วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2551

เนปาล (Day VI) ท่ามกลางอ้อมกอดหิมาลัย ตอน 6 วันสดใสและสภาพร่างกายคืนกลับมาอีกครั้งบนเส้นทางสู่กันดรุ๊ค [4th day trekking]

วันนี้แพลนของพวกเราจะต้องเดินต่อไปยังหมู่บ้านกันดรุ๊ค(Ghandruk) ซึ่งทางลูกหาบบอกว่าใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากพวกเราพลาดที่จะไปให้ถึงทาดาปานีเมื่อวานนี้ ในวันนี้เราจึงต้องเดินนานเพิ่มไปอีก แต่คงไม่เป็นไรมากเพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว ในใจก็หวังว่าคงจะเดินไปถึงกันดรุ๊คทันก่อนค่ำนะ ไม่งั้นคงต้องผิดแผนเป็นครั้งที่สองอีกแน่


=====
Banthanti - Tadapani - Bhaisi Kharka - GhanDruk (1940 m.)
เส้นสีเทา : เส้นทางเดินเทร็คกิ้งวันที่สี่จากบันธานติ(Banthanti) ไปยังกันดรุ๊ค(Ghandruk)
เส้นสีชมพู : เส้นทางเดินเทร็คกิ้งวันที่สามหลังจากลงจากพูนฮิลล์ จากกอเรปานี(Ghorepani) ไปบันธานติ(Banthanti)
เส้นสีน้ำเขียว : เส้นทางเดินขึ้นพูนฮิลล์จุดที่สูงที่สุดบริเวณนั้นในเช้ามืดวันที่สาม เพื่อชมเทือกเขาหิมาลายาในแบบพานอรามา
เส้นสีน้ำตาล : เส้นทางเดินเทร็คกิ้งวันที่สอง จากอุลเลรี(Ulleri)ไปกอเรปานี(Ghorepani)
เส้นสีแดง : เส้นทางเดินเทร็คกิ้งวันแรก จากนายาพุล(Nayapul)ไปอุลเลรี(Ulleri)
เส้นสีน้ำเงิน : เส้นทางจากเมืองโพครา(Pokhara)ไปนายาพุล(Nayapul)



เช้าวันใหม่ประมาณหกโมงครึ่งผมตื่นนอนจากเสียงอะไรสักอย่างเคาะเป็นจังหวะ ตอนแรกไม่นึกอะไรคิดว่าเป็นเสียงของลูกหาบห้องข้างๆมาทำอะไรสักอย่าง แต่มารู้ต้นเสียงจริงๆก็ตอนที่ลุกจากเตียงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง.....เสียงเคาะเป็นจังหวะที่กระจกเป็นผลงานของเจ้านกตัวนี้นี่เอง แหม...มาปลุกก็ไม่บอก


ณ ยามเช้าแห่งนี้สามารถมองเห็นยอดเขาอันนาปุรณะเซ้าท์แบบใกล้ชิดกว่าเดิมอีกครั้ง


จุดนี้เป็นจุดชมยอดเขาอันนาปุรณะเซ้าท์ที่อยู่ใกล้กว่าประทับเกสเฮ้าส์ที่อูลเลรีและพูนฮิลล์ด้วยซ้ำไป ดูยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้นในมุมมองแบบเงยหน้าหลายองศาทีเดียว


ใครจะไปรู้ว่าหมู่บ้านที่อยู่ไกลโพ้นออกไปทางหุบเขาโน้น คือหมู่บ้านอุลเลรีนั่นเอง ไม่น่าเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่เราผ่านมาและไปพักมาแล้วเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา เห็นแล้วก็ย้อนให้คิดว่าเราเดินมาไกลขนาดนั้นได้อย่างไร ข้ามภูเขาไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก


ชอบสโลแกนที่ติดอยู่ใต้หลังคาที่พัก

Take only photographs, Leave only footprints.



รวมทีมตั้งกล้องถ่ายพวกเรากันอีกครั้ง ณ เช้าวันใหม่


จ๊ะเอ๋กำลังจะบินแล้ว.......


ใกล้เวลาทานอาหารเช้าแล้ว เห็นกลิ่นและควันฉุยๆเลยขอเข้าไปดูซะหน่อย เจ้าของเกสเฮ้าส์หมุนตัวออกมาและชูมือให้เราเก็บภาพอย่างชอบอกชอบใจทั้งแม่และลูก :)


ส่วนนี่เป็นลูกชายคนเล็ก เสียดายที่จำชื่อยาวๆไม่ได้แล้ว


ได้เวลาทานอาหารเช้ากันแล้ว เกือบๆ 9:40 น. อาหารที่พวกเราสั่งไว้ในมื้อนี้ซึ่งเประกอบด้วย corn bread, ไข่ดาว,ขนมปัง และชาร้อนๆ


แปดโมงครึ่งก็ได้เวลาออกเดินทาง


ช่วงแรกจากเกสเฮ้าส์ที่บันธันติไปยังทาดาปานีเป็นทางลงเขาตลอด


พอเดินลงจากเกสเฮ้าส์ที่บันธานติเราก็ต้องผ่านสะพานและคราวนี้ก็ถึงช่วงที่ชอบสำหรับผมแล้ว นั่นคือต้องเดินขึ้นอย่างเดียว แถมทางยังโรยด้วยกลีบกุหลาบพันปีอีกด้วย


ราวๆ 10:40 น. เราก็มาถึงเขตหมู่บ้านทาดาปานี(Tadapani) แล้ว ได้ยินเสียงอะไรกำลังเคลื่นไหว ทำให้ผมต้องมองหาต้นกำเนิดเสียงนั้น
นั่นไง....เจ้าลิง Gray Langur เจ้าถิ่นของหมู่บ้านนี้ เราเจอ 2 ตัวด้วยกัน แต่เจอตัวนี้ที่สามารถถ่ายรูปมาได้


แล้วเราก็จะเจอกับชาวบ้านที่กำลังง่วนกับการปรับปรุงทางเดินโดยใช้หินชั้นที่มีอยู่ข้างๆทางนั่นเอง เรากล่าวคำว่า "นมัสเต" และขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษที่ช่วยกันทำสิ่งดีๆแบบนี้ โดยเราได้ร่วมบริจาคเงินสบทบในการปรับปรุงทางในครั้งนี้ด้วย


เข้าสู่หมู่บ้านทาดาปานีอย่างเต็มตัวแล้ว หมู่บ้านที่เราแพลนไว้จะมานอนกันเมื่อคืน แต่ก็ไม่สามารถทำได้


พอขึ้นมาด้านบนก็แทบจะหยุดหายใจเพราะวิวที่เห็นนั้นสวยมากๆอีกแล้ว นึกเสียดายเล็กน้อย แต่พอย้อนกลับไปคำนวณว่าจากเกสท์เฮ้าส์ที่เราพักเมื่อคืนมายังที่นี่ ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงด้วยกัน เราก็เลิกเสียดายขึ้นมา เพราะเมื่อวานเราไม่สามารถเดินมาถึงที่นี่ได้จริงๆ ถ้ามาก็มืดแล้วแถมยังมาถึง 2 ทุ่มอีก คงเป็นไปไม่ได้เลย


ที่นี่ถ้าจะมาพักแนะนำให้พักที่ Panorama Guesthouse เพราะมีหอคอยให้ชมวิวด้วย ยามนี้สามารถเห็นได้เพียงยอดหางปลา หรือมัจฉาปูชเร(Machhapuchhre)เท่านั้น ส่วนยอดอันนาปุรณะเซ้าท์เจอเมฆบดบัง


ณ จุดนี้เราจะมองเห็นยอดมัจฉาปูชเรอย่างชัดเจนมากๆ และที่มาของคำว่า "ยอดหางปลา" ก็ได้ถูกเฉลยโดยไม่ต้องไปถามใครอีก นั่นคือ บนยอดหางปลานั้นจะแยกออกเป็น 2 แฉกคล้ายหางของปลานั่นเอง


ชิลล์ๆ โดยมีน้ำผลไม้กระป๋องยี่ห้อชะบาจากไทยเราวางบนโต๊ะเป็น foreground


เราพักเพียงดื่มน้ำที่ทาดาปานีต่อจากนั้นเราก็เดินต่อเพราะกลัวจะเสียเวลาและยังไม่หิวด้วย ช่วงนี้เดินเข้าไปในป่าอีกครั้ง ทางมีสองแยกดังนั้นควรอ่านป้ายบอกทางดีๆ แต่ก็ไม่ได้ยากหรือเดาทางหลักไม่ออกหรอกครับ


จากป่าทึบก็เดินออกมาสลับกับป่าโล่งๆไม่จำเจดี


ประมาณเที่ยงตรงก็เข้าเขตหมู่บ้าน Bhaisi Kharka


ขอเลือกกำไลมาเป็นของที่ระลึกอีกสักครั้ง


แล้วก็เดินต่อไป ชมวิวน้ำตกเล็กๆระหว่างทาง


บ่ายสองยี่สิบก็มาถึงยังร้านอาหารร้านสุดท้ายก่อนจะเข้ากันดรุ๊ค จุดนี้เราแวะดื่มน้ำผลไม้ชบาอีกครั้ง(จริงๆแล้วผมดื่มคนเดียว) และจ๊ะเอ๋ซื้อช้อนเงินสลักอีก 4 อัน ต่อรองราคาจนเป็นที่พอใจ(แต่ถ้ามาเดินเที่ยวที่น้ำตกเดวี่ เมืองโพคราก็จะทราบว่าของที่ขายตามร้านอาหารบนเขานั้นแพงมากๆ)


เดินต่อไปเมื่อเจอทางแยกก็จะพบกับสัญลักษณ์ลูกศรที่เขียนด้วยชอล์คสีขาวจาก Golf บอกว่าให้ไปทางนี้ ขอบคุณจริงๆครับ


เส้นทางสู่หมู่บ้านกันดรุ๊คยังอีกยาวไกลนักแต่ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่รายล้อม


ขุนเขาที่เรียงรายซ้อนกันไกลออกไปแบ่งแยกแต่ละลูกได้จากเฉดสีที่แตกต่างกัน


บ่ายสามตรงก็เข้าเขตกันดรุ๊คแล้ว ดีใจแทบแย่เพราะวันนี้มาถึงที่พักก่อนบ่ายสี่โมงเย็น เร็วที่สุดในบรรดาทุกวันที่มา trekking กัน



อ้า....บนกันดรุ๊คก็มีสนามวอเลย์บอลให้เล่นด้วยน้า แถมสนามยังจะมาตรฐานด้วยซ้ำไป


ดอกไม้สวยๆริมข้างทาง


เข้ามาเดินในหมู่บ้านกันดรุ๊คอย่างเต็มตัวแล้ว แต่เรายังไม่พักบริเวณแถบนี้


เด็กหญิงน้อยน่ารักเนปาลีที่วันนี้ไร้ซึ่งผ้าปกคลุมด้านล่าง กำลังขอขนมกับเรา


นี่ก็อีก 2 คน ทำมือบอกของ 2 หรือทักทายเราน้าาาา


บางคนก็แบกไม้เพื่อเอาไปต่อเติมอะไรสักอย่าง


ลักษณะบ้านของชาวเนปาลช่างน่ารักจริงๆ


และแล้วก็มาถึงสักที Annapurna Guesthouse เวลาประมาณบ่ายสามครึ่ง เป็นที่พักที่ดูจะหรูที่สุดในบรรดาที่พักบนเส้นทางเดินเทร็คกิ้งพูนฮิลล์นี้แล้ว เพราะเป็นอาคารแบบสมัยใหม่ไม่ได้เป็นบ้านหรือเกสเฮ้าส์ที่ทำด้วยไม้แต่อย่างใด


เช็คอินเสร็จก็ขึ้นไปเก็บของที่ห้องพักโดยเราได้พักที่ห้องริมสุดชั้น 3 วิวสวยอีกแห่งหนึ่งบนที่พักบนเขาแห่งนี้


วิวจากชั้นสามของอาคารที่พัก ถึงแม้จะยังไม่เห็นภูเขาหิมะแต่ก็สวยไปอีกแบบ


บ้านพักของชาวเนปาลี สังเกตขอบหน้าต่างจะมีสีสันสดๆไม่ซ้ำกันในแต่ละหลัง สีน้ำตาลสีฟ้า และสีเขียว จากซ้ายไปขวาตามลำดับ


 บ้านหลังนี้กำลังตากข้าวโพดอยู่หรือเปล่า ?


พอตกเย็นก็ลงมาสั่งอาหารทานกัน เมนูวันนี้เป็นพิซซ่า ไข่ดาว และข้าวผัด ผม จ๊ะเอ๋ และกอล์ฟนั่งคุยกันอยู่นานจนเกือบๆจะสี่ทุ่ม แล้วค่อยแยกย้ายกันขึ้นห้องพัก ลูกหาบเราบอกว่าพรุ่งนี้ให้ตื่นไวๆเพราะกว่าจะถึงนายาพุลก็ต้องใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมง เราเลยนัดกันตื่น 6 โมงเช้าเพื่อลงมาทานอาหารเช้าแล้วออกเดินทางกันในเวลาประมาณ 7 โมง คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของการเทร็คกิ้งแล้ว เรารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะพรุ่งนี้จะได้กลับสู่ตัวเมืองโพคราอีกครั้ง

แล้วค่อยติดตามการเทร็คกิ้งในวันสุดท้ายบนเส้นทางพูนฮิลล์ในวันรุ่งขึ้น ขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่อุตส่าห์เข้ามารอและติดตามอ่านครับ แล้วไว้เจอกันใหม่ ราตรีสวัสดิ์ (_/\_)


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น