วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน ตอน 7 Zermatt เมืองที่มียอดเขาแหลมทรงประหลาดที่มีชื่อว่า Matterhorn...day [6:13]

วันนี้เป็นวันที่หกของสวิสทริปเรา แต่เป็นวันที่สิบสามสำหรับผมในสวิตเซอร์แลนด์ วันนี้เราจะไปเที่ยวทางตอนใต้ของสวิสพร้อมๆกับย้ายเมืองในการพักค้างคืนไปในตัว โดยจะไปเมือง Zermatt เมืองที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆในทุกๆปีจากการที่เป็นเมืองสำหรับเล่นสกี และบ้านเรือนนั้นยังคงอนุรักษ์แบบชาวสวิสเดิมๆไว้ด้วย และที่สำคัญถ้าเอ่ยถึงเมืองนี้ ใครที่เคยไปมาก็จะรู้ดีว่าเมืองนี้ไม่อนุญาตให้รถที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นน้ำมันเข้าออกเมือง ดังนั้นเราจะเห็นรถเล็กๆที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอยู่ละแวกนี้ หรือไม่ก็ใช้รถม้าแบบโบราณ แต่ตอนที่เราไปเยือนนั้น ใครจะเชื่อว่ามีรถสิบล้อพ่นควันไอเสียอยู่ปุ๋ยๆ แล่นผ่ากลางเมืองแทบทั้งวัน เห็นแล้วก็แปลกใจจริงๆที่ว่าเราได้รับทราบมานั้นจริงหรือเปล่า 

วันนี้พอไปถึงที่ Zermatt แล้ว เราจะขึ้นไปเยือนจุดชมวิวเขา Matterhorn ด้วยรถไฟสาย Gornergrat ข้างบนจะมีหิมะขาวโพลนเช่นเดียวกับยุงฟราว และแถมมีหมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดด้วย สวิสพาสยังคงสามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 50% งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา....เตรียมเสื้อกันหนาวตามไปเที่ยว Zermatt ด้วยกันเลยครับ

==========
Today plan(6) : Interlaken - Zermatt <--> Gornergrat


เช้าวันนี้เราออกจากที่พักที่ Alplodge เมืองอินเตอร์ลาเค่นด้วยสัมภาระพะรุงพะรัง แต่ก็ไม่ต้องตื่นเช้ามากนักเพื่อให้ทันรถไฟ จากตางรางรถไฟที่ print มาล่วงหน้าจากไทยเราจะต้องนั่งรถไฟที่สถานี Int. Ost ไปลงที่สถานี Spiez ก่อน ต่อจากนั้นนั่งรถไฟอีกขบวนไปลงที่สถานี Visp แล้วค่อยนั่งรถไฟสาย Gotthard bahn ไปลงที่สถานีสุดท้ายคือเมือง Zermatt

มาถึงเมือง Spiez แล้ว ห่างจากอินเตอร์ลาเค่นแค่ 2 สถานีเอง มายืนรอรถไฟ IC หรือ Inter City ไปเมือง Visp

ช่วงจาก Spiez ไป Visp ต้องผ่านภูเขาสูงหลายลูก ทางเส้นนี้เลยต้องเจาะอุโมงค์แล่นรอดเขาไปครับ แต่พอออกจากอุโมงค์ก็เริ่มเห็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมแล้วหล่ะ


มาถึงเมือง Visp ก็ต้องมาต่อรถไฟไป Zermatt ครับ รถไฟสายนี้สีแดงสดใสดีจริงๆ จากง่วงๆมาเห็นเจ้านี่ตื่นเลย


ภายในสีของเบาะก็เข้ากับสีของตัวรถ สายนี้มีคนขึ้นไม่มากครับ โหรงเหรงทีเดียว หรืออาจเป็นเพราะยังเช้าอยู่ก็เป็นได้ครับ


ระหว่างทางก็จะเจอกับลำธารที่ขนานกันไปกับรถไฟหลายสิบกว่ากิโลเมตร เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วก็ให้นึกถึงช่วงนั่งรถจากเมืองกาฐมาณฑุไปเมืองโพครา เนปาลจัง เพราะวิวคล้ายกันมาก


ผ่านสะพานปูน


รถไฟค่อยๆแล่นอ้อมไปทางซ้ายตามความโค้งของภูเขาที่ผ่านไป


บ้านเรือนน้อยใหญ่ตั้งเรียงรายละหว่างทางไป Zermatt



บางช่วงก็จะเจอกับน้ำตกสายเล็กๆไหลลงระหว่างกลางของภูเขาหินปูน


พระอาทิตย์ค่อยๆสาดแสงแรงขึ้นเรื่อยๆสู่ท้องทุ่งสีเขียวๆพร้อมๆกับบ้านหลังน้อยๆของชาวชนบทสวิสเซอร์แลนด์


ประมาณเก้าโมงครึ่งก็มาถึงสุดสายของรถไฟ ณ เมืองเซอร์แม็ท(เซมัท) ผมเข้าไปติดต่อเรื่องจองรถไฟสาย Glacier Express ในวันพรุ่งนี้ที่เราจะต้องเดินทางไปเมือง Chur ไว้ก่อน ค่าจอง 30 CHF ต่อคน แพงมากๆ แล้วก็ถามเรื่องค่ารถแท็กซี่ไปส่งที่ Hostel ที่จองไว้ ราคา 18 CHF เลยกัดฟันลากกระเป๋าไปเองดีกว่า


เดินลากกระเป๋าอันใหญ่ ไม่ถึงไหนดีก็รู้สึกถึงความเหนื่อยและความหนักมากๆ ไกลก็ไกล ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟไปที่พัก Hostel Matterhorn วันนี้จำไปอีกนาน แต่กระนั้นก็ยังแลกมาด้วยวิวเขา Matterhorn ขี้อายสวยๆ อยู่เบื้องหลังนั้น


ซูมเข้าไปใกล้ๆ รอถ่ายตั้งนาน ยังไงๆ ก็ไม่เห็นภาพภูเขาแบบเคลียร์ๆ สักที


ที่พักที่นี่เขาให้เช็คอินหลังจากเวลา 16:00 น.เป็นต้นไป ดังนั้นเราทำได้เพียงแค่ฝากกระเป๋าเท่านั้น แล้วค่อยมาเช็คอินใหม่หลังจากไปขึ้นเขากอนนากราด

เดินกลับมาย้อนเส้นทางเดิมเพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟขึ้นเขาสาย Gornergrat ยามนี้เจ้า Matterhorn ก็ยังขี้อายเช่นเดิม ไม่ยอมโผล่หัวมาจากเมฆและหมอกที่ปกคลุม


ช่วงนี้ไม่ว่าจะถ่ายรูปวิวไหน เจ้า Tower Crane ก็ตามมาติดแทบทุกเฟรม เนื่องจากมีการสร้างที่พักและโรงแรมเยอะมากๆ รถสิบล้อก็วิ่งกันฝุ่นตลบทั่วเมืองไปหมด เสียดายไม่ได้ถ่ายรถสิบล้อมาด้วย


มาถึงสถานีขายตั๋วรถไฟขึ้นเขากันแล้ว สถานีตั้งอยู่ตรงข้ามสถานี Zermatt ที่เราเพิ่งลงมาเลย


ซื้อตั๋วไปกลับ(สวิสพาสลด 50%) เสร็จก็เข้าไปขึ้นรถไฟตามเวลาที่แจ้งไว้ แล้วรถไฟฉึกฉักก็ค่อยๆไต่เขาไปอย่างช้าๆ
ในภาพที่เห็นเราจะต้องโค้งขวาเพื่อวิ่งไปตามรางโดยมีหลังคาไม้ครอบอยู่ ทำคล้ายๆกับอุโมงค์


แล้วก็มาถึงสถานี Gornergrat สถานีปลายทางบนยอดเขา ลงจากรถไฟมาก็หนาวทันที


มองไปยังอาคารที่อยู่ด้านบน


ก่อนจะเดินขึ้นไปขอถ่ายรูปจุดชมวิวที่สถานีก่อน


ผู้คนมาออยืนถ่ายภาพเขาแม็ทเธอร์ฮอร์นเต็มไปหมด เขาแม็ทเธอร์ฮอร์นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์



ห่างกันไม่นานก็จะมีรถไฟอีกขบวนแล่นขึ้นเขามาพอดี


เจอแล้วหล่ะ เจ้าหมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดที่จะมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่ด้วย แต่ต้องเสียเงินนะครับ ผมเลยถ่ายเฉพาะมันมาเท่านั้น


เดินขึ้นไปยังส่วนของอาคารกันเลย


ขึ้นมาแล้วก็มองย้อนลงกลับไปที่สถานี คนเยอะทีเดียว


ข้างนอกอากาศหนาวยิ่งนักแต่พอเข้ามาภายในอาคารก็อุ่นขึ้นมาทันที ชั้น 2 นี้จะเป็นร้านอาหาร


หิวเล็กน้อย เลยสั่งไส้กรอกกับมันทอดมาทาน


จนแล้วจนรอดเจ้าเขา Matterhorn ก็ไม่เคลียร์ให้เราถ่ายแบบเต็มๆ มีเมฆลอยมาบดบังตลอดเวลา


เลยเดินขึ้นไปข้างบนอีก มาดู Glacier หรือธารน้ำแข็งฝั่งนี้บ้าง วิวแปลกดีจัง


ซูมเข้าไปดูใกล้ๆ อ๊ะ....มีน้ำขังสีเทอร์ควอยซ์เกิดจากหิมะละลายด้วย


เชิญชมวิวสวยๆได้เลยค่ะ....


ณ จุดชมวิวนี้ยังมีข้อมูลยอดเขาต่างๆที่อยู่รอบๆให้เราศึกษาด้วย


ด้านบนก็จะมีที่นั่งให้นักท่องเที่ยวนั่งพักซึ่งจะอยู่รอบๆ ลานหิมะสีขาว นั่งไปชมวิวไป ช่างมีความสุขจริงๆ


อีกมุมหนึ่ง...


ด้านนี้เป็นอะไรไม่ทราบ เห็นมีทางเดินเป็นรอยเท้าไปตามธารน้ำแข็งด้วย

Matterhorn เจ้านี่ช่างขี้อายจริงๆ จะถ่ายเวลาไหนก็จะถูกเมฆปกคลุมตลอด


แต่ถ่ายมาได้แบบนี้ก็ถือได้ว่าเกือบสมบูรณ์แล้ว


โบสถ์เล็กๆที่อยู่บนเขาครับ


เกือบๆบ่ายสองเราก็เตรียมตัวลงกันแล้ว เจอน้องหมาที่ว่างงานไม่มีคนมาถ่ายรูปด้วย เลยนอนหง่าวซะงั้น


พอตอนขาลงในรถไฟก็มีโอกาสเก็บภาพ Matterhorn ที่พอเห็นยอดมาได้เท่านี้ หลายๆคนรีบลดกระจกหน้าต่างและถ่ายภาพกันใหญ่


วิวทางรถไฟที่เราจะต้องลงไป


ระหว่างทางลงเห็นน้องแกะแออัดพากันหลบแดด โชว์บั้นท้ายกันใหญ่


แล้วก็มาถึงสถานีกอนนาการ์ด ลงเดินกลับที่พักต่อไป


ลงมาที่พื้นปกติ เจอรถลากม้ากำลังแล่นสวนมา ข้างๆก็จะมีทำทางอยู่เล็กน้อย แต่เชื่อมั้ยครับ ทำทางแป๊บเดียวก็เสร็จ


แล้วก็เดินกลับมาที่พักเพื่อเช็คอินอีกครั้ง ผ่านโบสถ์ประจำเมืองสวยงามด้านขวามือ


และสุสานด้านซ้ายมือของเหล่านักท่องเที่ยวที่มาจบชีวิตลงจากการพิชิตเขา Matterhorn แห่งนี้


แล้วก็เข้ามาเช็คอิน ห้องพักที่จองไปอยู่ชั้นล่างของอาคาร สภาพแออัดมาก ไม่แนะนำอย่างยิ่งครับ


ลงมาก็หิว ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ควักมาม่าคัพล็อตสุดท้ายมาทานกัน


ทานเสร็จก็ออกมาเดินดูของภายในเมือง ในรูปเป็นพิพิธภัณฑ์ของเมือง แต่เราไม่ได้เข้าไปดู


แปลกจัง พบตุ๊กตาแม่มดเต็มไปหมดในเมืองนี้


และดอกไม้สวยๆ


เราเจอรถม้าอีกคันแล้วครับ กุบกับๆๆๆๆ


แวะเลือกซื้อนาฬิกาที่ร้านนี้ซะหน่อยครับ มีวัวสีฟ้าตัวใหญ่หน้าร้าน อิอิ


พอหกโมงเย็นร้านต่างๆก็ทะยอยกันปิดแล้ว เราเลยไม่รู้จะเดินไปไหน เลยต้องกลับที่พักแต่หัววัน ขอจบด้วยภาพรถม้าที่ส่วนใหญ่โรงแรมดังๆจะนำมาใช้รับแขกที่มาพักที่นี่จากสถานีรถไฟครับ

ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาชมและทักทายกันครับ สุขสันต์วันพระใหญ่ อาสาฬหบูชาครับ ว่างๆไปทำบุญนะครับ

Original Published on www.pantip.com at [ 17 ก.ค. 51 14:26:35 ] as below link


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น