วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Incredible Sikkim (สิกขิม) ตอน 2 ไปดูแย็ค(Yak)หรือจามรี ที่ทะเลสาบฉางโก(Tsomgo Lake) ทะเลสาบดังแห่งสิกขิม ที่อยู่สูง 3,755 เมตรจากระดับน้ำทะเลกันเถอะ


เช้าวันใหม่ เป็นเช้าวันที่ 2 ในกังต๊อก เมื่อคืนหนาวมากๆ ดูอุณหภูมิจากนาฬิกาบอก 6 องศา แต่มันในห้อง ข้างนอกหนาวกว่านี้แน่ๆ อย่างที่บอกไปคือ นอนไม่หลับครับ ต้องตื่นมาใส่กางเกงอีกตัว ถุงเท้าอีกตัว แต่ถุงมือใส่แล้ว วันนี้จะมีโปรแกรมนั่งรถยาวนิดนึงไปทะเลสาบฉางโก หรือชางกู ภาษาอังกฤษมีหลายชื่อทีเดียว ตามการเรียกของชาวสิกขิมและชาวอินเดียเอง (Changu / Tsomgo / Tsongmo Lake) แล้วพอเสร็จก็กลับมาแวะหนุมานต๊อก คเณศต๊อก และวัดโชเต็น โดยตอนแรกๆ เจ้าของทัวร์จัดวันนี้ให้เราชมวัดแต่ในเมืองกังต๊อกอย่างเดียว ไม่มีทะเลสาบฉางโก ผมเลยย้ำไปว่าต้องมีเพราะอยากไปที่นี่โดยเฉพาะ กลับมาแล้วเก็บได้ที่ไหนบ้างก็ว่ากันไปครับ แพลยโปรแกรมเที่ยววันนี้เลยตามนี้

Tsomgo lake - Hanuman Tok - Ganesh Tok - Chorten Monastery - Sightseeing at MG Marg Market


เช้านี้เหน็บหนาวเหลือเกิน ฮีตเตอร์ก็ไม่มีให้ เลยไม่ค่อยอยากตื่นมาชมวิวแสงกระทบกับยอดเขาคันเชงจุงก้าเท่าไหน แต่เพื่อนผมนี้สิ ออกไปตั้งแต่ตี 5 แล้ว แต่พอนอนๆไปก็ต้องตื่นดีกว่า ตื่นมาเสร็จออกจากห้องเลี้ยวซ้ายผลักประตูไปที่ระเบียง โอ้โห....วิวแสงอาทิตย์ยามเช้ากระทบกับยอดเขาคันเชงจุงก้าสีแดง สวยงามมากๆ แถมมีวิวหมอกเป็นริ้วยาวๆขนานไปด้วย



ต้องซูมเข้าไปดูใกล้ๆครับ สวยงามจับใจ ไม่จำเป็นต้องไปดูที่ Tiger Hill แล้ว ดีนะที่ตื่นมาเห็นพอดี ณ เวลานี้ 6.30 น.ครับ ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เห็น แต่ถ้าหลังจากนี้ไป 15 นาทีก็จะไม่เห็นแบบนี้แล้วเช่นกัน


เจ้ายอดที่มีเมฆปกคลุมตลอดนั่นแหล่ะ คือยอดเขาคันเชงจุงก้า ยอดเขาในเทือกเขาหิมาลัยที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจาก เอเวอร์เรสต์(เนปาล) และ เคทู K2(พรมแดนจีน-ปากีสถาน) สังเกตว่ายอดเขาที่สูงๆจะชอบมีเมฆมาบดบังตลอดนะครับ ตอนไปชมแมทเธอฮอร์น สวิสก็ทีนึงแล้ว ฟูจิก็ทีนึงเช่นกัน อะไรจะขี้อายปานนั้น แต่พอแดดออกก็หายไปครับ


กลับมาอาบน้ำแต่งตัว ก็ขึ้นไปชั้นบน ซึ่งคือชั้นปกติที่มีล็อบบี้ เข้าไปในร้านอาหารของโรงแรม สั่งอาหารเช้าและนั่งรอครับ  ส่วนเพื่อนผมนั้นเข้าไปจองที่ก่อนหน้าผมแล้ว


อาหารเช้าก็ขนมปังปิ้ง 3 แผ่น มีเนยและแยมสตอเบอรี่มาให้ พร้อมไข่ดาว 2 ฟอง (จะสั่งออมเล็ทก็ได้นะครับ)

ไข่ดาวน่าทานมากๆ เห็นแล้วหิวเบยยยย


แล้วกาแฟร้อนก็มาเสริฟทีหลัง คือนมต้มร้อนใส่ผงกาแฟทีหลัง 555 แขกทำอย่างนี้ตลอดทั้งเนปาลก็ด้วย จริงๆต้องเรียกว่านมใส่ผงกาแฟ ไม่ใช่กาแฟใส่นม!


ตรงนี้เป็นด้านหน้าล็อบบี้ เราต้องมาลงทะเบียนในสมุดใหญ่ของโรงแรมอีกครั้งครับ เพราะเมื่อวานที่มาถึงนั้นมืดไปแล้ว เลยยกยอดมาลงเช้านี้


คนขับนัดเราเมื่อวานว่าจะมารับตอน 9 โมงเช้า ตอนนี้เลยเวลาแล้วยังไม่มาเลย หงุดหงิดๆ เลยเดินไปถ่ายวิวยอดเขาตรงข้างๆโรงแรม ณ ตอนนี้ เมฆหายไปหมดแล้ว แต่ฟ้าไม่เคลียร์เลย สังเกตมีนกบินผ่านเฟรมมาด้วยนะ


รอไปรอมา สุดท้ายคนขับชื่อวินัยก็มา 9.45 น. แกบอกขอโทษที เสียเวลากับการทำ permit เข้าทะเลสาบชางกูให้เราอยู่ โอเคไม่เป็นไร แล้วเราก็นั่งรถจากโรงแรมเดินทางต่อไปครับ แต่แวะเติมพลังงานรถก่อน น้ำมัน 1000 รูปี คันเล็กแต่จ๊าบมากๆ


รถเริ่มติดแล้วจร้า เส้นทางขึ้นเขาไปทะเลสาบชางกู/ฉางโก ที่ติดก็เพราะข้างหน้าต้องรอการตรวจ permit นักท่องเที่ยวด้วยครับ


10.38 น.ก็มาถึงจุดตรวจสอบ permit ครับ เราไม่ต้องลงไป คนขับจัดการให้เราตลอด เป็นหน้าที่เขา เอาเอกสารทั้งหมดที่เราให้ไปเมื่อวานนี้(รูปถ่าย 2", สำเนา eTV วีซ่า, สำเนาหนังสือเดินทาง) และเอกสารที่ขอ permit มาแล้วตอนเช้าวันนี้ เข้าไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก็เป็นอันเสร็จ


เสียค่าธรรมเนียมคนละ 10 รูปีครับ ได้ใบเสร็จที่ทำเป็นโปสการ์ดมาด้วย เขากลัวเป็นใบเสร็จปกติแล้วคนทิ้งเรี่ยราด เลยทำเป็นโปสการ์ดซะเลย ไอเดียดีมากๆครับ


ไปกันต่อ หนทางยังอีกยาวไกล แต่ไม่ได้ลำบากเท่าทางในลาดักห์หรอกครับ


วิวจากภายในรถ


ข้ามสะพานเหล็ก นี่เปล่าน้าาา สะพานเบลี่ย์ ที่ใช้เวลาน้ำท่วมในไทยเรา ผมว่าใช่นะ


อ้าว...มีคนมานั่งชมวิวข้างทางชิวๆด้วยแฮะ


หินระหว่างทางที่ทาสีขาวแดง มีความหมาย แต่จำไม่ได้แล้ว อิอิ


เห็นศาลาสีแดงไกลๆนั่นมั้ยครับ วินัยเล่าให้เราฟังว่า จริงๆคือวัดของฮินดู แต่ก่อนนั้นทางกองทัพทำทางเห็นว่าเกะกะเลยรื้อออกไป แต่ปรากฎว่า พอรื้อไปแล้ว มีหินบริเวณนั้นถล่ม สไลด์มาตลอด ทำให้ทางผ่านไปไม่ได้ เสียเวลาอยู่บ่อยครับ สุดท้าย เลยกลับมาสร้างคืนเหมือนเดิม แล้วหลังจากนั้นหินก็ไม่ถล่มแล้ว เป็นปกติ อันนี้ก็ฟังไว้ครับ


ชมทางกันไปเรื่อยๆครับ จุดนี้คือจุดที่มีหินวไลด์ ใกล้ๆวัดฮินดู


สีที่คาดเครื่องกั้นไหล่ทางสวยดี มองเห็นได้ชัดเจน


ด้านโน่นอย่างกับกำแพงเมืองจีนเลยเนอะ สวยนะครับผมว่า เส้นทางนี้หลับไม่ลง เพราะมีวิวสวยๆตลอด


ผ่านวัดฮินดูที่เรามองเห็นจากเมื่อสักครู่ครับ


Drive with care, make accidents rare. เป็นการใช้คำที่สวยงามเสียงคล้ายๆกัน เหมือนกับที่เลห์เลยนะครับถ้าใครยังจำได้ แต่ที่เลห์เขียนลงบนหินซึ่งสวยงามกว่าครับ


แล้วก็มาถึงจุดที่สามารถจอดรถชมวิวได้ วิวตรงนี้สวยงามมากครับ มองไปเส้นทางตรงกันข้ามที่เราผ่านมา โห...ถนนพับไปพับมา


ถนนพับไปพับมาคล้ายๆที่ภูทับเบิกมั้ยครับ พอขับมาถึงก็จะมีจุดให้จอดรถชมวิวเช่นกัน


วิวไกลๆของเทือกเขาสลับซับซ้อนนี้ก็สวยงามเหมือนกัน เฉดสีของแดดมันแบ่งกันอย่างชัดเจนเลย


ซูมไปดูถนนที่เราผ่านมาใกล้ๆกันอีกครั้งครับ สุดยอด...


เวลา 11.39 น.เราก็มาถึงยังจุดพักจุดแรก ลงไปหาอะไรร้อนๆดื่มกัน เป็นร้าน Sherpa's Cafe ครับ


ณ จุดนี้ เหลือเพียง 8 กม.จะถึงทะเลสาบชางกู และอีก 25 กม.จะถึงนาทูลา พรมแดนอินเดีย-จีน ซึ่งเราไม่สามารถไปได้ ให้เฉพาะคนอินเดียเท่านั้น


มา...มาแวะดื่มชานมร้อนๆก่อน ขอบอกว่าหวานเกินไป จิบไปไม่ไม่หมด ดูควันสิครับ ฉุยเลย ท่ามกลางอากาศเย็นๆ


แล้วก็เดินทางกันต่อไป


โอ้ว...เพิ่งเห็นว่ามี Ropeway หรือกระเช้าด้วย วินัยบอกว่ากำลังสร้างอยู่ น่าจะเสร็จอีกปีสองปี


เที่ยงพอดีเป๊ะก็มาถึงที่ทะเลสาบชางกู หรือฉางโกแล้ว ทะเลสาบที่อยู่สูง 3,755 เมตรจากระดับน้ำทะเล ห่างจากกังต๊อก 35 กม. มีความยาว 1.08 กม. กว้าง 0.46 กม.
จริงๆเราผ่านจุดแรกมาของทะเลสาบ แต่วินัยบอกจะขับไปอีกนิดเพื่อหาจุดที่แย็คเยอะกว่า เลยมาจอดที่จุดนี้


ลงจากรถก็เจอเลย เจ้าแย็ค(Yak) หรือจามรี สัตว์ที่เคยได้ยินเมื่ออ่านหนังสือการ์ตูน ตินตินอินทิเบต


เดินข้ามถนนมาฝั่งที่อยู่ติดทะเลสาบ เจอตัวนี้สวมเขาสีแดงหัวขาวเชียว อ้อ...เวลาเดินระวังกันด้วยนะครับ อย่าไปยืนใกล้ๆเวลาที่จามรีกำลังเดินอยู่ เพราะอาจโดนเขามันได้ ผมเองนี่โดนไปทีนึง ดีที่ไม่แรงไม่เป้นไรมาก ระวังด้วยครับ


อีกตัวหนึ่ง มีธงมนต์อยู่ด้านหลัง ที่มีจามรีเยอะเพราะคนท้องถิ่นนำมาให้นักท่องเที่ยวขี่และถ่ายรูปเล่น จากราคาครั้งแรก 300 รูปี เพื่อนผมต่อเหลือ 100 รูปี สุดยอดมั้ย ต่อเยอะๆ ส่วนผมสงสารมัน ไม่ขี่หรอก


ธงมนต์สีสันสดๆกับแขวนผ่านทะเลสาบฉางโก เห็นน้ำตกด้านหลังมั้ยครับ นั่นกำลังฟรีซอยู่เลย


ดูไปเรื่อยๆนะครับ


ตรงนี้ 4 ตัวเลย


เจ้าตัวนี้เหนื่อย ขอนั่งพักก่อนละกัน


มาตรงจุดนี้บ้าง มีแต่ธงมนต์สีเขียวกับน้ำเงินแฮะ เหลืองมาหน่อยๆ


น้ำตกที่อยู่ทางด้านหลังของทะเลสาบ อากาศหนาวจัดเลยแข็งตัวครับ! เพิ่งเคยเห็น


เจ้าตัวนี้ เขาสีขมพู หวานเชียว


แล้วก็มาเข้าวัดฮินดู Chhangu Baba Mandir เข้าไปไหว้สิ่งศักสิทธิ์ขอพรก่อนครับ


เก็บวิวสวยงามกันต่อไป ลมเย็นดี


จามรีเวลาหายใจออกมาทีก็ควันออกเหมือนเรานี่แหล่ะ เพราะอากาศหนาวเย็นมากๆ เครื่องแต่งกายต้องพร้อมนะครับ บอกไว้เลย


จามรีพร้อมกับป้ายที่บอกด้านหลัง "เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่าปัสสาวะลงในทะเลสาบศักดิศิทธิ์"


ชอบเจ้าจามรีรูปนี้ครับ องค์ประกอบเหมาะเจาะพอดี มีป้ายห้ามทิ้งขยะอยู่ข้างหลังด้วย แถมซ้ายขวาได้คนครึ่งตัว 555


ตรงนี้คนเยอะ แย็คก็เยอะ


ดูเจ้าจามรีกำลังดื่มน้ำครับ เจ้าของเขาพาเดินลงมา


แล้วก็นั่งรถย้อนกลับมาอีก 500 เมตร จุดที่ผ่านมา


ชอบโค้งถนนครับ


ไม่พลาดกับหลักกิโลเมตรบอกทาง จากนี้ อีก 1 กม.ทะเลสาบฉางโก ซึ่งก็ถึงแล้วหล่ะ อีก 18 กม.ถึงนาทูลา


ตรงนี้เป็นทางเดินไปอีกฝั่งนึงครับ มีถนนเล็กๆให้เดินไปได้


ก็ไปเดินเล่นที่จุดนี้กัน มีศาลาด้วย แต่เราไม่ได้เดินไปครับ ไม่อยากเหนื่อยบนที่สูง จะหายใจไม่ออกเอานะครับ


จามรีตัวนี้ คนเลี้ยงกำลังพาเดินมา


ตรงนี้ครับ เป็นสะพานเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบ มีกงมนต์ให้เดินหมุนไปพลางด้วย


ป้ายบอกกงมนต์นี้สร้างในปี 2010 ครับ แล้วเราก็จบตอนนี้ไปด้วยภาพนี้ แล้วเจอกันในตอนต่อไป หลังจากนี้ครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น