วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551

เนปาล (Day VIII) ท่ามกลางอ้อมกอดหิมาลัย ตอน 8 สุขสดชื่นที่เ มื อ ง โ พ ค ร า


หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการไปเทร็คกิ้งทั้ง 5 วันบนเส้นทางพูนฮิลล์ เราก็ได้กลับมาพักผ่อนกันสบายๆอีกครั้งที่เมืองโพครา(อ่านว่า โพ-คะ-รา)

เมื่อคืนหลับไปตอนไหนไม่รู้ คงอาจเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินเกือบทั้งวันขากลับจากกันดรุ๊คแน่เลย มาวันนี้ก็เลยทำให้ตื่นมาพร้อมกับความสุขสดชื่น เพราะได้พักผ่อนเต็มที่นั่นเอง อากาศที่โพคราเริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว ทำให้วันนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อแจ็คเก็ตแต่อย่างใด  

วันนี้เรามีโปรแกรมจะไปเที่ยวในเมืองโพครานี้ เมืองสงบที่ทุกคนที่มาเนปาลควรแวะมาเที่ยวที่นี่ให้ได้ ที่นี่จะไม่ค่อยได้ยินเสียงบีบแตรแบบบ้าระห่ำเหมือนอย่างในเมืองกาฐมาณฑุ ธรรมชาติรอบๆเมืองรอเราอยู่ หรือถ้าไม่ได้ไปไหนไกล ด้านหลังที่เป็นทะเลสาบเฟวาก็ยังสามารถเดินเล่นรอบๆ ล่องเรือชมทะเลสาบไปก็ได้ แต่เราเองมีโปรแกรมที่จะไปสถานที่น่าสนใจในเมืองนี้อยู่แล้ว โดยเราได้คุยกับรามคนที่เป็นเอเย่นต์ติดต่อลูกหาบและหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพงกลับกาฐมาณฑุให้เรา โดยวันนี้เราจะไปสถานที่ดังนี้
1.น้ำตกเดวี่(Devi Fall)
2.ศูนย์อพยพชาวทิเบต 
3.วัด Bindhabasini
4.แม่น้ำเซติ(Seti river)
5.พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองโพครา 
ตามลำดับ  แล้วกลับมาตัวเมืองโพคราอีกครั้ง วันนี้จึงดูสบายๆ ไม่มีการเดินทรหดอีกต่อไปแล้ว


เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเสร็จเราก็มารับมาทานอาหารเช้าแบบอเมริกันและกาแฟสดที่ร้านเบเกอรี่ข้างๆ กอล์ฟซึ่งลงมาก่อนได้ให้ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศกับเราโดยเราจะบินกลับตัวเมืองกาฐมาณฑุในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยสายการบิน Seti Air ราคาคนละ 80 USD อย่างที่บอกไปแล้ว


ระหว่างรออาหารก็เก็บภาพความเป็นอยู่ของชาวเมืองโพครา ในรูปเป็นคนพิการที่ต้องช่วยเหลือตัวเองใช้มือถัดไปเรื่อยๆบนล้อเลื่อน


หลังจากคนครัวหายไปด้านหลังร้านอยู่นาน สุดท้ายก็กลับออกมาพร้อมอาหารที่สั่งไว้ เป็นไข่ดาว, ขนมปัง, ชามิ้นท์


ส่วนกาแฟสด คาปูชิโนร้อนแก้วนี้ต้องสั่งเพิ่มเอง หลังจากห่างหายจากกาแฟสดไปนาน ในที่สุดก็ได้มาชิมกาแฟสดที่โพครา เนปาลแห่งนี้แล้ว


ส่วนคนนี้คือ "ราม" ไกด์ที่ทำหน้าที่เอเย่นท์นิสัยดีคอยหาลูกหาบ, แท็กซี่ ดูโปรแกรมเที่ยวโพคราคร่าวๆให้ และหาตั๋วเครื่องบินกลับกาฐมาณฑุให้เรา
เบอร์ติดต่อ : 00977-98460-38260
email : lakeside_061@yahoo.com.np (รู้สึก email จะติดต่อไม่ได้แล้ว)
Fish-Tail Tours & Travels (P.) Ltd. or Seven Lakes Tours & Travels (P.) Ltd.



คันนี้แหล่ะที่จะพาเราไปเที่ยวกันในวันนี้ หรูสุดในเมืองโพคราแล้วนะ


เรามาเริ่มกันที่แรกเลยละกัน ขับไปจากออฟฟิศหรือโรงแรมที่พักไม่นานนักก็ถึงทางเข้าน้ำตกเดวี่ ที่นี่เราจะต้องเสียเงินค่าเข้าชม จำไม่ผิดคนละ 20 Rs.


น้ำตกเดวี่ น้ำตกที่ตั้งชื่อตามคนที่ตกลงไปตายซึ่งเป็นชาวสวิสเนื่องจากโดนกระแสน้ำพัด


น้ำตกเดวี่ในยามนี้น้ำน้อยไปมาก ถ้ามาช่วงหน้าฝนหรือน้ำหลากจะเห็นน้ำเต็มบนร่องด้านบนก่อนที่จะตกลงมาเป็นเกลียวด้านล่าง ก้มมองลงไปตามทิศทางน้ำช่างลึกเสียจริงๆ


แล้วก็มาโยนเหรียญอธิษฐานในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เราทั้งสาม(ผม, จ๊ะเอ๋ และกอล์ฟ) ต่างก็โยนเหรียญบาทลงไปกัน ผลปรากฏว่า ลงบนแท่นทั้ง 3 คน แสดงว่าได้ตามที่อธิษฐานไว้นะสิ แต่...อธิษฐานอะไรขอไม่บอกละกันครับ ค่อยมาเฉลยท้ายๆละกัน
ปล.เห็นเหรียญบาทไทยสีเงินที่จมอยู่ทั้ง 3 เหรียญมั้ยครับ ?



ออกจากน้ำตกเดวี่ เดินออกมาไม่ไกลกันนักก็เป็นแหล่งขายของที่ระลึกซึ่งเปรียบเสมือนแหล่งขายส่งเลยก็ว่าได้ ดูอย่างกล่องที่มีลวดลายสวยงามร้านนี้มีขายกันยกเซ็ทเลย


ส่วนร้านนี้ขอบอกว่าขายของแต่ละอย่างถูกมากๆๆๆ เช่นโปสการ์ดที่เราได้ซื้อมาที่ย่านเลคไซด์ว่าถูกแล้ว 12 ใบ 100 Rs. หรือใบละ 5 บาท แต่มาร้านนี้ขายใบละ 5 Rs. ซึ่งราคาเพียงใบละ 2.50 บาทเท่านั้น !!! ถูกกว่า 50% ! แถมผ้าขนแย็คก็ราคาไม่แพง หรือไม่ว่าจะเป็นสร้อยเชือกสีดำที่ตัวล็อกเก็ททำจากกระดูกของแย็ค(Yak Bone)ราคาเพียงเส้นละ 20 Rs. แถมซื้อมากยังแถมอีกด้วย เราเลยช็อบของที่ระลึกที่นี่กันกระจายอีกครั้ง


ซื้อของที่ระลึกเสร็จก็ออกมาทานน้ำดื่มกัน ร้านี้ขายขนมที่ทำด้วยแป้งหลายชนิดน่าทานมากๆ เสียดายไม่ได้ซื้อมาชิม


แล้วก็ไปต่อที่ศูนย์อพยพชาวธิเบต ที่นี่จะมีขายพรมเยอะมากๆเนื่องจากเป็นสินค้าประจำชาติของเขา ลวดลายก็มีหลากหลายให้เลือก


บริเวณนั้นก็จะมีวัดธิเบตด้วย ลงรถมาเห็นเณรทั้งสองกำลังประลองวิทยายุทธกัน


เข้าไปกราบพระประธานสไตล์ธิเบตกันครับ เราได้ถูกเชื้อเชิญจากพระที่เดินเข้ามาเปิดประตูโบสถ์ให้


ออกจากศูนย์อพยพชาวธิเบตผ่านตึกสวยๆโบราณๆของชาวเมืองโพครากันก่อน อดใจไม่ไหวที่จะขอคนขับให้หยุดรถเพื่อลงไปเก็บภาพ


ดูๆแล้ว ตึกนี้ท่าทางจะร้าง ไม่มีผู้คนอาศัยหรือขายของอยู่เลย


ไม่นานเราก็มาถึงวัด Bindhabasani วัดที่มีคนเคารพนับถือมากที่สุดของเมืองโพครา และแถมยังมีอายุมากที่สุดถึง 700 ปีด้วยกัน


วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดของชาวเนปาล เราจะพบชาวฮินดูมาที่วัดแห่งนี้เพื่อทำบุญกันเยอะมาก บางคู่ก็ถือโอกาสฤกษ์ดีมาทำฑิธีแต่งงานกันที่วัดแห่งนี้ ดีใจกับคู่นี้ด้วยครับ


หรือใครเห็นว่าดวงจะตกก็อาจมาดูโชคชะตาและขอรับคำชี้แนะถึงหนทางสะเดาะเคราะห์ได้จากนักบวชท่านนี้ก็เป็นได้


บนวัดนี้ถ้าท่านเป็นนักท่องเที่ยว ไม่นานจะมีคนเนปาลมาให้คำแนะนำท่านคล้ายๆกับไกด์บอกเล่าเรื่องราวต่างๆของวัดแห่งนี้ โดยเราทั้งสามโนไกด์เข้ามาคอยคุยด้วยกันถึงสามคน แต่เราก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรมากนักเพราะข้อมูลจากไกด์นั่นเองที่เป็นประโยชน์ในการชมวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก สุดท้ายไกด์ที่มาให้ข้อมูลเราก็จะขอค่าตอบแทนเป็นค่าซื้อหนังสือเกี่ยวกับศาสนาซึ่งราคา 50 USD แต่แล้วแต่เราจะให้เท่าไหร่ก็ได้ เราเลยให้ไปเท่าที่จะให้ได้


เปลี่ยนมาชมวิวมุมสูงกันบ้าง เสียดายวันนี้ฟ้าไม่เคลียร์ไม่งั้นได้เห็นเทือกเขาหิมาลัยบนนี้แล้ว


รูปปั้นวัวส่งท้ายสำหรับวัดนี้


แล้วก็ไปต่อที่แม่น้ำเซติ


ลงมาช่วงแรกจะเจอกับอุโมงค์น้ำซึ่งน้ำจะสีขาวคล้ายนม ลองตักมาสัมผัสก็จะพบว่าเย็น


มองลงไปยังแม่น้ำจริงๆ เห็นกระแสน้ำแล้วท่าทางจะไหลเร็วน่าดู


พอช่วงบ่ายๆก็ไปกันต่อที่พิพิธภัณฑ์เก่าของเมืองโพคะรา


ที่นี่จะเต็มไปด้วยข้อมูลเริ่มแรกของชาวเนปาลว่ามาจากไหน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างไรบ้าง


ซุ้มนี้เป็นวัฒนธรรมเริ่มต้นสมัยก่อนของชาวเนปาลี ก็เหมือนกับชาวเขาในบ้านเราหล่ะครับ


อันนี้พวกเครื่องใช้สมัยโบราณ เช่นภาชนะใส่น้ำ กระบวยตักน้ำ ที่ทำด้วยโลหะและไม้


การแต่งกายของชาวเนปาลีสมัยก่อน ทั้งชายและหญิง


เครื่องใช้ไม้สอยทางการเกษตร เช่นเคียว คราด ฯลฯ


มุมนี้เป็นโมเดลจำลองรูปแบบบ้านของชาวเนปาลีแบบต่างๆ ด้านขวาสุดน่าจะพบเห็นกันทั่วไปในสมัยนี้ อย่างที่เราได้แวะถ่ายรูปเมื่อสักครู่ก่อนมา


การทำนา ทั้งไถนาด้วยควาย และการดำนาครับ เหมือนๆในไทยเรา


อันนี้เป็นเครื่องดนตรีครับ ดูๆแล้วก็จะมีคล้ายๆ ฉาบ แตร กลอง อันยาวๆโค้งๆคงให้เสียงทุ้มมากๆ คล้ายใช้ในพวกสมัยโบราณของอะบอริจิ้น พวกชนพื้นเมืองชาวออสซี่


อันนี้เป็นอุปกรณ์เสพบารากู่


จนมาจบที่พิธีฝังศพของชาวเนปาลีครับ เป็นอันว่าดูครบหมดในพิพิธภัณฑ์เก่าเมืองโพคะรานี้ โดยเราใช้เวลากับที่นี่ประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้


พอช่วงบ่ายๆเราก็เสร็จสิ้นกับการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเมืองโพคราแห่งนี้ เลยกลับมานั่งชมวิวที่ร้านข้างๆถนนย่านเลคไซด์


ที่เนปาล...เราจะเห็นวัวหรือควายเดินไปมาตามท้องถนนอย่างเป็นปกติธรรมดาทั่วไป เสมือนกับเป็นเพื่อนร่วมทางคนนึง แต่ถ้ามาเดินบนถนนในกรุงเทพคงแปลกพิลึกน่าดู


ได้เวลาหาอะไรใส่ท้องกันก่อนครับ เป็นมื้อบ่ายๆ จานนี้สเต๊กเนื้อจ้าาา


พอหัวค่ำสักพักไฟที่เมืองนี้ก็ดับลง เหลือแต่ไฟสลัวๆจากรถยนต์ตามท้องถนนและเครื่องปั่นไฟบางร้านเท่านั้น บางร้านไม่มีเครื่องปั่นไฟก็จะเห็นเพียงแสงเทียน


ตามข้างทางจะเจอกับร้านขายเสื้อผ้าเยอะแยะเลย  ผมสั่งเสื้อยืดที่ปักสัญลักษณ์ดวงตาเห็นธรรมถึงสองตัว โดยอีกตัวมีตัวอักษรว่า Never End Peace And Love โดยสั่งเขาให้ทำตามแบบที่เราเลือกได้เราเลยสั่งปักเสื้อลายที่ต้องการ จำนวน 2 ตัว แล้วค่อยกลับมาเอา


ค่ำนี้เราจะเดินช็อปกันที่ย่านเลคไซด์แห่งนี้ ต่อจากนั้นก็มาทานอาหารมื้อค่ำกัน ร้านนี้ท่าจะเวิร์คสุด


พอทานอาหารเสร็จก็สั่ง Crape Banana Rum น่าทานมั้ย ?? อร่อยมากๆเลยครับ


สุดท้ายของวันนี้ด้วยเบียร์ San Miguel จะได้ไม่ซ้ำกับที่เคยดื่มมาในวันก่อน เป็นอันว่ามาชิมเบียร์ของเนปาลถึง 3 ยี่ห้อด้วยกัน วันนี้คงหลับฝันดีเพราะฤทธิ์เบียร์

แล้วมาติดตามกันต่อในวันรุ่งขึ้น วันที่เราจะต้องบินกลับกาฐมาณฑุด้วยเครื่องบินเล็กแบบใบพัดกัน มาดูกันว่าจะสนุกตื่นเต้นแค่ไหน วิวบนเครื่องเป็นอย่างไร และเราจะไปไหนอีกที่เมืองหลวงกาฐมาณฑุ ?

ขอบคุณเพื่อนๆที่มาติดตามให้กำลังใจในกระทู้เนปาลของผมนะครับ นอนหลับฝันดีครับ ราตรีสวัสดิ์ (_/\_)

Original Published on http://www.pantip.com at [ 20 พ.ค. 51 20:24:21 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/05/E6625576/E6625576.html


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น