลๆคิดว่าใครมานั่งทำอะไร 555)


นี่ครับ Army Statue सेना प्रतिमा หรือชื่อจริงๆคือ Darjeeling War Memorial (อนุสรณ์สถานทางสงครามของดาร์จีลิ่ง) สร้างเพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงทหาร Gorkha ของเมืองดาร์จีลิ่งที่เสียสละชีวิตในสงครามและการสู้รบอื่นๆมากมายหลังจากการได้อิสรภาพของประเทศอินเดีย(มีทหารตายมากกว่า 75 นาย)


ชมวิวกันบ้างครับ คนเยอะแยะเลย


นี่ครับ มีกล้องส่องทางไกลด้วย


แผ่นป้ายข้อมูลแสดงว่าที่นี่คือ Darjeeling Himalayan Railway(DHR), A Unesco World Heritage Area ดินแดนมรดกโลกนั่นเอง


ซูมไปชมวิวใกล้ๆกันดีกว่า โห....หลากหลายตึกอาคารบนภูเขาหนาแน่นไปหมด แล้วทางซ้ายมือก็มีถนนดินซิกแซกให้เห็นด้วยนะ ไม่รู้เส้นทางไปไหนเหมือนกัน


บรรยากาศโดยทั่วไป อากาศเย็นๆ ฟ้าครึ้มๆ ไม่สดใสเลย แต่ที่แปลกคือ ทางรถไฟนี่สิ มันมาอยู่ได้ไง 555


ไม่นาน....เสียงหวูดรถไฟ....ปู้นๆ....ก็ดังขึ้น ดันไปดู อ่าาา รถไฟทอยเทรนมาแว้วววว หลบเร็วๆ


นี่ครับ พอแล่นผ่านหน้าผมไป มันก็จะเลี้ยวโค้งเป็นวงกลมไปทางขวามือ มุมนี้สวยงามมากเพราะตรงหน้าคือหน้าผา


เพื่อให้ชมกันเต็มอิ่มแบบภาพเคลื่นไหว เลยทำภาพ animation มาให้ชมกันครับ


เสร็จจาก Batasia Loop ก็ไปต่อที่นี่ ทางเข้าวัด Dali Monastery दाली मोनास्ट्री ตอนที่ผมไปเขาเอาซุ้มทางเข้าวัดออกไปครับ คงไปซ่อมมั้งครับ มันเลยดูแปลกๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าซุ้มทางเข้ามันไม่มี แต่ตอนที่เขียนบทความคือผมลองดูวัดนี้ในปีอื่นๆ อ้าว มันมีซุ้มทางเข้าสวยงามเลย มิน่า ระเบียงทำไมมันเหมือนอิฐหักๆ



พอขึ้นไปข้างบน อ้าว...ได้ยินเสียงหวูดรถไฟอีกแล้ว หันไปดู เออ...กำลังแล่นมาพอดี


กลับมาชมวัดดาลีดันต่อ ด้านบนของวัด


ลามะเด็กออกมาเล่นอะไรกันสนุกเลย


นี่ไง กำลังเตะอะไรสักอย่าง เบาๆ เหมือนเส้นใยสานๆสีดำ ก็แปลกดี


เข้าไปหมุนกงมนต์ใหญ่ และไหว้พระกันครับ แถบนี้นับถือพุทธนิกายเดียวกับลาดักห์นะครับ


แล้วก็นั่งรถไปต่อ จุดหมายสุดท้ายคือที่พักชื่อ Magnolia Residency ในดาร์จีลิ่ง คนขับที่ที่จะไปส่งไม่เจอสักที แถมคนขับรู้สึกหงุดหงิดกับคนในเบงกอลด้วย 555 เขาคนสิกขิม ไม่ชอบคนเบงกอลที่สกปรกกว่า วุ่นวายกว่า สุดท้ายเลยจอดรถสักที่แล้วส่งเรา ก็โอเค จากนั้นเราจะเดินกันต่อไปเอง คงไม่ไกลนัก ก็นี่เลย เดินมาถึงลานที่เรียกว่า Darjeeling Mall เดินตรงไปอีกครับ


เจอวงเวียนน้ำพุนี้ก็ไปตรงทางซ้ายมือ


นักท่องเที่ยวลากกระเป๋าล้อลากกันข้างหน้า แน่นอนไม่ผิดแน่ ป้ายห้ามเอารถจักรยานผ่านมาทางนี้ครับ


2 ข้างทางเป็นร้างแผงขายผักผลไม้ และเนื้อสัตว์


มาเจอทาง 2 ระดับนี้ ให้ไปทางขวามือที่ชันขึ้นไป เหนื่อยโฮกกันเลย


เจอแว้ววว.......Magnolia Residency ด้านซ้ายมือ ไม่สังเกตป้ายไม่รู้นะครับ


เช็คอินเสร็จก็ขึ้นห้องพักเก็บข้าวของก่อน ได้ชั้น 3 ห้อง 303


โอ้ย...สวยอ่ะ ตกแต่งสวยมากๆ ดีที่อ่านรีวิวแล้วไม่ผิดจากที่อ่านครับ สวยและสะอาดจริง


มุมตรงบ้าง ตกแต่งสวยมากๆครับ มาเหอะ ไม่ผิดหวัง


และก็สำรวจห้องน้ำ ยาวเชียว สะอาดครับ รับประกัน พอเก็บข้าวของเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันเสร็จก็เตรียมออกมาเดินเล่นข้างนอกกัน ไว้มาชมกันตอนหน้านะครับ จะไปหาอะไรทาน


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น