วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Incredible Sikkim (สิกขิม) ตอน 3 เดินทางไกลไปเที่ยวสิกขิมเหนือ แวะจุดชมวิวตาชิ, กะบี่ลงศก, น้ำตกเจ็ดสาวน้อย และวัดโพดอง(Phodong Monastery)


วันนี้เราจะต้องออกเดินทางไกลอีกครั้ง ระยะทางโดยประมาณแค่ 110 กม. แต่ทำไมมันใช้เวลายาวนาน เดี๋ยวเราได้รู้กันครับ โดยเราจะไปค้างคืนถึง 2 คืนด้วยกันที่สิกขิมเหนือ ซึ่งต้องทำ Permit อีกแล้ว คนละ Permit กับที่ขอตอนเข้าด่านรังโปในเย็นวันแรก และที่ขอไปทะเลสาบฉางโกเมื่อวานนี้นะครับ สิกขิมเหนือเป็นพื้นที่ที่เข้มงวดอีกพื้นที่หนึ่ง ใกล้พรมแดนกับจีน(ทิเบต) เนปาล และภูฏาน ดังนั้น รัฐบาลอินเดียเลยต้องให้ชาวต่างชาติขอ Permit ก่อนเข้าพื้นที่ โดยต้องมีไกด์ท้องถิ่นเดินทางไปด้วยนอกเหนือจากคนขับรถแล้ว ทำให้ใน 3 วันต่อไปนี้ เราจะมีวินัยซึ่งคือคนขับรถของเราตั้งแต่วันแรกมาเป็นไกด์แทน และจะมีรถใหม่ซึ่งใหญ่กว่าเดิมพร้อมคนขับรถคนใหม่มาแทนด้วย
ทั้ง 3 วัน 2 คืนต่อไปนี้เราจะต้องผ่านจุดตรวจ(Police Check Post) Permit ด้วยกัน 7 จุด โดยวันนี้เราจะค้างคืนที่ลาเชน(Lachen) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆในสิกขิมเหนือไปทางซ้ายมือเมื่อถึงแยกชุงถัง(Chungthang) เช่นเดิม วันนี้จะแบ่งเป็นตอนย่อย 2 ตอน

แผนเที่ยววันนี้มีดังนี้

Hotel Pomra - Tashi View Point - Kabi Lungchok - 7 Sisters Waterfall - Phodong Monastery - Lachen - Hotel Snow Retreat


เช้าวันที่ 3 ในกังต๊อก สิกขิม เช้านี้ผมไม่ตื่นเช้าอีกแล้ว เพราะอยากนอนเอาแรงเยอะๆ ตื่นมาสายๆ เกือบ 7 โมงก็มาถ่ายวิวเทือกเขาหิมาลัยที่ระเบียงอีกครั้ง เช้านี้มาไม่ทันแสงยามเช้าที่สีแดงๆ แต่ไม่เป็นไร ผมเก็บมันมาเมื่อวานแล้ว เลยได้เพียงวิวยอดคันเชงจุงก้าแบบทั่วๆไปที่สว่างไปแล้ว แต่แค่นี้ก็โอแล้วครับ


รถคันใหม่ใหญ่กว่าเดิม สมบุกสมบั่นกว่าเดิมมาถึงแล้ว เห็นสภาพแล้วน่าจะผ่านศึกมาเยอะหลายแสนโล


ประมาณ 10 โมงเช้าเราก็เริ่มออกเดินทางกัน โดยมีคนขับคนนี้สัญชาติไปทางพวกสิกขิมแบบเชอปา หน้าตาคล้ายๆจีนอะครับ ต่างกับคนขับคนแรกที่หน้าตาออกแขกๆ


นี่ไง วินัยเอาเอกสารที่ต้องขอ Permit ให้เรามาให้ดู หลายแผ่นมากๆ เตรียมไว้สำหรับ 7 จุดตรวจ Permit ด้วยกันจ้า


ก่อนจะเดินทางไกล เราแวะเติมพลังรถก่อนครับ น้ำมันดีเซลที่ปั๊มนี้ ซึ่งยังอยู่ในกังต๊อก ก่อนจะถึงจุดชมวิวตาชิ


แล้วก็มาถึง Tashi View Point หรือจุดชมวิวตาชิ บอกตรงๆเลยเลยว่าไม่มีอะไรมากครับ ถ้าท่านได้เห็นวิวคันเชงจุงก้าแล้ว ไม่ว่าจะจากที่ไหน ตรงนี้ไม่ต้องแวะก็ได้ครับ ธรรมดามากๆ


ขึ้นมาถึงก็เจออาคารคล้ายๆเก๋งจีนแบบนี้ครับ มีขายเครื่องดื่มด้วย แต่ผมไม่แวะเข้าไป


หันกลับหลัง ก็เจอกับฐานของจุดชมวิวครับ ก็ตามนี้ วิวก็เหมือนวิวที่ระเบียงโรงแรมที่ถ่ายมาแล้ว 555 เลยลงไปเพื่อนั่งรถไปต่อดีกว่า


อีก 20 นาทีก็มาถึงสะพานที่จะพาเราข้ามไปสิกขิมเหนือแล้วครับ


ขณะนี้เรากำลังข้ามผ่านแม่น้ำ Rate Chhu เพื่อไปยังสิกขิมเหนือครับบบบบ มีป้ายต้อนรับเราอย่างเป็นทางการเลย Welcome to North Sikkim อิอิ


เส้นทางเริ่มไม่ดีแล้ว มีหินก้อนใหญ่ๆ อยู่ 2 ข้างทาง บนถนนเองก็เป็นดินผสมกรวด ยางมะตอยคงหายไปหมดแล้ว


11.00 น.ก็มาถึงกระบี่ลงศก(Kabi Lungchok) สถานที่แห่งนี้เป็นที่สาบานของหัวหน้าเผ่าเลปชาและหัวหน้าเผ่าคัมปา ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมสาบานจุดเริ่มต้นแห่งการก่อตั้งสร้างอาณาจักรสิกขิม เครดิต: www.oceansmile.com


ผลอะไรเอ่ย? ระหว่างทาเข้า


ไปกันครับ เดินตามพวกเรามา


ตรงจุดนี้เป็นหินที่คนมาก่อให้เป็นชั้นๆกัน คล้ายๆกับการงหินในสถานที่ท่องเที่ยวในไทยเรา เช่นที่เกาะหินงาม หมู่เกาะอาดังราวีหลีเป๊ะ สงสัยเราเลียนแบบมาแน่เลย


เดินไม่ถึงสักที แต่อากาศเย็นสบายครับ


ถึงแล้ว รูปปั้นคู่สามีภรรยาและพี่น้องร่วมสาบาน

อีกมุมหนึ่งครับ แสงแบบนี้ถ่ายลำบากมาก


แล้วก็เดินทางต่อ กำลังจะข้ามสะพานปูนที่กว้างเหมือนกันแฮะ แต่น้ำแห้งอยู่


นี่ครับ สะพานเบลี่ย์แบบเหล็กอันดั้งเดิม เก่าเชียว ได้สะพานปูนมาถือว่าดีมากๆ


ระหว่างทางเราจะเจอกับแรงงานหญิงทำถนนตลอดเลยนะครับ


มาถึงจุดที่ต้องหยุดรถ เพราะกำลังมีรถแบ็กโฮยกชุดหัวเจาะอยู่ครับ นานเป็น 10-15 นาทีเลยทีเดียว


แล้วก็ผ่านไปได้ ตรงนี้ธงสีขาวเยอะมากๆ หมายถึงบ้านนั้นๆมีคนเสียชีวิต บ้านนั้นก็จะปักไว้ 45 วัน แล้วก็เอาออก เหมือนกับส่งวิญญาณไปสู่สวรรค์ครับ


เกือบๆเที่ยงก็มาถึงจุดแวะพักชมวิวน้ำตก 7 สาวน้อย(Seven Sisters Waterfall) ครับ ชุงถังยังเหลือตั้ง 65 กม.แหน่ะ


ตรงนี้ไง แต่ผมว่ามันไม่สวยอ่ะ ธรรมดามากๆเลย


มีพระพุทธรูปด้วยครับ แต่ป้ายน้ำตกตัวอักษรเลือนมากๆ บ่งบอกถึงการบำรุงรักษาแย่มากๆ


แล้วรถก็ต้องมาหยุดเพื่อรอทำทางอีกครั้ง เรื่องปกติมากๆนะเส้นทางเนี้ย


เที่ยงครึ่งเราก็มาถึง Phodong Monastery เป็นวัดในศาสนาพุทธ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เป็น 1 ใน 3 วัดที่สำคัญของสิกขิม

ตรงนี้เป็นลานเวลามีเทศกาลเต้นระบำหน้ากากด้วย คล้ายๆในลาดักห์


แล้วเราก็โชคดีได้ลามะไขกุญแจพาเราเข้าไปข้างในครับ ในนี้ต้องถอดรองเท้าและถ่ายรูปไม่ได้ด้วย ส่วนวัดในลาดักห์จะถ่ายรูปได้ครับ เขาว่าภายในมีทรัพย์สินของเก่าอยู่มากมาย อาจจะเพราะเหตุผลนี้ก็เป็นได้ที่ไม่ให้ถ่ายรูป ในวัดนี้เราได้ความรู้มากมายครับจากลามะที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว


แล้วเราก็เดินทางต่อ บริเวณนี้ทำนาขั้นบันไดเยอะมากๆ เพราะอาชีพเขานั่นเอง แต่ตอนนี้เก็บเกี่ยวแล้ว เลยไม่มีรวงข้าวสีทองให้เห็น


อีกหนึ่งจุดชมวิวที่ต้องหยุดเพื่อเก็บภาพ


ซูมไปใกล้ๆ โอ้โห...น้ำสีเทอร์ควอยซ์ สวยมากๆ


และก็ผ่านโรงเรียนระดับม.ปลายของสิกขิม


ยกกล้องถ่าย เด็กผู้ชายอายกล้องซะงั้น


อีกจุดหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้กัน


ซูมใกล้ๆซิ เห็นหน้าผาแล้วกลัวเลย


อีกรูปชอบๆ ตรงศาลาเรียกว่า Sikkim Tourism View Point & Car Park Lungma Dara คือจุดชมวิวและพักรถนั่นเอง ขาไปนี้เรายังไม่แวะครับ


แล้วก็มาแวะพักทานอาหารกลางวัน ตอนเวลา 13.40 น. รถจอดแวะเยอะเลย


ร้านนี้ครับ เป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ต์


ได้มาแบบนี้ จะกินได้มั้ย?


แต่ไม่เป็นไร เรามีตัวช่วย นั่นคือน้ำพริกแมงดา อิอิ


ทานเสร็จแล้ว เพื่อนผมก็ไปซื้อส้ม แกบอกว่าส้มที่นี่สด


หลังจากทานอาการกลางวันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ 14.12 น.เรามาถึงจุดตรวจ Permit รังรังด่านแรกแล้ว


แล้วก็ไปต่อ เข้าเขตเมือง Mangan เมืองเอกของสิกขิมเหนือ บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ดูเป็นระเบียบดีมากๆ


จุดที่มีหินถล่มอีกจุดหนึ่ง คนงานกำลังก่อสร้างอะไรสักอย่าง


แล้วก็ได้เวลาหยุดรถเพื่อบชมวิว ณ จุดนี้ครับ สวยงามมากๆ ขุนเขาน้อยใหญ่สลักกันไป
แล้วมาอ่านต่อในตอนถัดไปนะครับ เราจะเริ่มเข้าชุงถังแล้ว


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น