ความรู้สึกจริงๆในวันนี้ก็คือ รู้สึกดีใจมากๆที่จะได้กลับบ้าน กลับประเทศไทยเราที่หลายๆอย่างสวิสให้ไม่ได้ อย่างเช่นความโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือกัน ความมีน้ำใจและการที่ไม่ได้ดูถูกชาวเอเชียจนเกินไปนัก แต่ก็ใช่ว่าจะดูเลวร้ายไปซะหมด เพราะตลอด 15 วันของผมนั้นได้เจอชาวสวิสที่ใจดีเข้ามาช่วยเหลือหลายคนทีเดียว เขาเหล่านั้นจะถูกผมจดจำไปนานแสนนาน ผมเองเริ่มเบื่อๆก็ตอนที่ต้องออกค่าใช้จ่ายเองในวันที่ 7 นี่หล่ะครับ 555 เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงเกินความเป็นจริงนั่นเอง ขนาดแค่จะเอาตัวรอดดำรงชีวิตไปวันๆ แบบให้ท้องอิ่มยังจะไม่ค่อยจะได้เลย
เอาหล่ะ...เดี๋ยวจะหาว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไม่ดีไปหมด จริงๆธรรมชาติก็สวยตามที่เขาว่าไว้นะครับ แต่อาจจะมีบางมุมมองที่ต้องแก้ไขกันบ้าง วันสุดท้ายนี้ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าจะขึ้นไปชมวิวที่โบสถ์ Gross Munster ดูวิวเมืองซูริคช่วงแม่น้ำ Limmat และคงใช้เวลาที่เหลือในวันสุดท้ายแค่นี้พอไม่ไปไหนอีกแล้ว เพราะผมจะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทยก่อนคนเดียวโดยเครื่องบินของการบินไทยไฟล์ทเวลา 13:30 น. นั่นแสดงว่าต้องไปถึงสนามบินซูริคก่อน 11:30 น. ส่วนอีกสองคนเขาจะมีเวลาอยู่ต่อถึง 20:30 น. ถึงจะบินกลับในเวลา 22:30 น.ด้วยสายการบินอิมิเรตส์ ดังนั้นวันนี้จึงมีแค่รูปด้านบนโบสถ์ Gross Munster เท่านั้น เรามาเริ่มชมกันเลยครับ
==========
Today plan(8) : Zurich - Gross Munster --> Bangkok, THAILAND
ตื่นเช้ามาอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ลงมาชั้นที่บริการอาหารเช้าของโรงแรม มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่เราได้ทานอาหารเช้าฟรีซึ่งรวมอยู่ในราคาห้องพักแล้ว ผิดกับ 6 วันที่ผ่านมาที่ไม่มีอาหารเช้าให้ แต่ไม่เป็นไรเราก็หาทานแบบง่ายๆตามสถานีรถไฟกันไปแล้ว
อาหารเช้าที่นี่ก็ไม่มีอะไรเด่นนัก จะมีก็เพียงขนมปังปิ้งหรือคอนเฟล็กซ์ใส่นม เครื่องดื่มร้อนก็จะมีชาหรือไม่ก็กาแฟ เห็นชาวสวิสเองบางคนโดยเฉพาะลุงแก่ๆเขาเอาผ้าเช็ดหน้ามาใส่ขนมปังตุนไว้ด้วย นอกจากที่หยิบมาทานบนโต๊ะแล้ว แปลกจัง อย่างนี้ก็มีด้วยเพิ่งเคยเห็น
ระหว่างทานอาหารเช้าก็มองผ่านบานเกร็ดชมวิวท้องถนน ยามเช้าแบบนี้มีคนเดินไม่มากนัก
ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปยังห้องพักอีกครั้งเพื่อเก็บสัมภาระเตรียมตัวเช็คเอาท์ในตอนที่กลับมาจากไปชมวิวที่โบสถ์
ช่วงแรกจะต้องเดินขึ้นบันไดวนแคบๆซึ่งถ้าเจอคนเดินลงมาก็เรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะต้องทำตัวลีบกันมากๆ แต่โชคดีช่วงเช้านี้มีแตคนที่กำลังเดินขึ้นไปเช่นเรา สักพักก็มาถึงยังจุดที่โล่งขึ้นแล้ว สามารถเดินได้แบบปกติธรรมดาซึ่งเป็นบันไดไม้ ทำขึ้นมาเฉพาะ
ในโถงนี้ก็จะมีรูปถ่ายวิวที่มองจากด้านบนโบสถ์แห่งนี้เช่นกัน นักท่องเที่ยวเดินขึ้นมาก็ต้องหยุดเพื่อชมภาพดังกล่าว
ในที่สุดก็เดินขึ้นมายังด้านบนจุดชมวิวจนได้ ใช้เวลาเดินไม่เกิน 10 นาทีแต่ก็หอบเหมือนกัน
โบสถ์ทั้งสองคือ Fraumunster กับ St. Peter จากซ้ายไปขวาตามลำดับ ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซูริคเช่นเดียวกับโบสถ์ Gross Munster ที่เรากำลังยืนชมวิวอยู่นี่เอง
โบสถ์ Fraumunster กับสะพาน Munster brucke ที่พาดข้ามแม่น้ำ Limmat
ซูมเข้าไปดูใกล้ๆหน่อย
ซูมเข้าไปอีก ภาพไม่ใสเลยวันนี้
ได้เวลาชมวิวมุมสูงสักพักก็ได้เวลาเดินลงมากันแล้ว
จากนั้นก็ขึ้นไปเอาสัมภาระที่เตรียมไว้แล้วลงมาเช็คเอาท์เพื่อเดินทางไปสถานีรถไฟ Zurich HB ต่อไป
เดินไปลากกระเป๋าอันหนักไป ข้ามสะพาน Bahnhof Brucke เพื่อไปยังสถานีรถไฟ เจอเรือซึ่งน่าจะเป็นเรือนำเที่ยวแล่นผ่านแม่น้ำ Limmat มาพอดี
เรานั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ Zurich HB ซึ่งอยู่ห่างที่พักเราประมาณ 10-15 นาที กลับไปยังสถานีรถไฟ zurich Flughafen สถานีที่ต่อโดยตรงกับสนามบินซูริค เพื่อขึ้นไปเช็คอินต่อไป
ณ จุดนี้ผมต้องลาทั้งสองไปก่อน เพราะตัวเองจะต้องบินกลับไทยก่อนคนอื่นเขา โดยพอไปถึงประเทศไทยจะกลับมาคอยรับอีกทีในตอน 6 โมงเย็นของอีกวันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ที่สนมบินซูริคขาออกนี่คนเยอะไม่ใช่น้อยเลย การบินไทยขึ้นอีกเทอร์มินอลนึง เลยต้องทำเวลากันหน่อย แอบมีลุ้นอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ผ่านตม.เข้ามาที่เกตประตูทางออก
มาถึงที่เกตแล้ว รอไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เรียก Boarding เป็นอันว่าเสร็จสิ้นทริปสวิสสำหรับผมทั้งเรื่องงานและเรื่องเที่ยวใน 15 วันแต่เพียงเท่านี้ ขออนุญาตเข้าไปในเครื่องบินแบบแอร์บัส A340-600 เพื่อบินลัดฟ้าจากซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กลับไปยังมาตุภูมิ สุวรรณภูมิ ประเทศไทยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น