วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2551

เนปาล (Day V) ท่ามกลางอ้อมกอดหิมาลัย ตอน 5 Poon Hill's A Great View in the World [3rd day trekking]


ตีสามสี่สิบห้า ผมรู้สึกตัวตื่นแต่ยังไม่ได้ขยับตัว ในใจนึกลุ้นว่าถ้าขยับขาที่ขดอยู่ในผ้าห่มหนาๆแล้วมันจะรู้สึกเจ็บและพอที่จะขยับเขยื้อนได้หรือไม่ ? วินาทีนี้ช่างยากที่จะผ่านไปเสียจริงๆ เพราะถ้าผลออกมาผมขยับขาแล้วปวดเข่ามากๆก็เป็นอันว่าเช้ามืดวันนี้คงจบกัน ไม่ได้ขึ้นพูนฮิลล์อย่างที่ตั้งใจไว้ คงทำได้เพียงนอนหนาวใต้ผ้าห่มต่อไป และส่งกำลังใจให้เพื่อนๆที่ไปได้แล้วรอลุ้นของตัวเองในวันรุ่งขึ้นต่อไป

แต่แล้ววินาทีนั้นเมื่อผมค่อยๆขยับขาทั้งสองข้างแบบพลิกไปอีกทางผลออกมาคือ..........

ผมไม่รู้สึกปวดและเจ็บเหมือนเมื่อหัวค่ำอีกเลย คงเหลือเพียงล้าๆขา เล็กๆน้อยๆ เท่านั้น งั้นก็แสดงว่า "ปาฏิหาริย์มีจริง" ได้ยาเทวดาจากเจ้ากอล์ฟมาช่วยไว้ทัน ผมดีใจแทบแย่ และบอกคนข้างๆว่าสามารถขึ้นไปชมวิวที่สวยที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ด้วยกันแล้ว หลังจากนั้นเลยออกไปล้างหน้าแปรงฟันที่ชั้นล่างและรวมตัวกันเพื่อเดินเท้าขึ้นไปยังพูนฮิลล์(Poon Hill) ที่ระดับความสูง 3,210 เมตรจากระดับน้ำทะเลกันต่อไป

** 5 ปีต่อมา เดือนสิงหาคม 2556 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเข้าใจสาเหตุของอาการปวดเข่าและขาของตัวเองจนหมดสิ้น นั่นคือ ผมพบว่า ตัวเองเป็นโรคกระดูกสันหลังอักเสบติดยึด/โรคหลังแข็ง หรือ ภาษาทางการแพทย์เรียกว่า Ankylosing Spondylitis เรียกย่อๆ ว่า AS


=====
Ghorepani (2874 m.) - Poon Hill (3210 m.)
เส้นสีน้ำเขียว : เส้นทางเดินขึ้นพูนฮิลล์จุดที่สูงที่สุดบริเวณนั้นในเช้ามืดวันที่สาม เพื่อชมเทือกเขาหิมาลายาในแบบพานอรามา
เส้นสีน้ำตาล : เส้นทางเดินเทร็คกิ้งวันที่สอง จากอุลเลรี(Ulleri)ไปกอเรปานี(Ghorepani)
เส้นสีแดง : เส้นทางเดินเทร็คกิ้งวันแรก จากนายาพุล(Nayapul)ไปอุลเลรี(Ulleri)
เส้นสีน้ำเงิน : เส้นทางจากเมืองโพครา(Pokhara)ไปนายาพุล(Nayapul)


พวกเราทั้งห้าคนค่อยๆเดินจากที่พักไปตามทางที่ผมมาดูไว้ก่อนแล้วเมื่อวานนี้ แน่นอนว่าเช้ามืดนี้หนาวเหน็บเหลือเกิน ดูอุณหภูมิที่นาฬิกาบอกไว้คือประมาณ 5 องศา ผมใส่เสื้อ 3 ตัว เสื้อใน เสื้อขนไหมพรหม และแจ็คเก็ตตัวนอก ถุงมือก็สำคัญถ้าไม่ใส่จะรู้สึกเย็นมือและอาจชาไปก็ได้
ตอนนี้มีเพียงไฟฉายของพวกเรานำพาเราไปตามเส้นทางที่ขึ้นพูนฮิลล์ เราเลือกเดินไปทางด้านซ้ายมือ เส้นทางสามารถไปได้ไม่หลงเพราะมีทางขึ้นไปเส้นเดียว แต่ถ้าใครไปทางขวามือไม่นานก้จะมาบรรจบกันอีกที
เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ชันมากนักแต่ก้พอจะทำให้หอบเหมือนกัน เดินไปสักพักก็มาถึงยังป้ายแสดงการต้อนรับ ซึ่งเป็นประตูที่เปิดปิดเป็นเวลาตามฤดูกาล โดยขณะนี้เป็นเวลาประมาณ 4:35 น.


ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ไม่ชันมากเหมือนกับตอนไปคินาบาลูที่ต้องขึ้น summit ไป Low's Peak เวลาตีสองครึ่ง
แต่แล้วแสงของวันใหม่ก็รีบเร่งเรามาติดๆ เลยมาฉายแสงตอนเวลาประมาณ 5:15 น.  เลยต้องหยุดเก็บภาพแสงแรกของวันระหว่างทางก่อน


ค่อยๆเก็บภาพภูเขาขาวโพลนที่ค่อยๆปรากฏกายขึ้นท่ามกลางความมืดระหว่างทาง ดีอย่างทำให้หยุดพักเหนื่อยไปในตัว ที่เห็นในรูปจากซ้ายมือคือ Annapurna I, Annapurna South, Hiunchuli และ Machhapuchhre(มัจฉาปูชเร) หรือยอดหางปลานั่นเอง คงรู้คำตอบกันตอนนี้แล้วว่าทำไมถึงชื่อว่ายอดหางปลา ? ก็เพราะแยกเป็น 2 แฉกคล้ายหางปลานั่นเอง


มาดูกันใกล้ๆกับสองยอดเขาแรกของเทือกเขาหิมาลายาช่วงอันนาปุรณะ โดยยอด Annapurna I ทางซ้ายมือจะมีความสูงมากที่สุดบนเทือกเขาช่วงนี้สูงกว่า Annapurna South ที่อยู่ทางขวาซึ่งมุมมองที่เห็นมันตรงข้ามกันเลยทำให้ผมเข้าใจผิดว่ายอดทางขวาสูงสุดซะอีก


เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน การเคลื่อนที่ของเมฆที่ปกคลุมยอดเขาทั้งสองก็เป็นไป


อ้าว....ใกล้ความจริงแล้ว หอคอยดูวิวมุมสูงแบบพานอรามา


พอถ่ายแบบไวด์ดันดูเหมือนไกล แต่จริงๆเกือบถึงมากๆแล้ว


กอล์ฟขึ้นไปรอเราที่ด้านบนหอคอยแล้ว แถมยังเป็นคนที่ขึ้นมาบนพูนฮิลล์ในวันนี้เป็นคนแรกอีกซะด้วย เยี่ยมจริงๆ


แสงสีทองส่องมาทางยอดมัจฉาปูชเรแล้ว ไม่นานบริเวณนี้คงสว่างขึ้นทั้งหมด


และก็ตามด้วย Annapurna I, Annapurna South และ Hiunchuli จากซ้ายมือตามลำดับ


หันไปมองฝั่งซ้ายมือของหอคอยบ้าง แสงสีทองกำลังทาบยอดเขาดอลากีรี 1 (Dhaulagiri I) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดบนเทือกเขาหิมาลายาช่วง Dhaulagiri ประกบข้างด้านซ้ายด้วยยอด Dhaulagiri II และ Tukuche ด้านขวามือ


ณ วินาทีนี้ด้านบนหอคอยคงไม่ต่างอะไรกับงานแสดงอะไรสักอย่างเพราะชุมนุมช่างภาพเยอะมาก ต่างคนก็ต่างที่จะมาเก้บภาพสำคัญที่ตัวเองรอมานาน 2-3 วันก่อนที่จะเดินเทร็คกิ้งมาถึง


นักท่องเที่ยวต่างนั่งชมวิวไปจิบกาแฟร้อนไป ช่างมีความสุขจริงจริ๊ง


คราวนี้เรามาดูวิวแบบพานอรามาที่ใครๆมาถึงที่นี่ก็ต้องได้ชมกันแบบอิ่มเอมด้วยตา แต่ถ้าใครยังไม่ได้มาเห็นด้วยตัวเองผมขอถ่ายทอดแบบถ่ายภาพแล้วนำมาต่อกันด้วยโปรแกรม Photo Stitch กันครับ โดยผมจะแสดงยอดเขาต่างๆตามลูกศรและความสูงของทั้งสองช่วงคือช่วง Dhaulagiri และช่วง Annapurna ถ้ามียอดเขาไหนผิดพลาดช่วงแจ้งด้วยนะครับ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง

++++++++++
1.Gurja Peak               7193 m
2.Dhaulagiri IV            7661 m
3.Dhaulagiri V             7618 m
4.Dhaulagiri III            7715 m
5.Dhaulagiri II             7751 m
6.Dhaulagiri I              8172 m
7.Tukuche                  6920 m
8.Dhampus pass         5258 m 
9.Dhampus peak         6012 m
10.Nilgiri                    7061 m
11.Annapurna I           8091 m
12.Annapurna South    7219 m
13.Hiunchuli                6441 m
14.Machhapuchhre      6997 m
++++++++++


จ๊ะเอ๋กับแบ็คกราวนด์ยอดเขาดอลากีรี


เต็มอิ่มกับวิวเทือกเขาหิมาลายาด้านบนแล้วก็ลงมาหาอะไรร้อนๆดื่มกัน มีช็อคโกแล็ตร้อน ชาร้อน หรือกาแฟร้อน ราคาถ้วยละ 70 Rs.


ช็อคโกแล็ตร้อนสักถ้วยมั้ยคะ ?


พอสายๆ นักท่องเที่ยวเริ่มทะยอยกันเดินลง เราก็เลยได้โอกาสถ่ายรูปกัน ต่อไปนี้จะเป็นรูปของพวกเราครับ


จิบช็อคโกแล็ตร้อนๆ อิงกับบรรยากาศเทือกเขาหิมาลายาช่างมีความสุขซะจริงจริ๊ง รูปนี้ชอบมากๆ แสงและการวางองค์ประกอบได้เลย เลยนำรูปนี้มาเป็นรูปโปรไฟล์ของผลิตภัณฑ์ Gmail ครับ


ก่อนมาผมสัญญากับเธอว่าจะมาร้องเพลง These Little Things ของน้อยวงพรูที่พูนฮิลล์แห่งนี้ เพราะเนื้อเพลงมีความหมายมาก แต่ O2 Atom ดันแบ็ตหมด เลยได้แต่ฮัมแบบดำน้ำไปครับ



Music Video ที่ผมทำเมื่อ 11 พย. 2560
+=+=+=+=+
Give me one kiss
May be one smile
Only one touch
And that's enough

I see the sunrise
It shines from your eyes
That's where thr truth lies
This must be love

So hold me tight
What are these little thing I feel tonight?
Tell me now
I close my eyes
And I can see the love you keep inside
These little things you bring to me it's love

Take me someplace
Where the blue sky
keeps the moonlight
To shine for us

I am now yours
'Cos you'er in my soul
I know that it's sure
For I'm in love

So hold me tight
What are these little thing I feel tonight?
Tell me now
I close my eyes
And I can see the love you keep inside
These little things you bring to me it's love

These little things you bring to me it's love
Hoooh... It's love
It's love
Hoooh... It's love
It's love
Hoooh... these little things you bring to me it's love
+=+=+=+=+


แทบไม่น่าเชื่อว่ามาเห็นวิวแบบนี้กับตาตัวเอง


ณ พูนฮิลล์แห่งนี้เสมือนมีเราเพียงสองคน


กลับมาดูทีมงานในทริปนี้เราหน่อยครับ กว่าจะมาถึงได้ แทบสะบักสะบอมกัน โดยที่ผมเหนื่อยสุดๆ 555


หอคอยที่เราขึ้นไปชมวิว ยามนี้ร้างผู้คน


เรามาเล่นอะไรกันสนุกๆดีกว่า อย่างเช่นถอนไม้ปักป้ายพูนฮิลล์ (Poon Hill) นี้ไง ??? 555


เอามาให้ดูกันหลายๆมุมนะครับ กล้องหลายตัว


อีกมุมจากกล้องอีกตัวจ้า
ปล.ไม่ได้ถอนจริงนะจ๊ะ เดี๋ยวจะหาว่าไปทำลายข้าวของสถานที่ท่องเที่ยว อิอิ


แล้วก็มากระโดดกัน ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้กระโดดบนยอดเขาพูนฮิลล์ ที่สูงถึงระดับ 3210 เมตรด้วยกัน มุมนี้เพิ่มมาพิเศษเลยครับ ปกติกระทู้ดั้งเดิมที่ห้อง BP ไม่มีมุมนี้ครับ



ส่วนรูปนี้มุมเดิมจ้า



กับเจ้ากอล์ฟมั่ง น้องๆที่ได้เห็นรูปนี้บอกมาคล้ายๆหนังเรื่อง "The Matrix"


ไม่นาน ร้านที่ขายเครื่องดื่มร้อนก็หายไปด้วย


ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกลา พวกเราลาจากพูนฮิลล์ 3210 เมตรตอนประมาณ 7:45 น. ทิ้งไว้เพียงความประทับใจของพวกเราทั้งห้าคน


ขอแถมรูปป้ายพูนฮิลล์ 3210 m. นี้ที่ Google Photo ทำให้ครับ สวยงามมากๆ


ป้ายพูนฮิลล์ 3210 m.อีกแบบหนึ่งทำจาก falling snow gif animation


ระหว่างทางเดินลงก็พบกับดอกกุหลาบพันปีสีแดงสดใส ตัดกับเทือกเขาหิมาลัยสีขาวสวยได้ใจทีเดียว


ตอนนี้เดินลงและถ่ายรูปอย่างเดียว ยอดเขาที่อยู่ตรงหน้าชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว


เห็นวิวแบบนี้ในโปสการ์ดที่วางขายในโพครามาบ้าง แต่ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาพบวิวแบบเดียวกันในครั้งนี้


ขาผมเริ่มปวดขึ้นมาอีกแล้ววว แต่ยังดีที่มีวิวสวยๆและคนข้างๆคอยปลอบประโลมอยู่


ยอดเขาดอลากีรีอีกครั้งผสานกับต้นกุหลาบพันปี


จุดนี้เองที่มีธงมนตราที่เราเคยเข้าใจผิดว่าเป็นพูนฮิลล์ตอนเดินเข้ามาที่กอเรปานีเมื่อวานเย็น


อีกรูปกับเทือกเขาหิมาลายาช่วงดอลากีรีกับช่วงอันนาปุรณะผสานกับท้องทุ่งสีทองของหญ้าและสีแดงของดอกกุหลาบพันปี !


เราเดินเข้าไปดูตรงจุดที่มีลักษณะคล้ายบ้าน


ช่วงนี้ขอเราอิ่มเอมกับธงมนตราธงที่มีบทสวดมนต์ตามผืนผ้าหลากหลายสี


เฮ้อ......


ขอหยุดเวลาไว้แค่นี้ได้มั้ย ?


เราทั้งสองเพลินอยู่ ณ จุดนี้นานมาก จนมีเจ้าถิ่นคุ้มครองท้องฟ้าแถบนี้บินมาเกาะพักเหนื่อย


ได้เห็นธงมนตราสีสันสดใสปลิวไสวตามแรงลมแล้วรู้สึกอิ่มเอมยังไงบอกไม่ถูก


ใครก็ได้ช่วยบอกหน่อยว่าเราทั้งคู่ฝันไปบนดินแดนที่ใครหลายคนฝันว่าจะมาสักครั้ง....เนปาลแห่งนี้


ยอดอันนาปุรณะเซ้าท์สูงตระหง่านน่าเกรงขาม บึกบินราวกับผู้ชายแต่ก็อ่อนโยนได้ด้วยต้นกุหลาบพันปีที่สวยสดชื่นราวกับหญิงสาวที่ขึ้นอยู่บริเวณรอบๆ


เดินลงมาจวนจะถึงตีนทางขึ้นแล้ว เกสเฮ้าส์ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่มีจุดชมวิวที่สวยงาม ขึ้นมาไม่ไกลมากนักจากหมู่บ้านด้านล่าง


กว่าจะเดินลงมาถึงก็แทบแย่เพราะอาการปวดเข่าเริ่มกลับเข้ามาเยือนอีกแว้ววว


มาถึงยังที่พัก Tukuche Peak View ก็สั่งอาหารเลยเพราะเราต้องรีบเดินต่อไปยังทาดาปานี(Tadapani) ในวันนี้ เราเลือกสั่งง่ายๆพอทานลงคือแพนเค้กแอ็ปเปิ้ลนั่นเอง ในที่รับประทานอาหารก็ยังสามารถมองเห็นยอดตูคูเช จะไม่ให้เห็นได้อย่างไรเพราะหยิบมาเป็นชื่อโรงแรม

ผมคงต้องจบการเดินทางไปชมวิวที่พูนฮิลล์ไว้แค่นี้ก่อน แล้วค่อยมาติดตามต่อไปในตอนหน้า การเดินทางอันทรหดสู่ทาดาปานี สวัสดีครับที่พลัดหลงเข้ามาในกระทู้นี้

Original Published on http://www.pantip.com at [ 8 พ.ค. 51 11:45:04 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/05/E6587980/E6587980.html



เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น