วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน ตอน 8 นั่ง Glacier Express มุ่งสู่ Zurich ในยามค่ำคืนอันสวยงาม...day [7:14]


หลังจากนอนขดอยู่ใน Hostel ที่ Zermatt จนเช้าแบบหนาวสั่น ก็ต้องตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ตื่นมาทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ต้องขำพวกเรากันเองว่า เมื่อคืนทนนอนหนาวอยู่ได้ตั้งนานโดยไม่เอะใจอะไร...เพราะจริงๆแล้วที่นี่ก็มี Heater แต่ดันลืมเปิดสวิตช์ให้ทำงานซะงั้น เลยกลายเป็นว่าอดทนนอนหนาวกันมาทั้งคืนกว่าจะทราบ

วันนี้เรามีนัดที่สถานีรถไฟ Zermatt เวลาประมาณ 9:00 น. เพื่อที่จะขึ้นรถไฟสาย Glacier Express ที่อุตส่าห์เสียเงินจองเมื่อวานตั้งคนละ 30 CHF แพงไม่ใช่เล่นเลย วันนี้ก็ต้องขนสัมภาระอันหนักอึ้งอีกแล้วเพื่อจะต้องมาให้ทันเวลารถไฟออกดังกล่าว 

วันนี้คงเป็นการใช้เวลานั่งรถไฟที่ช้าที่สุดในสวิสก็ว่าได้ซึ่งเขาว่าวิวสองข้างทางนั้นสวยงามมากๆ เราจะใช้เวลาจาก Zermatt เพื่อไปลงที่เมือง Chur โดยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงและต่อรถไฟสายปกติกลับไปเมือง Zurich เพื่อเข้าพักต่อไป โดยคืนนี้แล้วสินะที่จะเป็นคืนสุดท้ายของพวกเราในสวิตเซอร์แลนด์

==========
Today plan(7) : Zermatt --> Glacier Express --> Zurich


เราเช็คเอ้าท์ออกจาก Hostel แล้วเดินลากกระเป๋ามาเรื่อยๆ จุดหมายคือสถานีรถไฟ Zermatt นั่นเอง ระหว่างทางก็จะเจอกับเหล่านักสกีที่มากันเป็นกลุ่มเพื่อเริ่มเปิดพิธีเทศกาลสกีในวันนี้ น่าเสียดายที่เราไม่มีเวลาไม่งั้นคงจะไปร่วมดูพิธีเปิดด้วยแล้ว


รถไฟสาย Glacier Express สายที่ใครๆก็อยากจะมาขึ้น ตัวโบกี้สีแดงแสบตาทีเดียว วันนี้เป็นครั้งแรกที่เจอรถไฟของสวิสดีเลย์ โดยออกจริงเกือบ 9 โมง 15 นาที


ภายในโอ่โถงและเป็นแบบพานอรามา มองวิวได้กว้างกว่ารถไฟธรรมดาซึ่งก็เหมือนกับรถไฟสาย Golden Pass ที่เราขึ้นมาแล้วนั่นเอง


ระหว่างนั่งรถไฟไปก็หยิบเอาสตอเบอรี่มาชิมสักหน่อย ลูกใหญ่มากๆ


วิวระหว่างทาง เสียดายที่ถ่ายผ่านกระจกรถไฟทีไร ภาพมัวๆไม่สดใสไปซะทุกที วิวจริงสวยกว่านี้เยอะมาก


บ้านสร้างลดหลั่นตามเนินเขา


ทุ่งดอกไม้ระหว่างทางที่ดูแล้วสุดแสนสบายตา


บางช่วงก็เป็นภูเขาสูงมีลำธารไหลผ่านระหว่างเขาทั้งสอง


นั่นไง...ภูเขาๆ 555


รถไฟมาจอดที่สถานี Andermatt (ถ้าจำไม่ผิด) ประมาณ 10 นาทีให้ยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะขับขึ้นภูเขาอันสูงชันที่ Oberalppass โดยเป็นจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางนี้ ที่ระดับ 2,033 เมตร


ไต่ขึ้นมาด้านบนแล้ว นั่นไง....สถานีที่เราเพิ่งลงไปเดินเล่นกัน สวิสเขาเก่งมากเรื่องสร้างเส้นทางรถไฟไปตามเขาสูงชัน นับถือจริงๆ ไทยเราตามหลังหลายขุมมากๆ


ได้ชมวิวกระเช้าไต่ที่สูงบริเวณนี้ด้วย


รถไฟแล่นผ่านน้ำแข็งที่ละลายลอยอยู่ตามลำน้ำระหว่างทาง ช่างเป็นภูมิประเทศที่เราไม่เคยได้เห็นมาก่อนจริงๆ


มาดูกันใกล้ๆอีกครั้ง น้ำด้านล่างคงหนาวเย็นน่าดู


ภูเขาสีเขียวเข้มถูกปกคลุมไปด้วยหิมะบางส่วน มองดูคล้ายๆลายพรางของทหารยังไงยังงั้นเลย


ชมวัวเลี้ยงระหว่างทางกันไปพลางๆ


ในที่สุดระยะเวลาอันยาวนานถึง 5 ชั่วโมงก็สิ้นสุดลง เราลงจากรถไฟสายนี้ที่สถานี Chur เพื่อต่อรถไฟสายธรรมดาไปเมืองซูริคต่อไป แต่ดูตารางเวลาแล้วเราก็ยังไม่รีบร้อนโดยไปหาอะไรทานก่อนที่ร้านอาหารใต้สถานีเนื่องจากยังมีเวลาอีกหลายสิบนาทีก่อนรถไปจะมาถึง


จับรถไฟสายธรรมดาเข้าซูริค วิวระหว่างทางก็สวยอีกแล้ว ชนบทแบบนี้ มีกระต๊อบอยู่กลางทุ่งหญ้า อยากมาอยู่แบบนี้ซะจริงๆ ชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆ


ระหว่างทางก็ได้ชมวิวสวยๆงามๆตลอดเส้นทาง จนมาถึงวิวทะเลสาบซึ่งก็น่าจะมั่นใจได้ว่าใกล้จะมาถึงซูริคแล้ว


เห็นชุลมุมอย่างนี้ ใช่แล้วหล่ะ....สถานีรถไฟ Zurich HB มาถึงประมาณ 4 โมงครึ่ง


แล้วเราก็ต้องเดินลากกระเป๋าหาโรงแรมที่พักอันวุ่นวายอีกครั้ง ดูแผนที่ไปก็งงไปว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่ โชคดีที่มีผู้ชายชาวสวิสคนหนึ่งเข้ามาถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า เราเลยสอบถามถึงที่ตั้งของโรงแรมซึ่งก็ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดี โดยมันอยู่ใกล้ๆที่เรายืนหาแต่ไปไม่ถูกถนนซะทีนั่นเอง ต้องขอขอบคุณชาวสวิสคนนั้นด้วยครับ
มาถึงแล้วโรงแรม Martahaus อยู่ในและแวกเซ็นทรัลนั่นเอง ทำเลดีมากๆแถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย


เข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์กันก่อนครับ


ได้รับกุญแจห้อง เราก็ขึ้นมาข้างบนชั้น 3 กันครับ คล้ายๆอพาร์ตเม้นท์นะครับ สะอาดมากๆ


นี่ไงห้องพักเรา ที่นี่จะมีลิฟท์เล็กๆน่ารักไว้คอยบริการด้วย ที่พักสะอาดสะอ้าน น่าพักจริงๆ โดยมีอยู่สามเตียง เตียงที่สามจะเลื่อนเข้าออกโดยอยู่ใต้เตียงอีกเตียงหนึ่ง


ภายในห้องแม้ว่าจะกระทัดรัดแต่ก็ยังมีโทรทัศน์ให้เราดูด้วย โดยที่พักที่ผ่านๆมาไม่มีแต่อย่างใด ถึงห้องน้ำจะอยู่ด้านนอกโดยใช้ร่วมก็ถือว่าใช้ได้ สะอาดอีกเช่นกัน โรงแรมนี้ผมขอแนะนำครับ


เก็บสัมภาระเสร็จก็ลงมาเดินเล่นด้านล่าง จากที่พักเดินตัดเข้าถนน Niederdorfstrasse ถนนที่ผมเคยเดินเมื่อวันแรกที่มาเยือนซูริค



แอบส่องเคบับ เห้นมีอยู่หลายร้านมากๆ แต่ไม่ได้ลองเลยแฮะ


เดินไปเรื่อยๆจะถึงลานโล่งครับ หลายคนออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์กัน


เจอหมาน่ารักๆหลายตัวทีเดียว ไม่แน่ใจว่าเจ้าของจูงมาขายคนละแวกนี้หรือไม่


ไปที่อินเตอร์ลาเค่นเจอวัวทะลุตึก มาที่ซูริคเจอวัวทะลุระเบียง


และก็มาถึงร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงของย่านนี้ เสียดายที่ทานกาแฟไปเรียบร้อยแล้วเลยไม่ได้แวะ


และก็เดินมาถึงที่โบสถ์ Gross Munster แม้ว่าผมจะเคยมาแล้วในวันแรกแต่วันนี้เราจะเข้าไปชมอีกเพราะอีกคนเพิ่งเคยมาครั้งแรก


เข้าไปข้างในโบสถ์ก็เจอวงดนตรีออเครสตร้ากำลังบรรเลงเลยครับ


ตอนแรกกะจะเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวเมืองซูริคในมุมสูง แต่ด้วยเวลาใกล้จะปิดแล้วเลยชมเพียงกระจกสีรอบโบสถ์แล้วค่อยมาใหม่เพื่อขึ้นไปด้านบนในวันรุ่งขึ้นแทน


ออกมาจากโบสถ์ก็เดินมายังอีกฝั่งของถนน Limmatquai เห็นฝูงชนกำลังมุงอะไรกันอยู่ ดูบอลยูโรแข่งกันนั่นเอง


ผมขอตั้งกล้องถ่ายรูปเราทั้งสองหน่อยครับ มีหญิงฝรั่งหันมามองด้วยแฮะ อิอิ


เราเดินต่อไปเพื่อเดินข้ามสะพาน Munster brucke เห็นวิวเรือที่จอดคลุมผ้าสีฟ้าๆเรียงรายอยู่ พร้อมกับสะพานอีกแห่งซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว


ร้านรวงระหว่างทาง ในภาพเป็นร้านขายถ้วยโถโอชามและชุดเสื้อผ้าสตรีที่เข้ากันมากๆ สีสันสวยงามบาดตาจริงๆครับ อดใจไม่ไหวต้องหยุดถ่ายภาพไว้


เดินไปเรื่อยๆครับ มุ่งหน้าแถวสถานีรถไฟซูริค มีธงชาติสวิสติดไว้สองข้างทาง


แล้วก็มาเจอกับรถแทรม(Tram) หรือรถรางนั่นเอง


รอจังหวะรถรางแล่นผ่านไป เลยไปยืนถ่ายตรงกลางซะเลย 555 สวยงามครับ


มาอีกขบวน ระหว่างทางไปทะเลสาบซูริค


แล้วก็มาถึงตรงนี้ เดินไปชมเครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ของฝรั่งกันดีกว่า จะตั้งอยู่ใกล้ๆบริเวณท่าเรือทะเลสาบซูริค


อาคารที่เห็นข้างหน้าสถาปัตยกรรมแบบเก่า นั่นคือสถานีรถไฟซูริคนั่นเอง


แต่เราเลี้ยวซ้ายครับ จะมีร้านอาหารเอเชียร้านนี้อยู่ เพราะเดินไปเดินมาชักจะหิวซะแล้ว ผมเลยพาไปทานอาหารไทยที่ร้าน Mr. Wong ตรงกันข้ามสถานีรถไฟ Zurich HB


จานนี้ลองทายสิครับเท่าไหร่ ? ข้าวกับแกงกะทิเนื้อ .... 19 สวิสฟรังค์ หรือประมาณ 600 บาท ครับ !! 


วันนี้มีโปรแกรมฟุตบอลยูโรทีมโรมาเนียแข่งพอดี เลยจะเห็นแฟนบอลผีดิบทั่วไปหมดในซูริค


ทานอาหารเสร็จก็เดินไปดูช็อคโกแล็ตที่ร้านขายของใต้สถานีรถไฟ Zurich HB อีกครั้ง แต่ยังไม่เจอราคาที่ถูกใจ ซึ่งยังไงก็จะไปซื้อที่ร้าน Coop อยู่แล้ว


นี่ไง....หุ่นนักฟุตบอลที่ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ลองย้อนกลับไปดูในวันแรกที่มาเยือนสวิสจะเห็นว่าแตกต่างกันเลยทีเดียว


นักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวสวิสเองก็ยังตกตะลึงมายืนดูและเก็บภาพกันใหญ่ ผมเองก็คนหนึ่งในนั้น


ออกจากสถานีรถไฟ Zurich HB ก็เดินชมวิวเมืองซูริคไปเรื่อยเปื่อย ยามนี้แสงเริ่มน้อยลงทุกทีแล้ว เราไปเดินที่ถนน Limmatquai ซึ่งขณะนี้ใช้เป็นถนนสำหรับแฟนฟุตบอลของชาติยุโรปที่ตามมาเชียร์ทีมที่ตนเองชอบกันอย่างสนุกสนานยันการแข่งขันเสร็จ


ซูริคยามค่ำคืนเริ่มสวยงามขึ้นมาทุกขณะแล้ว พร้อมๆกับเสียงเชียร์ของเหล่าแฟนบอลดังกึกก้องตามท้องถนนเต็มไปหมด โบสถ์แหลมๆที่เห็นสีฟ้าๆคือ Fraumunster อันสวยงามนั่นเอง


ส่วนที่เห็นตรงหน้าก็จะเป็นโบสถ์ St. Peter ที่มีนาฬิกาอันใหญ่ที่สุดของสวิสนั่นเอง


เรามาชมภาพโบสถ์ทั้งสองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Limmat เมืองซูริคกันครับ


เดินฝ่าฝูงชนแฟนฟุตบอลฝรั่งเศสและฮอลแลนด์เพื่อเดินวนมาที่สะพาน Munster brucke อีกครั้ง ความตั้งใจก็คือจะถ่ายวิวโบสถ์ Gross Munster ที่มีหอคอยแฝดยามค่ำคืนครับ


ข้ามสะพานมาเล็กน้อยก็หันกลับไปเพื่อเก็บภาพกันเลยทีเดียว วิวหอคอยแฝดแบบนี้คงเห็นไม่บ่อยนะครับ นอกจากมีเทศกาลใหญ่ๆเท่านั้น อย่างเช่นวันนี้ เป็นช่วงฟุตบอลยูโรนั่นเอง เลยได้เห็นวิวแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน


อีกวิวหนึ่งที่มองขนานไปกับแม่น้ำ Limmat โดยมีโบสถ์ St. Peter อยู่ทางด้านซ้ายมือ


หอคอยแฝดของโบสถ์ Gross Munster ยามนี้ช่างมีหลากหลายสีสันซะจริงๆเลย สีสันของโบสถ์ยามนี้ก็คือธงชาติของทีมที่เข้าร่วมฟุตบอลยูโรครั้งนี้แน่นอน


กำลังเล็งกล้องอยู่ก็ได้ยินเสียงเฮเป็นจังหวะๆดังกึกก้องไปทั่วบริเวณนั้น สงสัยมีทีมใดทีมหนึ่งยิงประตูได้แน่ๆ ซึ่งรู้ทีหลังก็คือทีมฮอลแลนด์นั่นเอง


ยิ่งดึกก็ยิ่งอากาศหนาวเย็นขึ้นมาทุกที การแข่งขันฟุตบอลระหว่างฮอลแลนด์กับฝรั่งเศสก็จะจบลงแล้วด้วย เราเลยต้องจากลาราตรีของเมืองซูริคในค่ำคืนวันนี้ไป


ฝากภาพยามค่ำคืนในซูริคภาพนี้เป็นภาพสุดท้าย ไว้เจอกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น วันกลับประเทศไทย....ในกระทู้สุดท้ายของสวิสทริป.... ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาติดตามชมนะครับ สวัสดีครับ

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น