[ตอน 0] [ตอน 1] [ตอน 1.5] [ตอน 2] [ตอน 2.5] [ตอน 3] [ตอน 3.5] [ตอน 4] [ตอน 4.5] [ตอน 5] [ตอน 5.25] [ตอน 5.5] [ตอน 5.75] [ตอน 6] [ตอน 6.33] [ตอน 6.66] [ตอน 7] [ตอน 7.5]
13.30 น.ก็มาถึงร้าน Sherpa's Cafe อีกครั้ง ครั้งนี้สั่งง่ายๆ นั่นคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั่นเอง ร้อนๆ รสชาติอร่อยแบบไทยๆดีครับ
แล้วก็ล้างปากด้วยชาดำร้อนๆไม่ใส่น้ำตาล เพราะชานมหวานเกินไป
ทานเสร็จก็ออกมารับแสงแดดอุ่นๆ ร้านี้เลี้ยงแมวดำด้วย ขนยาวเชียว แน่นอนว่ามันปรับตัวเพื่ออากาศหนาวๆแบบนี้นั่นเอง
หยุดตรงจุดเดิมอีกครั้งเพื่อเก็บภาพวิวสวยๆ สันเขาสุดลูกหูลูกตา
ซูมไปดูใกล้ๆ หมอกสีขาว ชอบมากๆ แทบจะอยากกระโดดไปแหวกว่ายซะจริงๆ
แล้วก็มาถึงทางเข้าหนุมานต๊อก(Hanuman Tok)
ต๊อกในภาษาสิกขิมหมายถึง top หรือที่สูง หนุมานต็อกคือวัดหนุมานบนที่สูง ซึ่งอยู่บนเขาบนเส้นทางจากกังต๊อกไปทะเลสาบฉางโก เป็นสถานที่ระหว่างทางที่หนุมานในเรื่องรามเกียรติ์พักแวะก่อนที่จะนำยาจากเขาสรรพยากลับมาแก้ศรพรหมาศให้พระลักษณ์ ที่แวะพักนี้จึงเรียกว่า หนุมานต๊อก
ถ่ายรูปภายในวิหารที่มีเทพไม่ได้ครับ เลยถ่ายแต่บรรยากาศภายนอกมา แต่สมัยก่อนเห็นมีคนถ่ายมาได้ แต่ไม่ว่ากันครับ
ตรงนี้เป็นจุดชมวิวบนวัดหนุมาน สามารถมองเห็นยอดเขาต่างๆบนเทือกเขาหิมาลัยได้ ตอนไปฟ้าไม่เคลียร์เท่าไหร่ แล้ววิวเทือกเขาผมเอามาอีกจุดหนึ่งวางบนภาพที่อธิบายยอดเขาต่างๆ
จริงๆไม่มีอะไรมากที่นี่ ดูแป๊บเดียวก็ลงมาที่ลานจอดรถ ธงมนต์เยอะมากๆ
แล้วก็ไปต่อที่คเณศต๊อก ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆสวนสัตว์ในกังต๊อกครับ
เหมือนเคย ถ่ายรูปภายในไม่ได้ เราไหว้พระพิฆเนศแล้วก็ได้รับการผูกข้อมือด้วยสายเชือกสีแดงเหลืองจากคนฮินดูข้างใน รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ และก็มาชมวิวเมืองกังต๊อกครับ
ใกล้ๆกันมีบ้านผีสิงห์ด้วยแฮะ แวะเดินลงไปดูหน่อยว่ามีอะไรบ้าง แต่ไม่ได้เข้าไปหรอก
สถานที่สุดท้าย ไปพิพิธภัณฑ์โชเตนก่อน ใกล้ๆกับวัดโชเตน แต่ปิดแล้ว ปิด 16.00 น. เลยเก็บภาพได้แค่ภายนอกอาคาร
สถูปหรือโชเตนบนเขาเล็กๆใกล้ๆพิพิธภัณฑ์
และแล้วก็มาถึงทางเดินเข้าวัดโชเตน Choten Monastery ทางเดินขึ้นเนิน ชันพอควรครับ ค่อยๆเดินนะ
ถึงด้านบนแล้ว กำลังบูรณะอยู่เลย
เดินหมุนกงมนต์ตามเข็มนาฬิกากันครับ ขอบอกว่าเมื่อยมือมากๆ แถมมีคนมาเดินตามหมุนแบบกดดันด้วย
โชเตน 3 ขนาด
ตะเกียงน้ำมันมีเปลวไฟลุกโชนหมายถึงความสว่างไสวของพุทธศาสนาไปทั่วสารทิศ
ขากลับเห็นที่พักของเหล่าลามะด้วย วิ่งเล่นกัน
มาแวะ Ropeway หรือกระเช้าในเมืองกังต๊อก แต่เป็นที่น่าเสียดาย ปิดแล้วครับ เหลือเฉพาะคนที่ต่อคิวรอเท่านั้น
เมืองกังต๊อกยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน
แสงสวยงามมากๆครับ หนาวด้วยสิ
ถ้าขึ้นกระเช้าก็จะนั่งไปลงที่สถานีด้านหน้าและนั่งกลับครับ น่าเสียดายว่าประเทศไทยอนุรักษ์นิยม ไม่ยอมสร้างกระเช้าชมเมืองแบบนี้ หัวโบราณมากๆ
พอเสร็จทัวร์ คนขับก็ให้เราเดินเดินไปตลาด MG Marg Market เอง บอกอยู่ใกล้ๆ
ร้านไอศครีมร้านนี้น่าทานนะครับ
แต่เราตรงดิ่งมาที่ร้านนี้ก่อน ร้าน Taste of Tibet ร้านดังที่เมื่อวานปิดเร็ว
ได้ออร์เดิฟมาแบบนี้ คล้ายๆกิมจิ เหมือนผักดอง อร่อยดี
ระหว่างสั่งอาหารก็ชมวิวภายนอกไปก่อน อ้อ ชั้นร้านอาหารชั้น 3 ครับ วิวสวยดี
อาหารที่สั่งมาเสริฟแย้ววว ข้าวผัดรวมจ้า Mixed Fried Rice อร่อยดี
ตามด้วย ไก่ผัดเผ็ด Chicken Chilli รสชาติจัดจ้าน กรอบ แต่ไม่เหมือนกับร้านเมื่อวานนี้ครับ อร่อยอีกแบบแห้งๆ
และนี่เลย Pork Roll หมูยัดไส้แป้งกรอบ อร่อยมากๆ รวมแล้วอร่อยทุกอย่างครับ แนะนำเลย
ตบท้ายด้วยเบียร์ King Fisher แบบแรง!! มึนกันไปข้าง รวมแล้ว 440 รูปี ราคาไม่แพงเลยนะครับ
แล้วก็ออกมาเดินย่อยอาหารที่ถนนคนเดิน MG Marg Market ต่อ
รูปปั้นมหาตมะ คานธี
เปิดไฟสวยๆ แต่มืดไปหน่อยแฮะ
ร้านนี้ขายชา ชอบที่ทำป้ายตามขั้นบันได
เดินมาเจอ โอ้ว...คนเข้าแถวอะไรยาวจัง อ๋อ ต่อคิวถอนเงินครับ แย่จัง เสียเวลามากๆ
และก็มีรูปปั้นท่านมหาตมะ คานธีอีกอัน ตรงนี้เป็นท่ายืนครับ คนมารอต่อคิวถ่ายรูปเยอะมากขอบอก
ใครลืมถ่ายรูปมา มาทำที่นี่ก็ได้ 1 นาทีเอง แต่ราคาคงจะแพงเนอะ
ป้ายยืนยันมามาจริงๆ อิอิ
ไปเดินลงในตลาดเสื้อผ้าข้างล่างกันครับ ของเยอะดี ราคาถูกกว่าด้านบนด้วย
แล้วก็ไปจบที่ร้านนี้ครับ Kelly's Cafe ร้านเครป
ผมจัดมา 1 อัน Apple Crep 80 รูปี อร่อยดีครับ ก็เป็นอันจบวันที่ 2 ในกังต๊อกกัน รอชมพรุ่งนี้เราจะเดินทางไกลอีกครั้ง ขึ้นเหนือไปสิกขิมเหนือนั่นเอง ไปพักหมู่บ้านลาเชนและลาชุงในวันถัดไป ติดตามกันต่อครับ
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น